ด่วนที่สุด ขอเชิญสมาชิกแสดงความคิดเห็นเพื่อ''ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย''

ในห้อง 'ประกาศจาก เว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 20 สิงหาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    กำลังมันเขี้ยวอยู่ ^-^ ขอคุยต่อ

    คือต้องตีโจทย์ให้แตก สิ่งที่จะไปพูดต้องตอบโจทย์ให้ได้ ตรงนี้คือประเด็น จับประเด็นให้ถูก

    ประเด็นคือ รัฐบาลต้องการนำศาสนามาเป็นเครื่องมือ เอ๊ย ไม่ใช่ นำมาเป็นกลไกในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไปพูดต้องเป็นหลักในทางศาสนา ที่สะท้อนออกมาให้เห็นว่าสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติได้

    เงื่อนไขของการพูดก็คือ 3 นาที 8 บรรทัด อย่าลืมเงื่อนไขตรงนี้ เค้าไม่ได้ให้เราพูด 3 ชั่วโมง 800 บรรทัดนะ ^-^

    เพราะฉะนั้น ต้องใช้คำให้ตรงประเด็น สั้น กระชับ แต่สื่อความหมายได้ตรง

    การใช้คำก็มีสองอย่าง คือ ขยายความก็ได้ ย่อความลงมาก็ได้

    ยกตัวอย่างเช่น

    แปลกนะ ทำไมชั้นเห็นหน้าเธอ ชั้นต้องหัวใจเต้นแรง หน้าก็แดง อยากจะอยู่ใกล้ๆเธอ อยากจะโทรหาเธอ วันไหนไม่เจอเธอ ชั้นจะลงแดงตาย แล้วเธอรู้ไหมเดี๋ยวนี้ชั้นเปลี่ยนยี่ห้อยาสีฟันแล้ว ชั้นหันมาใช้ยี่ห้อ "ใกล้ชิด" แล้วละ ทั้งหมดนี้ เพราะคำว่า ... รักนะเด็กง่อ..... ^-^ คือ เพ้อมาเยอะ สุดท้ายมาจบที่คำว่า "รัก"

    หรืออีกรูปแบบหนึ่งก็คือ เป็นการให้นิยามแบบตีแสกหน้า

    เช่น กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก .... ชัดม๊ะ

    รูปแบบการนำเสนอที่ผู้จัดต้องการ ก็คือ แนวที่สอง

    เฮ้อ เหนื่อย เนี่ยอุตส่าห์ยกแม่น้ำทั้ง 5 มาโน้มน้าวนะเนี่ย ไล่ตั้งแต่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำอเมซอน แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำโขง และแม่น้ำเจ้าพระยา !
     
  2. notme

    notme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +256
    ทุกชนชาติมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
    ศาสนามีความหมายควมสำคัญด้านจิตใจเป็นอย่างมาก
    หลักสำคัญที่เข้าใจได้ง่ายโดยไม่ซับซ้อนคือการไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    การช่วยเหลือเกิ้อกูลกัน ค้ำจุลสนับสนุนกัน
    อาจจะมีหลายๆอย่างที่คิดเห็นไม่ตรงกันบ้างแต่ก็ต้องยอมรับความคิดเห็นผู้อื่นที่ต่างออกไปและแก้ปัญหาต่างๆด้วยสติ และปัญญา
    หากศาสนาทำให้มุมมองเปิดกว้างมองโลกในแง่ดี เมื่อความคิดดีแล้วการกระทำทุกอย่างก็ดีไปด้วยแล้วจะนำพาความเจริญรุ่งเรื่องและสันติสุขมาสู่ทุกๆคน
    และความเจริญรุ่งเรื่องด้านจิตใจและความคิดไปพร้อมๆกับวัตถุที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วได้ลงตัว


    เสนอความเห็นแบบนี้นะครับไม่รู้ตรงทางหรือเปล่า
    โมทนาครับ
     
  3. 2516

    2516 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +24
    ศาสนาเป็นเรื่องของคำสอนซึ่งมุงให้สาวกเป็นคนดีแต่ถ้าว่ากันไปแล้วสาวกของแต่ล่ะศาสนาดูเหมือนจะหางไกลคำสอนทั้งนี้ก็เพราะหวงแต่เรื่องความเป็นอยู่ปากท้องและเลยไปถึงปัจจัยที่ห้าที่หกนั้นหมายความว่าแสวงหาแต่สิ่งบำรุงกิเลสวิ่งตามกระแสเศรษฐกิจอันฟุ่มเฟื้อซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมากเกินไปสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เหตุเป็นปัจจัยให้ผู้คนเกินความโลภอยากได้นั้นอยากเป็นนี้โดยที่ไม่ได้สนใจว่าการแสวงหามานั้นจะถูกหรือผิดรวมความว่าเราให้ความสำคัญกับเหตุให้เกิดกิเลสมากเกินไปเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายตามมาเพราะฉะนั้นเราควรจะมาดูหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้หลัก อริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรจ มรรค หาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายแล้วก็หาทางดับเหตุนั้นในฝายศาสนจักรก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่รัฐบาลเองก็ต้องให้ความช่วยเหลือกิจการพระศาสนาให้เต็มที่ทำงานกันแบบหวังผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญอย่างจริงจังจริงใจ
     
  4. somsak2223

    somsak2223 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +8
    ร่วมด้วยครับ ขออนุโมทธา สาธุ ครับ

    ศาสนาพุทธของเราเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นศูนย์รวมของคนไทยทุกคนครับ({)
     
