การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ

ใครบอกคุณเหรอ
ว่าในอนัตตลักขณะสูตร
จะต้องพูด นิพพาน เป็นนิจจังสุขัง อนัตตา
เราพูดถึงอภิธรรม ไปหาอ่านเองนะ


ส่วนเรื่องลงๆ มา
คุยอีก ก็ซ้ำซากวนเวียนไปเรื่องเดิมๆ ที่เคยยกมา
อย่างคุณน่ะเป็นอย่างนี้น่ะดีแล้ว ไม่งั้นกรรมคงไม่มีจริง

:boo:

 

ทำไมต้องยกมาทั้งหมดหละครับ???

รูปก็คืออารมณ์ของจิต ทำให้เกิดธรรมารมณ์

และอาการของจิตที่เนื่องด้วยอารมณ์อยู่แล้วใช่มั้ยครับ???

;aa24

 

อะไรที่สร้างรูปล่ะ ไปอ่านปฏิจจะฯนะ
ขี้เกียจ เถียงเรื่องซ้ำๆ


:boo:

 

รูปที่ไม่มีจิต ทำอะไรไม่ได้หรอก

:boo:

 

กรุณาอย่ามาอ้างความซ้ำซากวนเวียน เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามสิครับ

ที่คุณบอกว่าพูดถึงอภิธรรม แล้วอภิธรรมที่ว่า ใช่เอาพระสูตรมาขยายความใช่มั้ยครับ???

เมื่อคุณกล้าเอามาอ้าง ก็ต้องเอาหลักฐานมาด้วยสิครับ

กรรมมีจริงครับ สำหรับคนที่หลงอยู่กับกาลเวลา ยิ่งกรรมหนักเข้าไปใหญ่นะครับ

;aa24

 

ใจเดียวกัน

เขาบอกว่าข้อความสั้นเกินจะส่ง เลยต้องพิมพ์ บรรทัดล่าง

*

 

คุณจะเถียงก็เถียงไปครับ ผมคิดว่าผมถกหาความจริงครับ

จะเอารูปเกิดจากธาตุ๔ หรือรูปที่เกิดจากธาตุ๖ ขอย้ำธาตุ๖

;aa24

 

เดี๋ยวไปธุระแป๊บ
ด่วน แล้วจะมา คนที่พูดว่านิพพานเป็นนิจจังสุขังอนัตตา เป็นระดับครูอภิธรรมหลายท่าน ซึ่งยกมาคุณก็คงไม่ยอมรับ

**
..เอาพระสูตรอย่างที่คุณชอบนะ

ที่จริงคำว่านิจจัง เป็นไวพจน์หนึ่ง ของนิพพาน และอีกมากมาย อนุปฺปาโท (ความไม่เกิดขึ้น) อปฺปวตฺตํ (ความไม่เป็นไป) ฯลฯ
ธรรมชาติที่ไม่เกิดแล้ว ตติยนิพพานสูตร
��ҹ����Р014429�-������ҵԾ�йԾ�ҹ [���¹Ծ�ҹ�ٵ�]
ส่วนที่ได้ยินมาก คือ "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
แต่ไม่ใช่อารมณ์สุข หรือสุขเวทนา อะไรอย่างนั้น ฯลฯ
นิพพานสูตร ว่าด้วย นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
��ҹ����Р015805�-��Ծ�ҹ�����آ���ҧ���� [�Ծ�ҹ�ٵ�]
นิพพานเป็นอนัตตา
��ҹ����Р012201�-���йԾ��ҹ ����͹ѵ��

ไม่ได้เอามาจากส่วนอภิธรรม แต่ถ้าจะค้นคงมีอีกมากมาย
และไม่ใช่คุณจะเอาพระสูตรหนึ่งแล้วต้องเขียนแบบนี้แบบนั้น
หรือใช้ภาษาอย่างทีคุณต้องการ ทั้งภาษาในพระสูตรก็ใช่ว่าคุณจะตีความถูกเสมอไป

*

 

พูดถึงอะไรที่สร้างรูป
ออกทะเลไปคนเดียวนะ ไม่งั้นไม่จบ

 

คุณnamotussaครับ

คุณไม่ตอบผม แต่จะให้ผมอ่านสะให้เข้าใจไปเพื่ออะไรครับ???

คุณคิดแต่จะพูดในส่วนที่ต้องการพูดเท่านั้นหรือครับ???

