การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 5 มิถุนายน 2010.

  1. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ก่อนตอบผมอยากจะแนะครับว่า การเอาสิ่งที่เถียงไว้อีกคนมากล่าวอ้างกับอีกคน มันเข้าค่าย...
    เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงครับ
    เพลอๆ หนักไปกว่านั้น เขาจะเหมาเอาว่า...ท่านจินตนาการเอา
    เพราะคู่สนทนาไม่ได้ไปรับรู้ สิ่งที่ท่านได้สนทนาไว้กับผู้อื่นครับ
    ผมสู้อุตสาห์อธิบาย บัญญัติคำว่าใจให้ท่านฟังแต่ท่านไม่คิดที่จะรับรู้
    แต่พยายามจะดึงความเห็นของผู้อื่นมาปน ท่านมันทำให้สับสนนะครับ

    อธิบายและตอบอีกที่นะครับ
    จิตจะรับรู้อารมณ์ใหม่ๆได้ ต้องอาศัยรูปครับ แล้วรูปที่ว่านี้มันก็คือ หูตาจมูก
    ลิ้นกายและใจ(สมอง) คำว่าใจหรือสมองนี้ ได้อธิบายให้ท่านฟังแล้วถึงที่มา
    ที่ไป กรุณาอย่าดื้อเอามาถามซ้ำนะครับ

    ธัมมารมณ์จะรับรู้ได้ก็โดย สมอง(ทางธรรมเรียกใจ)เป็นผู้รับ มันก็ไอ้พวก
    สิ่งที่นึกคิดต่าง ส่วนใจ(จิตทางธรรม)เป็นนามอารมณ์ ที่เกิดจากผัสสะระหว่าง
    สมองและธัมมารมณ์

    หู ตา ลิ้น จมูก กายเมื่อตายแล้วมันยังใช้ได้มั้ยครับ มันก็เน่าเปื่อยไป
    ส่วนสมองที่ท่านถาม มันก็อยู่กลุ่มนี้ มันย่อมใช้ไม่ได้อยู่แล้ว

    ผมว่าท่านไปทำความเข้าใจ กับบัญญัติต่างๆให้ดีเสียก่อนว่า คำไหน
    หมายถึงอะไร แล้วทำไมถึงใช้แบบนั้น สำคัญก็คือทำไมใจถึงเรียก
    สมอง อย่าเบลอนะครับ

    สำทับอีกที....คนตาย อายตนะทุกส่วนใช้ไม่ได้ครับ มันเน่าเปื่อย

    แล้วถ้าท่านจะต่อหรือคุยเรื่องจิตหลังความตาย ผมก็ตอบได้ แต่มันไม่
    เหมาะครับ อย่าถามมาเลย
     
  2. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ผมเองไม่ต้องการที่จะต่อกรกับพวกมิจฉาทิฎฐิ เพราะไม่จำเป็นจะต้องเอาไข่ไปกระทบหิน ผมเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่เชื่อในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งสอนไว้ ที่ทำให้ผมเอง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จึงจำเป็นต้องนำสิ่งที่มีประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาอ่าน อย่าได้หลงผิดหลงเข้าใจกับมิจฉาทิฎฐิที่ปราชญ์ผู้หลงตัวเอง หลงเข้าใจสิ่งผิด ๆ แล้วนำมาเสนอแนะ หากใครผู้ใดอ่านแล้วเดือดเนื้อร้อนตัวร้อนใจ ก็ขออโหสิกรรมไว้ที่นี้ เพราะไม่จำเป็นจะต้องมาเข่นฆ่ากันเอง มาโกรธเกรี้ยวกันเอง ให้จิตใจต้องหม่นหมอง