  5. มหานอกวัด

    มหานอกวัด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +51
    ...ปฏิรูปประเทศ เหรอ เคยประชุมกันมาหลายครั้งมิใช่หรือ..ที่เฝ้าดูผลงานก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าใด เหมือนย้ำอยูกับที่น่ะ...จะทำกันจริงจังนั้นมันต้องเริ่มที่การปลูกฝังคุณธรรมอันเลิศ(จิตใจสูงส่ง)แก่บรรดาเยาวชนทั้งหลาย...ระบบวิชาการทุกวันนี้เน้นวิชาการหาเลี้ยงชีพมากเกินจำเป็น แต่วิชาการครองชีพดำรงชีพอย่างถูกต้อง(ทั้งทางโลกและทางธรรม)กลับละไปซึ้งตรงนี้คิดว่าสำคัญนะ...เคยศึกษามาว่าในบางประเทศเขาจะสร้างคนให้เป็นผู้นำประเทศนั้น เขาปลูกฝังกันมาแต่เล็กๆเลย ให้เด็กเหล่านั้นมีคุณธรรม มีจิตใจดีงามมาตั้งแต่เล็กๆสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นมีสามัญสำนึกที่สูงส่งมาก... มาดูที่เราสิอะไรไม่รู้มั่วไปหมด...สรุป.จะปฏิรูปประเทศไทยนั้น ต้องสร้างความเชื่อเรื่องความดี(บุญ)ความชั่วบาป ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ให้มีประจำจิตใจเยาวชนของชาติ เพื่อให้เกิด หิริโอตัปปะ แค่นี้ชาติไทยก็ไปโลดแล้ว...เอวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  6. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    ผู้นำดี บ้านเมืองก็เจริญ (ผู้นำที่มีธรรม)

    ประชาชนดี บ้านเมืองก็เจริญ (ประชาชนที่ทีธรรม)

    บ้านเมืองดี ผู้คนก็เจริญ (บ้านเมืองที่มีธรรม)

    การจะให้ได้ดีทั้งผู้นำ ประชาชน และประเทศชาติเจริญ ทุกอย่างต้องเริ่มที่คิดดี

    ศาสนานั้นดีอยู่แล้ว เจริญอยู่แล้ว แค่นำมาใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา และถูกคน

    ไม่ต้องให้ใครทำ ไม่ต้องหาคนทำ เริ่มที่ตัวเราเอง ครอบครัวเราเอง

    โรงเรียนเราเอง ที่ทำงานเราเอง จังหวัดของเราเอง แล้วประเทศเราเอง

    ถ้าตัวเราไม่เริ่ม มัวแต่คิดให้คนอื่นเริ่ม แล้วมันจะดีได้เช่นไร

    มาเริ่มต้นทำดี และมีธรรมกันเถอะครับ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  7. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย


    ประเด็นที่ 1. ต้องเข้าใจก่อนว่า ศาสนาทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี และประเทศไทยอันมี 3 สถาบันหลักเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว อันได้แก่ ชาติ พระพุทธศาสนา และ พระมหากษัตริย์ นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งและเป็นรากฐานสำคัญของประเทศไทย แม้จะมีศาสนาอื่นๆ อาทิ คริสต์ อิสลาม เป็นต้นด้วย แต่ประเทศไทยซึ่งมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็เปิดกว้างเสมอและยินดีพร้อมใจในการอยู่ร่วมกับทุกๆ ศาสนา โดยไม่ถือเป็นเหตุแห่งความแบ่งแยกในสังคมไทย ทั้งอยู่กันด้วยความเข้าใจและสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสมอมา


    ประเด็นที่ 2. ต้องเข้าใจถึงปัญหาในสังคมไทยก่อนว่ามีรากเหง้าสาเหตุมาจากเรื่องใด แล้วแก้ให้ตรงจุดแม้บางเรื่องอาจต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก เรียกว่าต้องใช้แนวคิดแบบบูรณาการ กล่าวคือ การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม และทำการศึกษาปัญหาทั้งแบบองค์รวมและแยกส่วน เช่น

    2.1 ศึกษาปัญหาจากล่างขึ้นบน หมายถึง การศึกษาปัญหาของคนรากหญ้า ชาวบ้าน คนยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ว่ามีเรื่องใดบ้างที่จะต้องแก้ไขและทำการช่วยเหลือทั้งในแบบระยะสั้นและระยะยาว แล้วทำการประมวลผลนำเสนอขึ้นสู่เบื้องบน คือ รัฐบาล เช่น การจัดสรรที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรม การจัดการทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเต็มที่ การวางแผนป้องกันและรับมือกับภัยธรรมชาติ การเยียวยาและแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม การปราบปรามยาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจัง การแก้ปัญหาในแวดวงราชการ ฯลฯ

    2.2 ศึกษาปัญหาจากบนลงล่าง หมายถึง ศึกษาปัญหาของระบบการเมือง ปัญหาทางจริยธรรมของนักการเมืองซึ่งถือว่าเป็นผู้แทนของประชาชน ปัญหาการกระจายอำนาจเชิงนโยบาย งบประมาณ และมาตรฐานเชิงกฎหมายในระบบการเมืองไทยที่นับเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยได้ ก่อให้เกิดการผูกขาดทางการเมืองและผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งต้องแก้ด้วยการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในการตรวจสอบอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยเฉพาะการทำประชาพิจารณ์ในเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศและในเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม


