เรื่องเด่น คาถาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โตห้ามหลวงปู่บุญสวดในบ้านชาวบ้าน

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 3 มิถุนายน 2010.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [​IMG]

    คาถาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    ห้ามหลวงปู่บุญสวดในบ้านชาวบ้าน

    *************************************************************************

    “วันหนึ่งได้ไปกราบหลวงปู่เพิ่มที่วัดกลางบางแก้ว โดยมีศิษยานุศิษย์ญาติโยมติดตามไปด้วยหลายคน หลวงปู่เพิ่มท่านชรามากแล้ว ลักษณะท่าทางแบบเดียวกับหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่ญาติโยมพูดตรงกันว่าท่านน่ารักเหมือนกัน วันนั้นหลวงปู่เพิ่มท่านเล่าให้ฟัง ว่าหลวงปู่บุญอาจารย์ของท่านที่มรณภาพไปนานปีแล้ว เคยเล่าให้ท่านฟัง ว่าท่านเป็นเพื่อนกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านทรงสั่งหลวงปู่บุญ ว่าอย่าสวด "พระมหาสมัยสูตร" ในบ้าน ให้สวดได้แต่ในวัดหรือในวังเท่านั้น เพราะการสวด "พระมหาสมัยสูตร" ที่ใด ที่นั้นพรหมเทพจะไปร่วมฟังมาก เพราะดังมีแสดงไว้ในพระสูตรนั้นว่าเป็นที่รักที่พึงใจ นำมาซึ่งปีติปราโมทย์แห่งจิตของเทพดา หลวงปู่เพิ่มท่านพูดเรื่องนี้ในวันนั้นหลายครั้ง จำได้ว่าไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งทีเดียว เมื่อกลับจากหลวงปู่เพิ่มแล้ว ญาติโยมผู้หนึ่งจึงเล่า ว่าเป็นผู้สวด "พระมหาสมัยสูตร" ในบ้านทุกวัน เมื่อหลวงปู่เพิ่มท่านเล่าถึงคำสั่งของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนกำลังสวดอยู่ที่บ้านตามที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านทรงห้าม หลวงปู่เพิ่มท่านเล่าครั้งแรก ก็รับรู้ธรรมดาว่า "พระมหาสมัยสูตร" นั้น ท่านห้ามสวดในบ้าน ไม่ได้นึกเลยว่าตนเองก็สวด "พระมหาสมัยสูตร" อยู่ในบ้านทุกวัน ได้ยินหลวงปู่ท่านพูดซ้ำ 4-5 ครั้ง จึงได้สติ นึกได้ว่าตนเองก็สวดอยู่ในบ้าน พอมีสติรู้ตัว หลวงปู่ท่านก็มิได้พูดซ้ำอีก จึงได้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ว่านี่คือผลของอำนาจจิตที่เกิดจากการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ที่เกิดแล้วแก่หลวงปู่เพิ่มท่าน ท่านไม่เคยได้รับคำบอกเล่าจากญาติโยมผู้สวด "พระมหาสมัยสูตร" ในบ้าน แต่ท่านก็พูดเหมือนรู้ เพียงแต่ไม่ได้แสดงว่าท่านรู้เท่านั้น ท่านพูดไปตามธรรมดาๆเล่าคำสั่งของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไปตามธรรมดาเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าการสวด

    "พระมหาสมัยสูตร" พรหมเทพพึงใจ ปีติปราโมทย์เพราะเป็นพระสูตรที่รักของพรหมเทพ การสวดในบ้านเรือน สถานที่ย่อมคับแคบเกินไปสำหรับพรหมเทพที่จะไปรวมกันฟังพระสูตรที่รักที่พึงใจ”


    วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.
    2 มิถุนายน พ.ศ. 2547


    บางตอนของ แสงส่องใจ ที่ระลึกวิสาขบูชา 2547 พระธรรมเทศนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่กล่าวถึงหลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว