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย กล่าวคือมีเหตุมาเป็นปัจจัยแก่กันและกัน ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน อันคือ ปัจจัยหนึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดปัจจัยอีกอันหนึ่ง และปัจจัยอีกอันหนึ่งนี้ก็เป็นปัจจัยให้เกิดปัจจัยอีกอันหนึ่ง ต่อเนื่องกันไปเช่นนี้เป็นวงจักรหรือวงจรที่ไม่รู้จักจบสิ้น มองในมุมมองนามธรรมอันไม่มีตัวตนเพียงสัมผัสได้ด้วยใจอาจจักไม่เห็นชัดแจ้ง ลองพิจารณาจากวงจรจําลองของวงจรปฏิจจสมุปบาท <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    http://www.nkgen.com/1mainpage1024.htm<o:p></o:p>
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ</SPAN><o:p></o:p>
    ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ
    นี้เรียกว่า อมตภาพ......"
    <o:p></o:p>
    . อนัตตตา ธรรม หรือสภาวธรรม หรือสภาวธรรมชาติทั้งหลายล้วนไม่มีตัวไม่มีตนที่เป็นแก่นแกนถาวรอย่างแท้จริง และยังครอบคลุมถึงสังขารทั้งหลายทั้งปวงด้วย เพราะในบางขณะนั้นถึงจะมีตัวตนก็จริงอยู่ แต่ตัวตนที่เห็นหรือสัมผัสล้วนเกิดแต่เหตุมาเป็นปัจจัย อันไม่เที่ยงมาประชุมกันชั่วขณะระยะหนึ่งเท่านั้น จึงย่อมต้องแปรปรวนจนคงอยู่ไม่ได้ตลอดไป ดังเพราะว่าเกิดแต่เหตุปัจจัย ดังนั้นจึงต้องแปรปรวนและดับไปตามเหล่าเหตุปัจจัยนั้น ตัวตนที่ถึงแม้มีอยู่ขณะนั้นก็จริงอยู่จึงต้องดับไปในที่สุด ไม่เป็นแก่นแกนอย่างแท้จริงถาวรตลอดไป
    <o:p> ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา จึงหมายครอบคลุมถึงทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาลล้วนเป็นอนัตตาโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
    [FONT=Tahoma,MS Sans Serif] [/FONT]</o:p><o:p> </o:p>
    เหตุต่างๆที่มาเป็นปัจจัยกันนั่นเอง จึงถึงยังมีการเกิดๆดับๆคือไม่เที่ยง เกิดแล้วต้องดับไปอยู่ตลอดเวลา ลองพิจารณาพระอาทิตย์ขึ้น ฝนตก ลมพัด แม้แต่ธรรมคําสอนทั้งหลายทั้งปวง กล่าวคือสภาวธรรมทั้งหลายนั้นแม้ยังคงมีความจริง แท้ แน่นอน แต่ก็คงล้วนเป็นอนัตตาไม่มีตัวไม่มีตน ที่หมายถึง ไม่เป็นแก่นแกนแท้จริง เป็นเพียงสภาวธรรมหรือสภาวะแห่งธรรมชาติหรือยังไม่เกิดปรากฏการณ์เป็นตัวเป็นตนเป็นสังขารขึ้นนั่นเอง กล่าวคือยังไม่ได้เกิดการปรุงแต่งกัน ให้เป็นตัวตนเป็นก้อนเป็นมวลหรือสังขารขึ้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ปรากฎขึ้นเป็นตัวเป็นตนหรือสังขาร คือการเกิดของสังขารขึ้นของสภาวธรรมที่กล่าวถึงนั้น หมายถึงเมื่อเป็นสังขารสิ่งปรุงแต่งแล้ว ดังเช่น ฝนที่กำลังตกลงมาเป็น
    เม็ดฝนให้เห็นหรือสัมผัสได้นั้น หมายถึงสภาวธรรมของฝนนั้นได้เกิดเป็นตัวตนเป็นสังขารขึ้นแล้ว จะเห็นว่าฝนนั้นเกิดขึ้นแต่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยกัน อาทิเช่น นํ้า ความร้อนจากดวงอาทิตย์ การระเหย ฝุ่นละออง การรวมตัว อุณภูมิที่แตกต่างกัน การกลั่น แรงดึงดูดของโลก ฯลฯ. มีเหตุต่างๆเหล่านั้นมาเป็นปัจจัยกัน อันเมื่อเกิดเป็นปรากฎเป็นตัวตนจึงคือการเกิดของสังขารขึ้น จึงเป็นไปตามพระไตรลักษณ์ที่สังขารย่อมมีการเกิดๆดับๆเป็น อนิจจัง ทุกขัง, ลองโยนิโสมนสิการที่จุดนี้ เพราะยากแก่การเข้าใจ ยากต่อการบรรยายเป็นคำพูดภาษาสมมุติใดๆ พระอนัตตาจึงเป็นปัญหาที่ถกเถียงและเข้าใจได้ยากกันมาโดยตลอด<o:p></o:p>
    </SPAN>
     
  3. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ถูกต้องครับ ผมก็คิดอย่างนั้น ที่ฝืนเข้ามา
    เพราะกลัวคำสอนนี้จะแพร่ไปในวงกว้าง
    ยิ่งขณะนี้เขาทำตัวเป็นครูบาอาจารย์
    เปิด blog สอนธรรมะด้วยตนเอง
    ผมกลัวจริงๆ .....
     