    ประเด็นที่ 3. การนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการปฏิรูปและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ในจุดนี้ต้องฝากถึงรัฐบาลในชุดปัจจุบันและที่จะมาเป็นรัฐบาลในอนาคตก็ตาม เพราะการเป็นรัฐบาลก็เหมือนกับการได้เป็นศรีษะเป็นแขนเป็นขาของประเทศ คือ ทั้งคิดทั้งวางแผนทั้งจัดทำนโยบายทั้งปฏิรูปทั้งการบริหารจัดการประเทศทุกอย่างทุกประการ ล้วนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่สำคัญคือ การจัดการระบบการศึกษาอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ การส่งเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนทั้งในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ฯลฯ รวมถึงการส่งเสริมในด้านของจริยธรรมศีลธรรมให้แก่นักเรียนนักศึกษาประชาชนทุกระดับ และการกระจายงบประมาณสนับสนุนอย่างทั่วถึงด้วยหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงและหลักธรรมในพระพุทธศาสนา คือ สอนให้รู้จักความพอดีและทางสายกลาง สามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยหลักแห่งศีล สมาธิ และปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา

    ถามว่า ทำไมต้องฝากประเด็นนี้ถึงรัฐบาล เพราะในความเป็นจริงแล้ว ชาวพุทธทุกคนก็ปรารถนาที่จะเป็นคนดีของสังคมของประเทศชาติอยู่แล้ว แต่เพราะตัวแทนของประชาชนบางคนยังขาดจิตสำนึกและขาดการผลักดันในเรื่องนี้อยู่มาก จึงทำให้เกิดปัญหาอย่างที่เห็น ถ้าผู้ที่มีอำนาจมีหน้าที่ในการบริหารจัดการประเทศมีแต่ความรู้ แต่ไม่มีคุณธรรม ก็พูดลำบาก เดินหน้าลำบาก... เช่น อาจออกระเบียบราชการให้ผู้ที่เข้ามาเป็นข้าราชการทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองไปเข้ารับการอบรมในโครงการอบรมธรรมะของวัดต่างๆ เป็นระยะๆ โดยเฉพาะ ส.ส. และรัฐมนตรี เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี หรือมิฉะนั้นก็นิมนต์พระมหาเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงภูมิธรรมสูงไปเทศนาอบรมในรัฐสภาหรือทำเนียบรัฐบาล (กลัวแต่ว่า ไม้แก่จะดัดยากเท่านั้นเอง...พูดไปสองไพเบี้ย...ใจจริง ผมอยากให้ไม้แก่รีบๆ ผุพังไป แล้วให้คลื่นลูกใหม่มาแทนเท่านั้นเอง เพราะเข้าใจว่า ไม้แก่ดัดยากจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ การเมืองน้ำเน่า เพราะมาจากความคิดเน่าๆ ของนักการเมืองหน้าเก่าๆ ทั้งนั้น แรงไปต้องขออภัยด้วย นักการเมืองน้ำดีก็มีนะครับ ผมพอจะเห็นอยู่บ้าง) เพราะระบบการเมืองไทยยังไม่สามารถคัดกรองผู้ที่มีความรู้คู่คุณธรรมมาเป็นรัฐมนตรีได้ จึงต้องขอฝากประเด็นนี้ไปแบบเต็มๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปัญหาของประเทศไทยเราไม่ได้ขาดบุคลากร แต่ขาดคุณธรรมในบุคลากรต่างหาก ปัญหาก็จะมีต่อไปว่า ถ้าส.ส.ไปวัดแบบสร้างภาพแล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องขอตอบว่า ถ้าผลงานยังออกมาไม่ดีมีการทุจริตไม่โปร่งใสอยู่หรือยังมีพฤติกรรมในทางที่ไม่ดีที่ยังไม่ยอมแก้ไขอยู่อีก ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายในขั้นเด็ดขาด ถ้ากฎหมายทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้กฎแห่งกรรมเล่นงานไปตามระเบียบ และเชื่อเถิดว่าใครทำอะไรไม่ดีไว้กับประเทศชาติ ผิดคำสัตย์ปฏิญาณที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วไซร้ ย่อมเกิดผลกรรมทันตาเห็นในชาตินี้นั่นเอง


    ผมขอเสนอใน 3 ประเด็นหลักๆ นี้ (จริงๆ แล้ว คงมีแค่ประเด็นที่ 3 ประเด็นเดียวที่รัฐต้องนำไปใช้ โดยเฉพาะ การนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปใช้ในการจัดทำนโยบายและแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งผมเองได้ยินมานานแล้ว คือคำว่า ธรรมาภิบาล แต่ไม่รู้ว่า บานไปถึงไหนแล้ว ผลถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ คือ ตายเป็นเบือ) ส่วนการจะแก้ปัญหาให้ได้ผลหรือไม่ได้ผลนั้น ขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาลที่จะมีความต้องการขจัดมะเร็งร้ายในสังคมไทยที่กำลังลุกลามอยู่ในขณะนี้หรือไม่ ประชาชนคนไทยไม่ว่าจะนับถือในศาสนาใดล้วนเฝ้ารอและอยากที่จะเห็นความสงบสุขให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะชาวพุทธที่พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน พร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่ความยิ่งใหญ่ของประเทศด้วยความรู้รักสามัคคี ด้วยความสุข ด้วยความมีน้ำใจ และด้วยความเคารพเทิดทูนใน 3 สถาบันหลักของเรา คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

    ผมเชื่อว่าหากทำได้ดังนี้แล้ว ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก และเป็นความสุขที่ยั่งยืนอย่างแน่นอน


    หมายเหตุ : ศาสนาเปรียบได้กับจิตวิญญาณของประเทศ ประเทศใดมีศาสนาที่ดีและนำหลักธรรมคำสอนของศาสนามาใช้ในทุกระดับชั้นตามความเหมาะสมแล้ว ประเทศนั้นจะเจริญรุ่งเรืองทุกประการ