    ขอขอบพระคุณเว็บไซท์
    www.phuttawong.net

    #5478 ... คุณ นายสติ

    .<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
  3. Budratsa

    Budratsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +607
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ดิฉันสวดพระมหาสมัยสูตรทุกวันได้ระยะหนึ่งแล้วค่ะ บทสวดจะอ่านยากจนเดี๋ยวนี้สวดคล่อง เพิ่งจะทราบว่าท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โตท่านห้ามสวดในบ้าน ในวัดไม่ค่อยได้ยินพระสวดบทนี้ค่ะ คงจะสวดในงานบุญใหญ่ๆ ก่อนสวดพระมหาสมัยสูตรจะสวดบทพาหุงฯมหากาก่อน ขณะกำลังจะเริ่มสวดบทนี้เหมือนไม่ได้นั่งคนเดียวค่ะ ขออนุโมทนาสาธุกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
     
  4. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ท่านได้กล่าวไว้ว่า ให้ญาติโยมสวดพาหุงมหากา สวดทั้งบ้าน สวดกันให้มาก จะเจริญ ไม่ต้องไปสวดบทอื่น ชินบัญชร ก็ไม่ต้องเพราะเป็นคาถาที่สมเด็จโตท่านสวดบูชาพระอรหันต์ของท่านในขั้นปลาย

    ท่านทั้งหลายนั้นถึงขั้นปลายแล้วหรือไม่ ถึงวิมุตหรือยัง ก็ล้วนยังทั้งนั้น ยังมีมารผจญ อยู่สวดพาหุงมหากา ปราบมาร จึงจะดีมีความสุข
     
  5. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ถ้างั้น

    บ้านของคนที่เปนเศรษฐีก็สวดได้สิครับ

    เพราะว่าบ้านมีที่ดินหลายไร่

    มีบริเวณกว้างพอ

    ให้พระพรหมเทพมานั่งฟังกันหลายๆองค์ได้
     
  6. JitKrajang

    JitKrajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +1,593
    เอ..แล้วอย่างนี้ ไม่ได้สวด แต่จะเปิดฟังได้ไหมคะ
     
  7. พุฒิฬส

    พุฒิฬส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +51
    (ที่มา บทสวดมหาสมัยสูตร)

    มหาสมัยสูตรปรากฎความในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกามหาวรรค ภายหลังการบรรลุอนุตราสัมมาสัมโพธิญาณของพระบรมศาสดา พระองค์ได้เสด็จจาริกไปในสถานที่ต่าง ๆ เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก และเมื่อทราบทราบว่าพระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาประชวรหนัก จึงเสด็จกลับสู่กรุงกบิลพัสดุ์อีกครั้งเพื่อเยี่ยมอาการพระพุทธบิดา พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเป็นจำนวนมาก ทรงถวายพยาบาลพระพุทธบิดาตามพุทธวิสัย และโปรดให้พระพุทธบิดาได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ในกาลต่อมาพระพุทธบิดาก็ปรินิพพานบนพระแท่นบรรทมภายใต้เศวตฉัตรนั้งเอง
    ภายหลังถวายพระเพลิงพระศพพระพุทธบิดา พระพุทธองค์ตรัสว่า
    "บุคคลใดมีจิตปรารถนาพระโพธิญาณ จงอุตสาหะภิบาลบำรุงบิดามารดา ประพฤติกุศลสุจริตธรรม จักสมปรารถนาทุกประการ"

    รุ่งขึ้นอีกวัน ขณะทีพระองค์ประทับอยู่ที่นิโครธาราม กรุงกบิลพันดุ์ เหล่าพระญาติข้างฝ่ายศากยะ และ โกลิยะที่ตั้งหลักแหล่งอยู่สองฝั่งแม่น้ำโรหิณีได้วิวาทกันเรื่องแย้งน้ำทำนา
    กษัตริย์ทั้งสองจึงยกกองทัพออกไปจะทำสงครามกัน
    เพราะไม่สามารถตกลงกันได้ พระพุทธองค์ทรงทราบเหตุการณ์นั้นด้วยพระญาณ
    ทรงถือบาตรและจีวรด้วยพระองค์เอง ไม่ทรงแจ้งให้ใคร ๆ ทราบ เสด็จพุทธดำเนินแต่เพียงพระองค์เดียว ไปประทับนั่งขัดบัลลังก์ระหว่างกองทัพกษัตริย์ทั้งสองนคร