  4. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ....
     
  5. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    ใช้คำพูดที่สื่อได้ชัดเจนดีมากครับ ...

    อนุโมทนาครับ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.1030402/[/music]
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ก็ขอบใจที่เตือนสติเรา และเราก็น้อมฟังด้วยความสงบ
    ในเมื่อท่านเตือนเราเพราะเข้าใจเราอย่างนั้น
    เราก็จะเตือนท่านบ้าง


    ดูจากในรูป คุณเป็นคนตัวสูงแต่ปากห้อยแต่กำเนิด ถูกไหม
    คงเข้าใจแล้วนะ กรรมอะไรที่ทำให้ปากห้อย
    คุณไม่จำเป็นต้องพูดปกป้องใครเพื่อให้ตัวเองดูดี
    เพราะบางครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้คุณดูดีเสมอไป

    เลือกเอานะ จะเป็นแค่เด็กใส่สูทปากห้อย พูดสิ่งที่ตนเห็น
    หรือ จะเป็นปากห้อยเม้มปาก สงบ เห็นแต่สิ่งที่ตนพูด

    ส่วนเค้าพลาดน่ะเราจ้องอยู่แล้ว
    แต่ความผิดความพลาดของตนเองนี่สิไม่ยอมมอง

    เราพิจารณาแล้วนะ หุหุ
    ไม่ต้องมาตอบอะไรเพิ่มแล้วนะ เบื่อโต้เถียง

    :cool:
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    เลิกกระล่อนได้แล้วนะครับ คุณพูดเองว่าทิฐิคุณ "จิตไม่เที่ยงเกิดดับ"

    แล้วคุณก็พูดเองว่า"ถ้าเป็นในความหมายของ นิพพานแล้วละก็
    มันน่าจะหมายถึงการไม่เกิดดับของจิต มันไม่ได้หมายความว่า การเกิดในร่างกายใหม่
    ด้วยเหตุนี้เราเลยต้องหาวิธี ไม่ให้จิตเกิดดับครับ"

    ผมระอามากนะครับสำหรับคนแบบคุณ คุณพูดเองชัดๆว่า "ต้องหาวิธีไม่ให้จิตเกิดดับครับ"

    แล้วยังพูดอีกว่า"นิพพานแล้วละก็ มันน่าจะหมายถึงการไม่เกิดดับของจิต"

    ที่พูดแบบนี้ เค้าเรียก ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นซะเอง ที่คุณพูดก็แปลว่าจิตเที่ยงใช่มั้ยครับ???

    ตกลงเห็นความกระล่อนสำหรับสองประโยคนี้มั้ยครับ "ทิฐิผมจิตไม่เที่ยงเกิดดับ"

    "นิพพานหมายถึงการไม่เกิดดับของจิต"

    เที่ยงหรือไม่เที่ยงครับ??? ไม่ต้องงงครับ

    อย่าใช้วิธีตีหัวเข้าบ้านสิครับ เป็นนิสัยที่ไม่น่าคบเลยนะครับ

    ถ้าผมสนทนาอยู่กับเด็กเล็ก ก็ยังพอให้อภัยได้นะครับ

    แต่คุณนี่สุดยอดจริงๆ ที่งงน่าจะเป็นผมนะครับ
    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    คุณนี่เนียนจริงๆนะครับ คุณเคยพูดไว้จิตคือผู้รู้ใช่มั้ยครับ???

    ในเมื่อจิตคือผู้รู้ แสดงว่าอารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้ใช่มั้ยครับ???