    มีคนเคยถามผมว่า ประเทศไทยนับถือพุทธ ทำไมฆ่ากันได้ทุกวัน ผมตอบไปว่า ถ้าไม่มีจะยิ่งกว่านี้อีก ยังดีนะที่มีพระพุทธศาสนา และต่อไปเมื่อคนเข้าถึงพระพุทธศาสนามากขึ้น ประเทศไทยก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพียงแต่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันและเอาจริงเอาจังเท่านั้นเอง และปัญหาของศาสนาไม่มี มีแต่ปัญหาของคนเท่านั้น ศาสนาไม่ได้สร้างปัญหา มีแต่คนเท่านั้นที่สร้างปัญหา ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่คน คนที่ขาดความรู้ก็ต้องให้ความรู้ คนที่ขาดหลักธรรมในการดำเนินชีวิตก็ต้องให้หลักธรรม และหลักธรรมที่ว่าก็มีอยู่ในศาสนานั้นเอง และไม่มีศาสนาใดในโลก จะดีเท่ากับพระพุทธศาสนาอีกแล้ว (ความเห็นส่วนตัว)



    ถ้าจะปฏิรูปประเทศ ก็ต้องปฏิรูปที่คน

    ถ้าจะปฏิรูปคน ก็ต้องปฏิรูปที่การศึกษาและเติมเต็มศีลธรรมให้แก่คน

    เมื่อคนในประเทศมีคุณภาพแล้ว ประเทศย่อมเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน


    หรืออีกแบบ


    ถ้าจะปฏิรูปประเทศ ต้องปฏิรูปการเมือง

    ถ้าจะปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิรูปนักการเมือง

    ถ้าจะปฏิรูปนักการเมือง ก็อย่างที่ผมว่ามาทั้งหมดนั่นแหละ เหนื่อยใจจริงๆ พับผ่าเถอะ 555 ^_^

    เพราะการปฏิรูปนักการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นการปฏิวัติรัฐประหารเรื่อยมาครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่ต้องมาถามผมนะครับว่าจะเกิดการรัฐประหารอีกหรือไม่ ผมบอกได้คำเดียวว่า ไม่ทราบ แล้วแต่เหตุปัจจัย แต่ถ้าถามผมว่า รู้ไหมประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป อันนี้ผมรู้ แต่ก็พูดไม่ได้อยู่ดี ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตไปเถิด จะว่าปล่อยให้เป็นไปตามดวงเมืองก็ได้ หรือ ปล่อยให้เป็นไปตามนักการเมืองก็ได้ แล้วแต่มุมมอง ที่สำคัญ เวลาที่เราจะเลือกนักการเมืองคนไหนมาเป็นผู้แทนของเราก็เลือกให้ดีหน่อย เพราะกรรมที่เขาทำก็จะส่งผลมาถึงเราด้วย จริงไหม เลือกดีก็ได้คนดีแหละ เลือกไม่ดีมา จะโทษใครได้ แต่โดยความเห็นส่วนตัวผม เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเขาต้องการคนแบบไหนหรือคนไหนมาเป็นนายกฯ ผมก็ไม่ขัดข้อง เพราะผมอยู่ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จะได้คนดีก็ตามหรือไม่ดีก็ตาม ผมก็จะคอยดูผลงานและผลกรรมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากจะเห็นการปกครองด้วยระบอบธรรมาธิปไตยตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นเอง ซึ่งผมเห็นมานานแล้วจากในหลวง และพระองค์ท่านก็ทรงปกครองด้วยหลักนี้ หลักแห่งทศพิธราชธรรม ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมโดยที่คนไทยทุกคนแทบไม่รู้สึกว่าถูกปกครอง แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ



    ปล. ทั้งเสนอความคิดเห็น และ ระบายความรู้สึก จึงยาวไปหน่อย ต้องขออภัยด้วย อัดอั้นมานาน เพิ่งได้โอกาสระบาย ขอบคุณมากที่ให้ระบาย สาธุ



    สรุปข้อเสนอแนะ


    1. รัฐต้องจัดทำหลักสูตรการศึกษาธรรมะและส่งเสริมการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระพุทธศาสนาในทุกสถาบันการศึกษาและทุกระดับชั้นตามความเหมาะสม

    2. รัฐต้องให้การสนับสนุนส่งเสริมให้มีโครงการอบรมศีลธรรมในทุกชุมชนและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยนำหลักของ บวร คือ บ้าน วัด และ โรงเรียน มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง (หากเป็นชุมชนของพี่น้องในศาสนาอื่น ก็ให้นำหลักธรรมในศาสนานั้นๆ มาใช้ในการอบรม เช่น บ้าน มัสยิด โรงเรียน หรือ บ้าน โบสถ์คริสต์ และ โรงเรียน เป็นต้น)

    3. รัฐต้องเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างอันดีในการเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักธรรมในศาสนา เช่น การพาคณะรัฐมนตรีหรือผู้แทนราษฎรไปศึกษาและปฏิบัติธรรมตามวัดที่จัดโครงการอบรมธรรมะ เช่น วัดอัมพวัน วัดป่ากรรมฐาน หรือ สวนโมกข์ เป็นต้น เป็นเวลาอย่างน้อย 3-5 วัน (หากท่านใดนับถือในศาสนาอื่นก็ให้ไปปฏิบัติตามศาสนสถานของตน) หรือ จัดโครงการอบรมธรรมะแก่ผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ในทำเนียบรัฐบาลหรือรัฐสภา จัดให้มีการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิก่อนทุกครั้งที่จะมีการประชุม