    ครั้นกองทัพชาวเมืองกบิลพัสดุ์และชาวเมืองโกลิยะเห็นพระองค์นั้น
    ต่างก็คิดว่าพระศาสดาผู้เป็นพระญาติ ผู้ประเสริฐของพวกเราเสด็จมา จึงทิ้งอาวุธเขาไปเฝ้าพระพุทธองค์ทั้งที่พระองค์ทรงทราบสถานการณ์ขณะนั้นดีแต่ก็ตรัสถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    แล้วตรัสสอนว่า มหาบพิตร พวกพระองค์อาศัยน้ำที่มีค่าน้อยแล้วทำให้กษัตริย์ซึ่งหาค่ามิได้ให้ฉิบหายทำไมกัน

    ครั้นแล้ว พระพุทธองค์ได้ตรัส ผันทนชาดก ทุททุภายชาดก และลฏุกิกชาดก
    เพื่อระงับการวิวาทของพระญาติทั้งสองฝ่าย และตรัสรุกขธรรมชาดก และวัฏฏชาดก
    เพื่อให้เกิดความสามัคคีพร้อมเพรียงกันว่า "หมู่ญาติยิ่งมากยิ่งดี ต้นไม้ที่เกิดในป่าแม้จะโตเป็นเจ้าป่า ถ้าตั้งอยู่โดดเดี่ยวย่อมถูกแรงลมพัดโค่นลงได้
    และว่านกทั้งหลายมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ย่อมพาตาข่ายไปได"้ และในที่สุดก็ตรัส อัตตทัณฑสูตร

    กษัตริย์เหล่านั้นได้สดับพระธรรมเทศนาแล้ว
    เกิดความสังเวชพากันทิ้งอาวุธกล่าวว่า หากพระบรมศาสดา ไม่เสด็จมา
    พวกเราก็จะฆ่าฟันซึ่งกันและกันเลือดไหลนองเป็นสายน้ำ ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเห็นหน้าลูกเมียญาติพี่น้อง กษัตริย์ทั้งสองพระนครจึงถวายพระราชกุมาร 500 องค์ คือ ฝ่ายละ 250 องค์ ให้บรรพชา อุปสมบทกับพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา

    อรรถกถามหาสมัยสูตร เล่าถึงเหตุการณ์ที่ภิกษุราชกุมารเหล่านั้นบรรลุธรรมไว้ว่า
    เมื่อพระพุทธองค์นำภิกษุราชกุมารเหล่านั้นมาสู่ป่ามหาวัน
    ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ภิกษูปูถวาย ในโอกาสทีสงัด ตรัสบอก
    กัมมัฏฐานแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับกัมมัฏฐานแล้ว
    ต่างแยกย้ายกันไปเจริญวิปัสสนาตามเงื้อมผา และโคนไม้ในโอกาสที่เงียบสงัด
    และก็ทยอยบรรลุพระอรหัตแล้ว ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จนครบทั้ง 500 รูป

    อรรถถาได้อธิบายความคิดของพระที่ได้บรรลุพระอรหันต์ไว้ว่า
    พระผู้บรรลุพระอรหัตสิ้นกิเลสอาสวะทั้งหลายแล้ว ย่อมมีความคิดอยู่ 2 อย่างคือ
    1. มีความคิดว่า คนทุกคนตลอดจนเทวดาทั้งหลาย ก็สามารถที่จะบรรลุธรรมตามที่เราบรรลุได้เช่นเดียวกัน
    2. พระที่บรรลุธรรมไม่ประสงค์จะบอกคุณธรรมที่ตนได้บรรลุแก่ผู้อื่น
    เหมือนคนที่ฝังขุมทรัพย์ไว้ไม่ต้องการให้ใครรู้ที่ฝังขุมทรัพย์ของตน