    อย่าบอกหละว่า ยังมีจิตผู้ไม่รู้อยู่อีก

    ตกลงคุณจะจินตนาการไปถึงไหนครับ นี่แหละนักจินตนาการตัวจริง

    เดี๋ยวก็พูดว่า จิตเป็นผู้รู้ พออีกคคห.กลับพูดไปได้ว่าจิตเป็นอารมณ์

    แบบนี้เรียกว่าเค้าเรียกมั่วมั้ยครับ???

    ตกลงจิตเป็นผู้รู้หรือจิตเป็นอารมณ์กันแน่ครับ???

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    คุณนี่สุดยอดแห่งจิตนาการจริงๆเลยนะครับ

    คนละเรื่องเลยนะครับ ในอนัตตลักขณสูตร มีกล่าวไว้ว่า
    พ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง
    สว. ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

    คุณจะถามผมทำไมคุณก็ตอบเองว่านิว่า "เมื่อมันผ่านไป(ดับ) แล้วมันก็มาอีก(เกิด)"

    จะสนทนากันก็อย่าเอามัวแต่จินตนาการอยู่เลยครับ พูดเองเออเองเป็นประจำ

    มีสัญญาที่ไหนในโลกบ้าง ที่ไม่เคยลืมเลือนไปบ้าง???

    ยกตัวอย่างมาให้ฟังหน่อยสิครับ

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    คุณกำลังจินตนาการอะไรอยู่หรือครับ

    ก็จิตไม่ยึดอารมณ์ก็แสดงชัดอยู่แล้วนะครับว่า อารมณ์กูไม่เอาใช่มั้ยครับ???

    แบบนี้ไม่เรียกว่าจิตส่วนจิต อารมณ์ส่วนอารมณ์ แล้วเรียกว่าอะไรดีครับ???

    คุณยังจะจินตนาการอะไรของคุณอีกครับที่พูดว่า "หมายความดังนี้ เมื่อเกิดสภาวะอารมณ์"

    เมื่อจิตเกิดสภาวะอารมณ์ ก็แสดงว่าจิตยึดอารมณ์เข้าไปเต็มๆแล้วนะ

    จิตตัวรู้เกิดที่หลังนั้นเกิดมาจากไหนครับ??? ตัวมันเองเป็นผู้รู้ไม่ใช่หรือครับ???

    แล้วจิตตัวไม่รู้อยู่ที่ไหนครับ???

    คุณไม่รู้สึกอายคนอื่นบ้างหรือ ที่พูดขัดแย้งกันเองเป็นประจำ

    ผมเคยเตือนแล้วนะครับว่า อย่าพยายามอธิบายเพื่อเอาชนะเท่านั้น

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    ตกลงใครสับสนกันแน่ เมื่อคุณเป็นคนชอบกระทบกระเทียบมา

    ผมก็อธิบายไปว่า ที่ผมอ้างส่วนใหญ่นั้นเป็นพระสูตรชั้นต้นมารองรับ เพราะน่าเชื่อถือเท่านั้น

    นี่ขนาดน่าเชื่อถือ คุณเองที่พูดว่าไม่อยากเถียงนั้น ยังล่อกันมายาวขนาดนี้

    นี่หรือไม่อยากเถียงพระพุทธพจน์ และเกรงใจผู้ศรัทธา อย่ามาแอบเนียนเลยครับ

    ถ้าผมจะอ้างพระพุทธพจน์เพื่อให้จบเร็วๆพ้นๆตัวได้จริง มันก็น่าจะจบไปตั้งนานแล้วใช่มั้ยครับ???

    ใช่ที่ไหนหละ ก่อนหน้าที่เคยสนทนากัน ผมพูดเสมอว่า เอาพระพุทธพจน์มารองรับให้พิจารณา

    ส่วนใครบ้างที่ได้ฟังพระพุทธพจน์จากพระพุทธเจ้าโดยตรง คงไม่ใช่อรรถกถาจารย์แน่นอนครับ

    คุณแน่ใจนะว่า ให้สมาชิกที่อ่านใช้วิจารณาญาณเอง ไม่พูดไม่รู้นะเนี่ย...

    ;aa24
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณบุญฯครับ

    ในเมื่อเราคือจิต จิตคือเรา

    แต่คุณยังแถมท้ายอีกว่า มันไม่ใช่เรา เพราะแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

    ตกลงจิตใช่เราหรือไม่ใช่เรากันแน่ อย่าพูดเป็นเด็กเล่นขายขนมสิ

    เดี๋ยวไช่เรา เดี๋ยวไม่ใช่เรา ไม่อยู่กับร่องกับรอย

    คุณรู้ได้อย่างไรว่า จิตดวงเก่าดับไป??? ในเมื่อจิตดวงใหม่ยังไม่เกิดมาเลยใช่มั้ยครับ???