    4. รัฐต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ โดยใช้หลักแห่งทศพิธราชธรรมมาเป็นแนวทางในการออกเป็นระเบียบราชการ เพื่อการปฏิรูปประเทศอย่างถูกต้องและยั่งยืน

    5. รัฐต้องส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติ และส่งเสริมในศาสนาอื่นๆ ตามสมควร เช่น จัดโครงการธรรมสัญจรหรือธรรมยาตราพาคณะผู้ปฏิบัติธรรมที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ไปแสวงบุญที่สังเวชนียสถานทั้ง 4 ทุกปี ให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนธรรมศึกษาทั้ง 3 ระดับ (ธรรมศึกษาตรี ธรรมศึกษาโท ธรรมศึกษาเอก) ให้ทุนสนับสนุนวัดหรือสถานศึกษาที่จัดให้มีโรงเรียนพระพุทธศาสนา โรงเรียนพระปริยัติธรรม รวมถึงจัดถวายทุนการศึกษาสำหรับพระเณรที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้ทุนสนับสนุนโครงการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะวัดและสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกลและขาดแคลน
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]

    ขอแสดงความยินดีที่เว็บพลังจิตดอทคอม
    ได้รับเกียรติจาก สำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย สำนักนายกรัฐมนตรี
    (Moving Thailand Forward Office, The Prime Minister's Office.)
    เชิญให้ร่วมโครงการ
    จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 4
    "ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย"
    ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2553 นี้
    และขอส่งกำลังใจให้ท่าน
    ดร. ณัฐพัชร จันทรสูตร (tamsak) และคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา (Komodo)
    ที่เป็นตัวแทนเว็บพลังจิตดอทคอม เข้าร่วมฟังและแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้

    [​IMG]

    ความคิดเห็น
    ...
    "ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย"
    ศาสนา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคน และทุกศาสนาล้วนมีหลักคำสอนที่งดงาม
    จึงควรได้ปลูกฝังหลักธรรมคำสอนของศาสนาให้เยาวชนไทย ตั้งแต่ปฐมวัย
    เน้นความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และนำไปสู่การปฏิบัติจริง
    ในสามภาคส่วนคือ
    บ้าน องค์กรศาสนาในชุมชน และโรงเรียน
    เพราะ
    บ้าน เปรียบเสมือน อวัยวะ
    ศาสนา เปรียบเสมือน จิตใจ
    โรงเรียน เปรียบเสมือน สมอง
    เชื่อว่า...หากคนเรามีสุขภาพแข็งแรง มีจิตใจงดงาม และมีสติปัญญาดี
    ย่อมสามารถพัฒนาตนได้สูงสุดเต็มตามศักยภาพ
    และเป็นบุคลากร ที่มีคุณค่าต่อสังคมและประเทศชาติ

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  9. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    อยากให้มีการเพิ่มหลักสูตรเข้าค่ายธรรมะให้แก่ นร. นศ. ทุกๆเทอม หรือทุกๆปีการศึกษาเป็นภาคบังคับ ใครไม่เข้าไม่จบเพื่อเป็นการอบรมบ่มจิตใจ เยาวชนตั้งแต่เด็ก อนาคตของชาติจะได้เจริญ วัดไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่วัดจานบิน นะจ๊ะ
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านครับ

    ศาสนา พระมหากษัตริย์ วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ความเป็นไทย คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ของคนไทยส่วนใหญ่ โดย เฉพาะอย่างยิ่งนักการเมือง ข้าราขการทุกระดับ ถ้ามีสิ่งเหล่านี้คนไทยจะอยู่ได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข ชาติก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้

    การไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือการทำลายสิ่งเหล่านี้ ก็จะเป็นการทำลายความร่มเย็นเป็นสุขของคนไทย ชาติก็จะอยู่ไม่ได้

    ชาติอยู่ไม่ได้ พระมหากษัตริย์อยูไม่ได้ ศาสนาก็อยู่ไม่ได้

    _______________________________________________________________________
    อันนี้นอกประเด็นนะ

    ผู้ที่จ้องทำลายประเทศไทย เขาก็ต้องทำลายสิ่งเหล่านี้ก่อนนั่นเอง ในรูปแบบต่าง ๆ วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามากเกินไป สิ่งข้างบนค่อย ๆ จางลง นี่เป็นการรุกรานและยึดครองประเทศไทยแบบค่อยเป็นค่อยไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  11. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    ปัญหาของศาสนาคือ 1. สถานที่วัดควรจะต้องสะอาด สวยงาม สงบและปลอดภัย จัดสถานที่ให้ผู้ที่เข้าไปรู้สึกประทับใจ มีจุดสำคัญหลักของสถานที่เป็นสิ่งดึงดูดศรัทธา 2. ควบคุมกฏระเบียบที่มีอย่างเคร่งครัด 3. สอนเรื่องศาสนาและจริยธรรมแก่เด็กประถมให้จริงจัง

    ถ้าพอใช้ได้ ที่เหลืออีก3,4 บรรทัด ไปขยายความกันเอาเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  12. ปุณณา

    ปุณณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +555
    ยินดีกับทางเวปฯด้วยนะคะที่ได้รับเกียรติจากทางรัฐบาล แม้จะเพียงแค่ 3 นาที 8 บรรทัด ก็อาจจะเป็นการจุดประกายแนวคิดใหม่ๆ พัฒนาบ้างเมือง สังคม
    โดยเฉพาะจิตใจของคนไทย