ผมถามนะครับ ควรที่จะตอบด้วยทั้งเก่าและใหม่ครับ

ขบวนการปฏิจจสมุปบาทธรรมนั้น ไม่ว่าฝ่ายเกิดหรือฝ่ายดับเกิดขึ้นที่ไหนครับ???

แล้วอวิชชาที่ว่า เป็นตัวตั้งต้นของขบวนการเกิดขึ้นที่ไหนครับ???

;aa24

 

มหาภูตรูป ๔ เป็นปัจจัยแห่งรูป เช่น ก้อนหินดินทราย ฯลฯ
เพราะไม่มีจิตครอง รูปชนิดนี้จึงรู้อะไรไม่ได้

มนุษย์เกิดจากธาตุ ๖ = มหาภูตรูป ๔ +วิญญาณธาตุ(ธาตุรู้=จิต)
เพราะมีจิตครอง มนุษย์จึงรู้อะไรได้ ต่างจากก้อนหินดินทราย

ที่มามหาปุณณมสูตร ธาตุวิภังคสูตร หาอ่านเอาเองนะครับ

คุณอยากแสดงภูมิอะไร ก็เชิญแสดงได้เต็มที่อย่ามัวแต่อมภูมิว่าข้ารู้ดีนะจ๊ะ

การออกทะเลคนเดียวไม่รู้สึกว่าเหงาไปหน่อยหรือ ไม่จบแน่นอนครับ

;aa24

 

[๑๑๒] ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์แล้วพิจารณาเห็นความแตกไป เป็น
วิปัสสนาญาณอย่างไร ฯ
จิตมีรูปเป็นอารมณ์ เกิดขึ้นแล้วย่อมแตกไป พระโยคาวจรพิจารณา
อารมณ์นั้นแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นความแตกไปแห่งจิตนั้น ย่อมพิจารณาเห็น
อย่างไร ชื่อว่าพิจารณาเห็น ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่
พิจารณาเห็นโดยความเป็นของเที่ยง ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นทุกข์ ไม่
พิจารณาเห็นโดยความเป็นสุข ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นอนัตตา ไม่พิจารณา
เห็นโดยความเป็นอัตตา ย่อมเบื่อหน่าย ไม่เพลิดเพลิน ย่อมคลายกำหนัด
ไม่กำหนัด ย่อมให้ดับ ไม่ให้เกิด ย่อมสละคืน ไม่ถือมั่น เมื่อพิจารณา
เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละนิจจสัญญาได้ เมื่อพิจารณาเห็นโดย
ความเป็นทุกข์ ย่อมละสุขสัญญาได้ เมื่อพิจารณาโดยความเป็นอนัตตา ย่อม
ละอัตตสัญญาได้ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความเพลิดเพลินได้ เมื่อคลาย
กำหนัด ย่อมละราคะได้ เมื่อให้ดับย่อมละสมุทัยได้ เมื่อสละคืน ย่อมละ
ความถือมั่นได้ ฯ
[๑๑๓] จิตมีเวทนาเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีสัญญาเป็นอารมณ์ ฯลฯ
จิตมีสังขารเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีวิญญาณเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีจักษุเป็น
อารมณ์ ฯลฯ จิตมีชราและมรณะเป็นอารมณ์ เกิดขึ้นแล้วย่อมแตกไป พระ
โยคาวจรพิจารณาอารมณ์นั้นแล้ว พิจารณาเห็นความแตกไปแห่งจิตนั้น ย่อม
พิจารณาเห็นอย่างไร ชื่อว่าพิจารณาเห็น ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นของ
ไม่เที่ยง เมื่อสละคืน ย่อมละความถือมั่นได้ ฯ
ฯลฯ

ยกมาใหม่แล้วลองอ่านดูนะ
ถ้ารู้จักกายจริง แล้วเบื่อหน่าย คลายกำหนัด จิตสามารถหลุดพ้นจริงหรือ ถึงถามว่าคุณรู้เหตุของรูปหรือไม่ อะไรเป็นเหตุให้เกิดรูป อวิชชาเกิดขึ้นที่ไหนล่ะ ..อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติชรามรณะ

จิตมีรูปเป็นอารมณ์ ต่างจากรูปก็คืออารมณ์ของจิต
แต่จิตใช้รูปในการสร้างอารมณ์ ผ่านทางอายตนะ
ส่วนรูปภายนอก จิตเห็นรูปแล้วถ้าไม่นำมาปรุงก็ไม่เกิดอารมณ์
คุณก็บอกเอง ว่ารูปที่ไม่มีจิตครอง รู้อะไรไม่ได้