    เมื่อเทวดาทั้งหลายทราบว่า
    พระบรมศาสดาประทับอยู่ที่ป่ามหาวันใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป
    ล้วนเป็นพระอรหัตบวชจากราชตระกูล ต่างก็กล่าวว่า
    นี้เป็นสมัยแห่งการประชุมใหญ่ในป่ามหาวัน
    พวกเราจักไปชมความงดงามของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกผู้หมดจด
    ต่างก็แต่งคาถากล่าวสรรเสริญ พระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก
    เทวดาที่มาประชุมกันใวนนั้นมีจำนวนมากมาย ภิกษุบางรูปก็เห็นเทวดาร้อยหนึ่ง
    บางรูปก็เห็นพันหนึ่ง บางรูปก็เห็นหมื่นหนึ่ง
    บางรูปก็เห็นแสนหนึ่ง บางรูปก็เห็นไม่มีที่สิ้นสุด แตกต่างกันไปตามกำลังญาณของแต่ละองค์

    ในยุคของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีการประชุมเทวดาจำนวนมากเช่นนี้ก็เพียงครั้งเดียว
    พระพุทธองค์ ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า เทวดาในแสนจักรวาลมาประชุมกันเพื่อชมตถาคตและหมู่ภิกษุสงฆ์ เทวดาประมาณเท่านี้แหละได้เคยประชุมกันเพื่อชมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลแล้ว และพวกเทวดาประมาณเท่านั้นแหละจักประชุมกันเพื่อชมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล แล้วพระองค์ก็ทรงแนะนำเทวดาแต่ละจำพวกให้ภิกษุทั้งหลายฟังตามลำดับ ตั้งแต่กุมมเทวดาไปจนถึงพรหมโลก

    ขณะที่เทวดาจากหมื่นจักรวาลมาประชุมกันจนครบนั้น ท้องฟ้าโปร่งใส่ไม่มีเมฆหมอก ก็กลับเกิดเมฆฝนคำรณคำรามกึกก้องฟ้าแลบแปล๊บพราย พระพุทธองค์ทรงพิจารณาทราบว่า หมู่มารก็ได้มาด้วย จึงทรงแนะนำให้ภิกษุรู้จักพญามารเอาไว้

    พญามารกำลังสั่งบังคับเสนามารให้ผูกเหล่าเทวดาไว้ในอำนาจแห่งกามราคะ
    แต่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานไม่ให้เหล่าเทวดาเห็น พญามารไม่ได้ดั่งใจจึงทำให้เกิดฟ้าร้องกึกก้องกัมปนาทไปทั่ว

    โดยปกติในที่จะไม่มีการบรรลุมรรคผล พระพุทธองค์จะไม่ทรงห้ามมารแสดงสิ่งอันน่ากลัวของมาร
    แต่ในที่จะมีการบรรลุมรรคผล พระองค์จะทรงอธิษฐานไม่ให้ใครรู้เห็นสิ่งที่พญามารกำลังทำ
    เนื่องจากการประชุม ใหญ่ของเทวดาครั้งนั้น
    จะมีเทพบรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมาก พระพุทธองค์จึงทรงอธิษฐานไม่ให้พวกเทวดา รับรู้สิ่งอันน่ากลัวของหมู่มารนั้น พญามารนั้นจึงกลับไปด้วยความเดือดดาลฯ

    สวดเมื่อไร ? สวดแล้วได้อะไร ?