    อนุโมทนากับทุกๆความคิดด้วยค่ะ
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขอเสนอแนะดังนี้ครับ เผื่อความเสนอแนะอาจจะเป็นประโยชน์บ้าง
    แผนการปองดองของรัฐบาลจะแก้ไขในระยะสั้นคงไม่ได้และก็ไม่ได้ผล จะแก้ที่บุคคลและบุคคลากรต้องไปเริ่มต้นที่เยาวชน กลับไปเริ่มต้นมาใหม่ตั้งแต่การศึกษาในสถานที่ศึกษาทุกๆที่แต่ไม่เกี่ยวกับศาสนาอื่น มีชั่วโมงการศึกษาในพระพุทธศาสนาให้มากขึ้นมีคะแนนให้มากขึ้นเป็นสิ่งล่อใจและสนใจ
    การสอนควรเป็นผู้รู้ทางด้านศาสนาโดยตรง เช่น พระภิกษุ แม่ชี ฆาราวาส ที่ศึกษาด้านพระพุทธศาสนาโดยตรงที่มีใบประกาศนียบัตรรับรองของการศึกษามาสอน ไม่ควรให้ครูในโรงเรียนเป็นผู้สอนเพราะครูอาจจะไม่ใช่สายตรง
    ควรตั้งงบเงินช่วยเหลือครูผู้สอนบ้างให้เป็นค่าน้ำใจ ค่าของคุณงามความดีที่ช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยเหลือด้านพระพุทธศาสนา ช่วยเหลือสังคม
    ถ้าไม่เป็นการขัดข้องควรให้นักศึกษาหยุดในวันโกนกับวันพระ แทนหยุดเสาร์ อาทิตย์และยังเป็นการหยุดเพื่อบูชาพระพุทธศาสนาด้วย การหยุดวันพระกับวันโกนจะเป็นช่องทางให้เด็กและผู้ใหญ่มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรมสะดวกขึ้น แต่ก่อนนั้นก็เห็นหยุดวันพระกับวันโกนก็ไม่เห็นมีอะไรเลย เด็กสมัยก่อนก็ดีด้วย ศีลธรรมก็เห็นงดงามดี เอาละผมขอเสนอแนะเพียงเท่านี้บางทีอาจเล็งเห็นประโยชน์นะครับ
     
  14. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    Thailand Model - แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง จาก ทหาร 3 จชต.

    ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน 3 จชต. ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องที่จำเป็นจะต้องปฏิรูปประเทศไทยอย่างเร่งด่วนคือ ความปรองดองทั้งเรื่องการเมือง รวมถึงด้านศาสนา(ซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาในบางพื้นที่ รวมถึงอาจเป็นปัญหาระดับชาติต่อไปในอนาคต) เพราะความสามัคคีปรองดองก็เหมือนกับการวิ่งผูกขา ถ้าวิ่งพร้อมกันก็จะไปข้างหน้าได้เร็ว แต่หากไม่พร้อมกัน ไปกันคนละทีสองที ก็ล้มไม่เป็นท่า ซึ่งรัฐก็เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้

    วิธีการก็คือ

    1. ควรจัดการประชุมเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

    2. จัดตั้งคณะกรรมการตัวแทนแต่ละศาสนาโดยถือเอาตามสัดส่วนร้อยละ ของผู้นับถือศาสนาในประเทศ

    3. เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของทุกศาสนา

    4. ลงมติแสวงจุดร่วมในศีลข้อปฏิบัติที่มีความเหมือนกัน และไม่ขัดต่อหลัก ศาสนาอื่น นำมาประกาศรณรงค์ให้เดือนนั้นเป็นเดือนแห่งการรณรงค์เรื่อง .... (เช่น งดดื่มสุรา,การแต่งกายอย่างมิดชิดและยังมีอีกหลายเรื่องที่แต่ละ ศาสนาสอนให้ปฏิบัติคล้ายๆกัน)

    5. หาข้อแตกต่าง สร้างความเข้าใจ และหารือแนวทางปฏิบัติที่ทำให้อยู่ร่วมกัน อย่างสันติสุข

    6. รัฐบาลส่งเสริม และประชาสัมพันธ์ ออกสื่อสารมวลชนระดับโลกให้ทั่วโลก ได้เห็นถึงความปรองดองของทกศาสนา ชี้นำให้ประเทศต่างๆในโลกนำเอา Thailand Model ไปใช้ ทำให้เกิดสันติสุขของโลก

    7. สร้างศาสนสถาน ของทุกศาสนารวมกันให้เป็นที่ประชุม คณะกรรมการ ศาสนา โดยรับการบริจาคจากคนไทยทุกศาสนา โดยรัฐเป็นตัวตั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 สิงหาคม 2010
  15. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    จะคิดทันไหมคะนี่ เหลือเวลาไ่ม่กี่ชั่วโมงแล้ว...
    ก็คิดแบบชาวบ้านก็แล้วกัน...วิชาการไม่เป็นเลย...

    1. ถ้าให้เริ่มคิดก็น่าจะเริ่มต้นที่ผู้นำก่อน คนที่เริ่มโครงการนั่นแหละ
    "รัฐบาล" ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน
    คัดเลือกผู้ที่มาเป็นรัฐมนตรีได้อย่างเหมาะสม ยอมเสียโควต้า สส.พรรค
    คัดเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงาน เพื่อกระจายน้ำขุ่นให้ใสหรือตกตะกอนได้บ้าง และที่สำคัญก่อนเป็น รมต. ควรเข้าฝึกอบรมคอร์สสติปัญญา
    เหมือนคอร์สแพทย์ ภาคบังคับ เพื่อซึมซับเน้น สติ ปัญญา ให้พร้อมทั้งกายและใจที่จะเสียสละเข้ามาบริหารประเทศชาติ (พลีทั้งกายและใจ และแบบถาวรไม่เปลี่ยนไปมา ต้องมีอุดมการณ์นะคะ)