ซ้ำซากไหมแบบนี้ วนในอ่างอยู่อย่างนี้
หรือต้องพูดว่าออกทะเล วนอยู่ในทะเล

:boo:

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เต้าเจี้ยว*, หลงเข้ามา </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

​

 

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

บัวจะบานในตม มันก็ตรมตั้งแต่แรกบานแล้ว

เราจะเด็ด ดึง ลาก หน่วง อย่างไร ถ้าเขาเข้าใจอย่างนั้น มันก็ได้แค่นั้น

 

แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้ทุกเรื่องถูกต้องไปซะหมดนี่ครับ
บางทีมันก็ต้องฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน
เรามีผิดมีพลาดมั้ย

ส่วนเค้าพลาดน่ะเราจ้องอยู่แล้ว
แต่ความผิดความพลาดของตนเองนี่สิไม่ยอมมอง

ลองพิจารณาดูนะครับ....

 

เอาล่ะครับอย่างุดงิดไปเลยครับ ถ้าประโยคของท่านเป็นประโยค
ให้เลือกธรรมดาผมก็ขอโทษ ตอนแรกนึกว่าประชดประชันครับ

เอางี้ซิครับท่านพยายาม เรียบเรียงประโยคที่ท่านจะถามให้ดี
แยกออกมาต่างหาก ผมหรือสมาชิกอื่นๆจะได้เข้าใจว่า ท่านถามอะไรหรือสื่อ
อะไร

ลักษณะประโยคของท่าน ท่านเอาเควสชั่นมาร์ค(?) ไปวางไว้ผิดที่ผิดทาง
บางที่เป็นประโยคบอกเล่า หรือเป็นคำตอบของท่าน ท่านก็ใส่เควสชั่นมาร์ค
ลงไป มันอ่านแล้วปวดหัว หรือไม่ก็คล้ายคำกระทบกระเทียบครับ

 

ท่านธรรมภูติครับ ท่านอาจไม่เข้าใจคำว่าจินตนาการเอง
ผมจะบอกให้ครับ ไอ้ลักษณะของการจินตนาการเอง มันเป็นดังนี้ครับ
เหตุและผลหรือคำถามและคำตอบขัดแย้งกันเอง
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูครับ...

หรืออีกอย่างครับ คือการอ้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นหลักฐาน ในกรณีปัญหาที่
เกี่ยวกับบัญญัติ แต่เมื่อหาดูก็ไม่พบ ก็เลยโมเมว่า เป็นคำหรือความหมายเดียวกัน

ข้อความอ้างอิงทั้งหมดบนนี้ ผมเรียกมันว่าจินตนาการครับ
แต่มันเป็นเพียงความเห็นผม แต่ท่านจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็ไม่ว่ากันครับ

เหตุผลทั้งหมดที่ให้มา ถ้าท่านยังเหมาว่าเลี่ยงคำตอบผมก็จนปัญญาจริงๆ
ครับ

 

ท่านครับ ที่ท่านยกเอาเรื่อง หทัยวัตถุมาอ้างนี้ ไม่คิดที่จะอธิบายความเป็น
มาเป็นไปเลยหรือครับ อย่าทำตัวไร้เหตุผลซิครับ

ผมจะรู้มั้ยครับว่าท่านไปเถียงอะไรกับใครไว้
ผมว่ามันจะแฟร์กว่านี้ ถ้าท่านไปยกอ้างอิงมาหรือทำลิ้งค์มา

แล้วสิ่งนี้ก็เป็นการยื่นยันว่า ผมไม่ได้ไปเอาตำรามาพูด
และสมาชิก ที่กำลังคุยกับท่านไม่ได้พวกเดียวกัน

ฉะนั้นท่านหมดสิทธิ์ ที่จะอ้างว่างานเข้า โดนรุม

แต่ไม่เป็นไรครับ สำหรับผมถ้าท่านต้องการจะหยุดหรือพักไว้ก่อน
ก็บอกมาได้นะครับ เพื่อแสดงว่า ท่านมีมิตรจิตกับผมเมื่อกระทู้ที่แล้ว
ผมก็อยากแสดงมิตรใจตอบบ้าง

แต่ถ้าท่านยังแสดงคำถามมาอยู่ผมก็จะตอบครับ
เพราะท่านมีประกาสิทธิ์ไว้ว่า ตอบมาๆๆ หรือเลี่ยงคำตอบ
เอาตามนี้นะครับ