    ที่คุณพูดว่า "เราในที่นี้คือจิต ที่เกิดมาแทนจิตเก่าที่ดับไป"

    ผมถามว่าถ้าจิตเกิดดับแทนที่กันแล้วกรรมถ่ายทอดกันตอนไหนครับ???

    จิตดวงไหนเป็นผู้รับกรรมครับ???

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณบุญฯครับ

    ใครที่ทำให้เกิดสภาวะกุศลครับ??? ใช่จิตมั้ยครับ??? หรือสภาวะกุศลเกิดขึ้นเองครับ???

    แน่ใจนะครับว่า "สภาวะที่เรียกว่าจิต มันเหมือนกันทุกคน" คุณเอาอะไรมาพูดซี้ซั้วครับ

    เมื่อคุณและผมเห็นคนๆนึง คุณเกิดรักขึ้นมา เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นกับจิตของคุณใข่มั้ยครับ???

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยหละ ในเมื่อสภาวะที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวคุณ คุณเองที่ไปยึดมันเข้ามาเองใช่มั้ยครับ???

    เห็นเหมือนกัน รู้เหมือนกัน แต่สภาวะแตกต่างกันครับ ผมอาจจะเฉยๆก็ได้ใช่มั้ยครับ???

    ไม่เป็นไรครับ เมื่อคุณพร้อม ผมพร้อมลุยเลยครับ ปล่อยไว้ให้คาใจไปทำไมมันไม่ดีแน่

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192


    คุณบุญฯครับ

    อย่าแอบเนียนสิครับ คุณพูดที่ไหนครับว่า จิตของแต่ละคนเหมือนกัน???

    ถ้าจิตแต่ละคนเหมือนกันแล้วละก้อ โลกนี้เลิกเรียกว่าโลกมนุษย์ที่วุ่นวายแล้วครับ

    ที่เหมือนกันหนะ เป็นธาตุรู้หรือผู้รู้เหมือนกัน แต่กระทำกรรมไม่เหมือนกันใช่มั้ยครับ???

    แต่คุณเองก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่ใช่ธาตุรู้ เป็นเพียงสภาวะที่เกิดขึ้นเท่านั้น

    แล้วสภาวะที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นที่ไหนครับ??? อย่าบอกนะว่าเกิดขึ้นเองลอยๆ

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2010
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเต้าเจี้ยวครับ

    จะให้ผมยอมรับอะไร ก็เอาพระพุทธพจน์มายันสิครับ ของที่ไม่มีเหตุผลยอมรับเข้าไปได้ยังไง

    มีที่ไหนพระนิพพานเป็นอนัตตา ในเมื่ออนัตตาแปลตรงตัวว่า ไม่ใช่ตัวตนของเรา

    ในเมื่อพระนิพพานไม่ใช่ตัวตนของเรา เราค้นหาและเข้าถึงเพื่ออะไรครับ มีเหตุผลหน่อยครับ

    คุณพูดว่า"นิพพานัง ปรมัง สุขัง" นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"

    แต่อนัตตานั้น อะไรที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงเป็นอนัตตาใช่มั้ยครับ???

    มันตรงข้ามกันเลยนะครับ ในอนัตตลักขณสูตรต้องตีความทีไหนครับ อย่าคิดเองเออเองสิ

    ในพระสูตรกล่าวตรงๆชัดๆว่า อะไรที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขหละ

    อะไรที่เป็นทุกข์ ควรหรือที่จะยึดว่านั่นเป็นเรา เป็นของเรา

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้วควรเห็นว่านั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา(อนัตตา)ใช่มั้ยครับ???

    พระนิพพานเป็นที่พึ่งอันสูงสุด ย่อมไม่ใช่อนัตตาแน่นอนครับ

    ;aa24
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเต้าเจี้ยวครับ

    ใครกันแน่ครับที่พูดวนออกทะเล วนในทะเลครับ

    เมื่อจิตมีรูปเป็นอารมณ์ แล้วรูปไม่ใช่อารมณ์ของจิตแล้วเป็นอารมณ์ของใครครับ???