    1.1 สนับสนุนให้จัดซัมเมอร์แคมป์คุณธรรมให้สม่ำเสมอ เพื่อสร้างให้เด็กรู้รักสามัคคี เน้นใฝ่ดีมีคุณธรรม สอนธรรมะเด็กและให้ความสนุกสนานเด็ก ๆ โดยเด็กไ่ม่รู้ตัว จัดแบบให้ทุน afs โปรโมทยกย่องให้เห็นชัดเจนว่า เด็กที่ได้รับทุนนี้เป็นเด็กดี น่าเอาเป็นเยี่ยงย่าง เด็กไปอยู่โรงเรียนไหน สถาบันไหน ก็จะถูกให้เกียรติ ว่าเป็นตัวอย่างของเด็กดีมีคุณธรรม
    1.2 ให้รางวัลและโปรโมทออกรายการข่าวให้อึกทึกครึกโครม ให้กับผู้ที่ทำความดีมีศีลธรรม หรือผู้ที่ชนะการประกวดด้านศีลธรรม ไ่ม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แจกให้เหมือนนักกีฬาทีมชาติที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศไทยนั่นแหละ เวลาดูจะได้รู้สึกประทับใจ และอยากทำความดีตามให้มาก ๆ
    1.3 ส่งเสริมให้มีการสอนธรรมะในโรงเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ให้มาก ๆ โรงเรียนสอนศาสนาวันอาทิตย์ในวัดต่าง ๆ ควรจัดปรับปรุงให้น่าเรียน หาวิธีแบบติวเตอร์เคมี อ.อุ๊ ที่เด็ก ๆ คลั่งไคล้น่ะค่ะ ว่าทำยังไง เด็ก ม.ปลาย ถึงได้เห่ออยากเรียนกันนัก แย่งที่นั่งกันเรียน เอาให้ได้อย่างนั้นเลยนะคะ เน้นการสอนธรรมะ สอนเรื่องสติ - ปัญญา ให้พันทุกข์เป็นหลัก ส่วนพุทธประวัติก็เพื่อให้ทราบที่มาขององค์พระศาสดา เพราะเมื่อก่อนเรียนศีลธรรมจะทราบแต่ประวัติท่านค่ะ
    1.4 จัดให้มีการระดมสมอง-แนวความคิดบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับ ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย ฝึกให้ประชาชนหัดคิด หาแนวทางร่วมด้วยช่วยกันทุกวิถีทาง เน้นการสร้างชาติ ศาสนา ...เพื่อให้ประเทศไทยเราเจริญ ก้าวหน้า มีคุณธรรม สู้สากลโลกได้ทุกประเทศ ฝึกให้ประชาชนคิด - ทำอย่างมีเหตุมีผล ไม่งมงายไร้สติ หรือแห่ตามกระแสเป็นพัก ๆ แล้วเลือนหายไป

    2. หน้าที่ใหญ่ตกหนักก็จะอยู่ที่ บ้าน วัด โรงเรียน

    บ้าน - ครอบครัวต้องมีความอบอุ่น พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก พ่อแม่ต้องศึกษาธรรมะให้เยอะ ๆ เพราะถ้าไม่เข้าใจจะเป็นแม่แบบให้ลูกไม่ได้ค่ะ
    *เทศบาล อบต.ต่าง ๆ ควรจัดงบประมาณหาสถานที่ธรรมะในที่ชุมชนต่าง ๆ เอาจัดให้สวยเลยนะติดแอร์ให้สบาย แสดงเกี่ยวกับธรรมะ เรียกเป็นศูนย์สามัคคี
    ก็ได้ ผู้ใหญ่ก็ไปอ่านหนังสือธรรมะ เด็ก ๆ ก็ไปฝึกดนตรี กีฬา ฟันดาบ ตีกลอง เหมือนศูนย์เยาวชน+ศูนย์ผู้ใหญ่ (ฝันมากไปไหมคะนี่)
    วัด - ต้องมีท่านเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ภูมิปัญญา สามารถช่วยให้ประชาชนพ้นทุกข์ได้ ส่วนพิธีการต่าง ๆ ให้ลดลงเหลือพองาม เปลี่ยนจากการสวดบาลีมาเป็นบทเพลงคำแปลบ้าง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและซึ้งกับคำสวด ให้พระท่านสวดบาลี ประชาชนก็สวดคำแปลก็ได้ค่ะ และจัดให้มีโรงเรียนสอนศาสนาวันอาทิตย์ หาวิธีคิดให้คนไปทำบุญฟังพระเทศน์ เหมือนคริสต์ที่ไปโบสถ์วันอาทิตย์ค่ะ ทำยังไงเด็กและผู้ใหญ่จึงจะมีจุดศรัทธาไปได้อย่างนั้น อยากให้ทำได้นะคะ เราคงต้องมีพระผู้นำที่เข้มแข็งและเสียสละ ดึงดูดคนให้ไปได้อย่างนั้น รัฐบาลสนับสนุนงบเลยนะคะ ทุก ๆ จังหวัด ทำวัดนึงให้สวยน่าไปนั่งฟังธรรมแบบสมัยใหม่ แบบสบาย ๆ คล้าย ๆ คริสต์ อยากเห็นบรรยากาศแบบนั้นจังเลย แต่พุทธเราเน้นจิตใจเป็นหลัก ให้ละความสะดวกสบาย แต่จริง ๆ เราก็ยังเป็นปุถุชน ละอะไรก็ยังไม่ขาดซักอย่างเลย..ก็น่าจะมีการจูงใจในระยะแรกก่อนนะคะ
    โรงเรียน - คุณครูก็เหมือนนักการเมืองนั่นแหละค่ะ ต้องเข้าอบรมคอร์สสติปัญญาให้ได้ทุกท่านนะคะ ระบบราชการก็อย่าเล่นเส้นสายมากนัก(จริง ๆ บ้านเราเป็นทุกวงการนะคะ น่าเบื่อมาก ฝังรากลึกเหลือเกิน..ยากที่จะแก้ไขเยียวยา ระบบพรรคพวก อุปถัมภ์มาด้วยระบบธรรมชาติของมันเอง..) ครูเป็นแม่แบบของเด็ก ๆ ชาติจะเจริญได้ เด็กต้องมีศีลธรรมจรรยาที่เพียบพร้อม มีคุณธรรม
    ขอยกย่องและปรมมือให้คุณครูผู้เสียสละทุก ๆ ท่านนะคะ เข้าใจว่าคุณครูก็เป็นมนุษย์ปุถุชน มีเลือดเนื้อ มีรักชอบเกลียด แต่เด็กก็มีทั้งที่น่ารัก น่าตี น่าหมั่นใส้ รักเขาเถอะค่ะ รักเขาให้ทุก ๆ คน เมตตาให้มาก ๆ เด็กก็จะสื่อได้ถึงความเมตตากรุณาของคุณครูเอง..