    มหาสมัยสูตร เป็นสูตรว่าด้วยสมัยเป้นที่ประชุมใหญ่ของเหล่าเทพ ในยุคของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีการประชุมใหญ่ของเหล่าเทวดาทั้งหลายเช่นนี้เพียงครั้งเดียว เทวดาทั้งหลายจึงพากันคิดว่าพวกเราจะฟังพระสูตรนี้ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงมหาสมัยสูตรจบ
    เทวดาจำนวนหนึ่งแสนโกฎิได้บรรลุพระอรหัต

    พระสูตรนี้จึงเป็นที่รักที่ชอบใจของพวกเทวดา เทวดาทั้งหลายต่างก็คิดว่าพระสูตรของตน เมื่อสวดพระสูตรนี้จะทำให้เหล่เทวดาทั้งหลายประชุมกัน
    เมื่อเทวดาประชุมกันก็จะทำให้สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายถอยห่างออกไป
    เป็นการป้องกันสิ่งที่ไม่ดีไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเรานั้นเอง

    พระอรรถกถาจารย์จึงแนะนำว่า "มหาสมัยสูตรนี้ เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา
    ในสถานที่ใหม่เอี่ยม เมื่อจะกล่าวมงคลกถา ควรสวดพระสูตรนี้" หมายความว่าในสถานที่สำคัญที่จะประกอบกิจใหม่ หรือในสถานใดที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ เมื่อจะสวดมงคลกถาในสถานที่เช่นนี้ควรสวดมหาสมัยสูตรนี้

    เนื่องจากมหาสมัยสูตรเป็นสูตรใหญ่ จึงไม่นิยมใช้สวดในงานทำบุญทั่ว ๆ ไป แต่จะนิยมนำไปสวดเฉพาะในพิธีที่เกี่ยวข้องกับความอยู่เย็นเป็นสุขของทางบ้านเมืองเป็นหลัก นอกนั้นแล้ว การเจริญพระพุทธมนต์ยังเป็นรูปแบบของการเจริญสมาธิภาวนาอย่างหนึ่ง แต่แทนที่จะใช้วิธีนั่งบริกรรมให้จิตเกาะเกี่ยวอยู่กับคำใดคำหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว
    เพื่อเป็นสื่อให้เข้าถึงความสงบ ก็ใช้วิธีจิตเกาะเกี่ยวไปกับอักขระเป็นเกาะแสเช่นนี้
    ไม่ปล่อยให้ความรัก โลภ โกรธ หลง กามราคะ อาฆาตพยาบาท
    ได้โอกาสแทรกเข้ามาครอบงำจิต ทำให้จิตมีความผ่องใส
    เป็นจิตมีพลังในการต้านทานกิเลสที่จะเข้ามามีอำนาจเหนือสติปัญญา
    จิตเช่นนี้เป็นจิตสงบ คือสงบจากกามราคะ อาฆาตพยาบาท
    หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน รำคาณ เบื่อหน่าย จึงชื่อว่า "จิตเป็นสมาธิ"


    มีผู้ใดเข้าใจบาง หรือมีผู้ใดสนใจบาง
     
  8. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +405
    เพิ่งได้ยินครับว่าท่านห้ามสวดเพราะบ้านคับแคบ เคยแต่ได้ยินว่าหากจะสวดที่บ้านก็ต้องจัดเตรียมดูแลห้องพระให้เรียบร้อยสวยงามสะอาดสะอ้านหน่อย เพราะทวยเทพท่านจะนิยมมาฟังกันมากมายดังว่า แต่กระผมมิได้หมายความว่าที่ท่านห้ามนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ดีนะครับ เพียงแต่หากใครจะสวดที่บ้านก็ต้องจัดเตรียมห้องพระและสถานที่ๆจะสวดให้เรียบร้อยสวยงามดีๆกว่าปกติหน่อย นี่ผมเองก็มีความตั้งใจว่าจะหัดสวดอยู่ แต่ยังไม่ได้สวดเพราะผมเองยังไม่มั่นใจในความดีของผม เพราะหากคนสวดยังเรียกว่าดีไม่ได้หรือว่ายังดีไม่จริงก็คงจะไม่มีเทพที่ไหนมาร่วมสวดร่วมฟังหรอกครับ ทุกวันนี้หากสวดมนต์ผมยังไม่กล้าสวดชุมนุมเทวดาเลย ผมอายท่านครับ หากแต่ท่านจะสงเคราะห์มากันเองก็แล้วแต่ท่านจะกรุณาครับ
     