    คุณอย่าอธิบายออกทะเลสิครับ ก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า มีรูปเป็นอารมรณ์

    ถ้าเห็นรูปแล้ว ไม่นำมาปรุงแต่งเป็นอารมณ์ เราจะเรียกว่ามีรูปเป็นอารมณ์หรือ เค้าเรียกว่าเห็นแล้วไม่เกิดอารมณ์ครับ

    อย่าออกทะเลสิครับ รูปที่ไม่มีจิตครอง เช่น ก้อนหิน ดินทราย ต้นไม้ ใบหญ้า รู้อะไรได้หรือครับ???

    ;aa24
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    <!-- google_ad_section_end -->
    คุณบุญฯครับ

    คุณเลี่ยงจริงหรือเปล่าครับ ผมไม่เคยเหมา หรือว่าใครโดยขาดหลักฐานนะครับ

    การตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ยากเย็นตรงไหนครับ? ตรงที่ไม่ถูกใจคุณ กับคคห.ของคุณที่ทำให้ตอบยากใช่มั้ยครับ???

    ตรงไหนที่เรียกว่าจินตนาการครับในพระพุทธพจน์ที่ยกมา ต้องบอกละเอียดขนาดว่า

    จิตมีอาการกำลังรับประทานสุขอยู่หรือครับ จึงจะรู้ว่านั่นหนะอาการของจิต คำว่าเสวยก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว

    เช่นคุณปวดท้องถ่าย คุณไปถามทางไปสุขา เพราะหาทางไปไม่เจอ

    คุณจำเป็นต้องบอกมั้ยครับ ว่าคุณกำลังมีอาการปวดท้องถ่ายอยู่ในขณะนี้ บอกแค่ปวดท้องก็ได้ใช่มั้ยครับ

    คนที่คุณไปถาม แค่เห็นหน้าตาคุณ ก็ชัดเจนแล้ว ทุกข์หนักหรือทุกข์เบา

    ;aa24
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    คุณจะแอบเนียนเพื่ออะไรครับ คุณเป็นคนพูดเองใช่มั้ยว่า

    "ที่หนักไปกว่านั้นยังมีผู้ใช้ผิด เอาคำว่าหัวใจคือใจ"

    ผมก็หวังดีว่า ที่สอนว่าหัวใจคือใจ ก็มีแต่ท่านอรรถกถาจารย์ท่านสอนไว้ แทนที่จะขอบใจผมที่บอก

    กลับทวงถามหาความชอบธรรมจากผม แถมยังหาว่าผมไปเถียงกับใครไว้อีก

    ต้องอธิบายไปเพื่ออะไรครับ ประเด็นของผมกับคุณอยู่ที่คุณพูดว่า ใจคือสมองนะครับ

    ส่วนใจคือหัวใจคุณพูดเองว่าบางคน ผมจึงเตือนว่าบางคนที่ว่าคือท่านอรรถกถาจารย์ครับ

    ผมเองก็เสริช เอาจากพี่กูล เห็นว่าไม่ใช่ประเด็นที่สนทนากันอยู่ จึงไม่คิดจะทำลิ้งให้เสียเวลา

    คุณก็เสริชเองนะครับ ถ้าอยากรู้จริงๆ ไม่น่าเกินความสามารถ

    ขอบใจครับที่แสดงน้ำใจ ขอให้เป็นการแสดงความเข้าใจด้วยเหตุผลดีกว่าครับ

    ;aa24

    [/SIZE]
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ

    คุณเริ่มซ้ำซากแล้วนะครับ คุณพูดเองชัดๆว่ายังมีผู้เข้าใจผิดว่า ใจคือหัวใจ

    ประเด็นนี้ผมไม่เคยยกขึ้นมาถกกับใครเลย หรือใครที่ยกประเด็นนี้มาถกกับผมเลยครับ

    มีแต่คุณเองเท่านั้นที่พูดว่า ย้ำๆๆๆ "ที่หนักไปกว่านั้นยังมีผู้ใช้ผิด เอาคำว่าหัวใจคือใจ"

    หรือจะเอาเป็นประเด็นก็ได้นะครับ ผมจะได้หาที่มาที่ไปให้ชัดเจน มานำเสนอ

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...