    สรุป- ตามนี้กระทัดรัดดีคะ ขอยกมือ 2 ข้างสนับสนุนเต็มที่ค่ะ
    รู้รักสามัคคี
    ใฝ่ดีมีคุณธรรม
    สัมมาทิฐิ
    สติและวิจารณญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2010
  16. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ห็นด้วยค่ะ โมทนา สาธุค่ะ
     
  17. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862

    เราต้องรีบสร้าง Thailand Model ต่อสู้กับโมเดลอื่นๆเพื่อสันติสุขของโลก
     
  18. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    การปฏิรูปเมืองไทยน่า...

    การปฏิรูปเมืองไทยน่าจะเริ่มตั้งแต่เยาวชนซึ่งจะต้องเป็นผู้ใหญ่ไปบริหารประเทศอยู่ดี

    จากที่เห็นมานะคะ วัยที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมมากสุดจะเป็น ช่วงม.2
    ม.1 อาจจะยังไม่เท่าไหร่ มาม.2นี่เป็นทางแยกเลยค่ะ ถ้าได้เพื่อนดีนี่ก็ดีไปแต่ถ้าไม่ดีนี่จะไม่ดีสุดๆ เด็กผู้หญิงบางคน เรียนไม่จบหรือแค่วุฒิม.3 ได้สามีี หรือมีลูกไปเลย

    อันนี้คือปลายเหตุ

    ส่วนสาเหตุก็น่าจะมาจากการได้รับการปลูกฝัง
    เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ว่า ปัจจุบันจะส่งเสริมให้นักเรียนเรียนเก่งนะคะ
    แต่คุณธรรมจะไม่ค่อยสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องน่ามองข้ามไป
    ยิ่งสื่อต่างๆในปัจจุบันก็ดูจะกระตุ้นเหลือเกิน
    MV เพลงต่างๆ เพลงวัยรุ่นอายุไม่ถึง 18 มีจุ๊บกัน บางเพลงแรงกว่านั้นคือมีฉากของเรื่องอย่างว่า ในเมื่อเอ็มวีเพลงมีมากขึ้นๆ มันก็กลายเป็นค่านิยมที่เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องสนุกกัน คิดว่าการเป็นแฟนกันอย่างประเจิดประเจ้อ ถือว่าเจ๋ง เป็นงั้นไป
    วัยรุ่นที่แต่งงานวัย หรือมีความสัมพันธ์ต่างๆเกินวัยก็น่าจะมาจากเลียนแบบสื่อนี่แหละค่ะสำคัญ


    เมื่อเกิดปัญหามากขึ้นๆ แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบในภาพรวม
    อยากให้มีการเน้นการปลูกฝังคุณธรรมให้เยาวชนตั้งแต่เด็กๆ คือประมาณประถม วัยก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่นเพราะจะสอนง่ายกว่า โดยนำผลเสียของปัญหามาถ่ายทอดให้เด็กเห็นมากกว่าจะสะท้อนสื่อด้าน+ของสิ่งที่นำไปสู่ปัญหา


    ** ขอเป็นกำลังให้ตัวแทนเว็บพลังจิตนะคะ สู้ๆ **
     
  19. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    ถ้ามีการเพิ่มหลักสูตร สมาธิ-วิปัสนา ในการเรียนของพระ และนักเรียนจะดีมาก

    อยากให้วัดในแต่ละท้องถิ่นมีการสอน อบรม สมาธิ-วิปัสนา ทุกวัน โดยให้การอบรมพระในวัดนั้นก่อนที่จะกลับมาสอนฆราวาสต่อไป เพิ่อสังคมจะได้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
     
  20. นิลมังกร

    นิลมังกร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +72
    1.วิชาพระพุทธศาสนาควรมีตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่1จนถึงปริญญาตรี
    2.ให้เน้นการศึกษาในภาคปฏิบัติมากกว่าปริยัติ เช่นนั่งสมาธิ เดินจงกรม (ทำอย่างจริงจัง)
    3.ครูผู้ฝึกอบรมควรเป็นพระนักปฏิบัติ หรือฆราวาสที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตัวจริง

    ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงในชาติเกิดจาก ความบกพร่องด้านศีลธรรมและสติปัญญาของคนในชาติทั้งสิ้น วิชาพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาของชาติได้ ขออนุโมทนากับรัฐบาลที่เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา และขอให้ปฏิบัติตามแนวคิดอย่างจริงจังและจริงใจต่อไป...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...