  9. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321
    Anumothana Sathu
     
  10. กิตติกรณ์_ต่าย

    กิตติกรณ์_ต่าย เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    5,218
    ค่าพลัง:
    +14,686
    สาธุ บทความนี้ที่ให้ความรู้และเพิ่มปัญญามากๆเลยครับ
     
  11. dharma

    dharma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +984
    ได้รับทราบเป็นความรู้
    ขออนุโมทนาบุญครับ...สาธุ
     
  12. สังวรคุณ

    สังวรคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +765
    โมทนาสาูธุครับ
     
  13. krasin

    krasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +2,821
    “เทวดาจะมาชุมนุมกันจำนวนกี่ล้านโกฏิก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะในเนื้อที่หนึ่งปรมาณู เทวดาอยู่ได้ถึงแปดองค์”
     
  14. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    เพิ่งรู้นี้หละ..ว่าเป็นอยางนี้
     
  15. apichen

    apichen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +162
    อันนี้พบในหนังสือ"หลวงปู่ฝากไว้"ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล(บันทึกโดยพระราชวรคุณ หรือหลวงปู่สมศักดิ์ ปัณฑิโต)นะครับ (ขยายความจากของคุณkrasin)
    "อาตมามีส่วนเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ ชอบถามหรือพูดกับหลวงปู่แบบทีเล่นทีจริงอยู่เรื่อย ทั้งนี้ก็เพราะหลวงปู่ไม่เคยถือ ท่านเป็นกันเองกับพระเณรผู้ใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ถามท่านว่าในตำรากล่าวว่า มีเทวดามาชุมนุมฟังเทศน์หรือมาเฝ้าพระพุทธเจ้าหลายสิบโกฏินั้น จะมีสถานที่บรรจุพอหรือ เสียงดังทั่วถึงกันหรือ
    เมื่อได้ฟังหลวงปู่ตอบแล้วก็งวยงงและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง เพราะไม่เคยพบในตำราและไม่เคยได้ยินมาก่อน และยิ่งกว่านั้นเพิ่งจะได้ฟังท่านพูดเมื่ออาพาธหนักแล้วใกล้จะมรณภาพด้วย

    หลวงปู่ตอบว่า

    “เทวดาจะมาชุมนุมกันจำนวนกี่ล้านโกฏิก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะในเนื้อที่หนึ่งปรมาณู เทวดาอยู่ได้ถึงแปดองค์”

    แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน พิจารณาตามหลักกาลามสูตรไว้ก็น่าจะดีนะครับ
    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
    อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
    เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศลธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
    ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขเมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2010
  16. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    นุโมนา สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. jack_za

    jack_za Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +74
    สาธุครับ..บ้านผมหลังเล็กๆเอง แล้วถ้าผมสวด จะพอมีที่ว่างให้เทวดากี่องค์.... กัน..น้อ ส่วนมากผมชอบสวด ยอดพระกันฑ์ไตรปิฎก ครับ
     
  18. luknum

    luknum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +246
    ถ้าสวดแล้วจะเป็นยังไงคะ
     
  19. chai9000

    chai9000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +591
    คุณ deity จ๋า อย่าเอากำปั้นทุบดินซิ เดี๋ยวบาปนะ วัดเป็นที่ของผู้ทรงศีลจ๊ะ ไม่ใช่ที่กว้างๆ ตอบแบบคุณก็ต้อง สนามหลวง หรือสวนสาธารณะซิ ฮิ ฮิ ขอโมทนาสาธุ หลายๆจ๊ะ
     
  20. poacmu

    poacmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +169
    ขออนุโมทนาสาธุครับที่ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...