ช่อฟ้าวัดป่าโนนจ่าหอม ปัจจัยยังไม่ครอบพอที่จะสร้างร่วมบุญติดต่อ 080-167-5445

ขออนุโมทนาบุญทุกประการครับ
ที่กรุณาร่วมบุญสร้างพระวิหารวัดป่าโนนจ่าหอม
ทั้งกระเบื้องมุงหลังคาและช่อฟ้า

ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

หากยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่มี จงอย่าพึงมี
แก่ทุกท่านและครอบครัว ทุกชาติ คราบเท่าเข้าสู่กระแสพระนิพพานเทอญ

***************************************************

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"<!-- google_ad_section_end -->

 

พระเงิน-พระทอง และพระธาตุ

ภาพพระเงิน-พระทอง และพระธาตุที่ญาติโยม
ได้นำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรจุในองค์พระครับ

อนุโมทนาสาธุ





ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"<!-- google_ad_section_end -->
***************************************************

" วันนี้เรายังพร่อง ยังไม่เต็ม ก็ต้องเร่งบำเพ็ญบุญที่มีอานิสงฆ์สูง
เพื่อค้ำชูชีวิตให้มีความดี ความงามทางจิตใจ และมีบารมีธรรมสูงขึ้น
เพื่อวันหนึ่ง เราจะ "เต็ม" ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลงไม่มีภพชาติ อีกต่อไป"

 

หินนิ่ม (สายแร่ทองคำ)

ภาพที่ 1 พระอาจารย์และศิษย์มุ่งหน้าเข้าสู่ภายในถ้ำเพื่อค้นหา.....
ภาพที่ 2 ภายในถ้ำ เจอแล้ว....อยู่นี่เอง
ภาพที่ 3 นี่ไง ชื่อถ้ำ....ติดป้ายเบ้อเริ่มเลย
ภาพที่ 4 นี่ล่ะของศักดิ์สิทธิ์ที่เทวดาเจ้าของถ้ำถวายมาเพื่อร่วมบุญ

(ความเดิมจาก คุณเก๋ณัฐา)


<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND> </FIELDSET>พระอาจารย์ชยางกูรในถ้ำผาสาว อ.วังสะพุง จ.เลย



รูปหินนิ่ม ที่พระอาจารย์ท่านอัญเชิญมาเพื่อนำมาบรรจุใต้ฐานพระวิหาร
ที่กำลังก่อสร้างอยู่ครับ คุณต้อยเล่าใหฟังว่า

"ขณะท่านอฐิษฐานจิต ท่านได้เอามือไปแตะที่ผนังถ้ำ ปรากฏว่าหินที่เป็นผนังถ้ำกลับนิ่มเหมือนดิน ท่านจึงอฐิษฐานจิตขอแล้วล้วงเอาหินขึ้นมา ไม่นานหินที่นิ่มเหมือนดินนั้นก็กลับแข็งตัวเป็นหินเหมือนเดิม"

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"

 

ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

ทางวัดยังต้องการปัจจัยอีกมาก สำหรับมุงกระเบื้องและก่ออิฐพระวิหาร
จึงขอความกรุณาจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
ร่วมกันบริจาคทรัพย์ตามกำลัง หรือ กรุณาบอกบุญต่อ เพื่อสร้างพระวิหารของวัดป่าโนนจ่าหอมให้สำเร็จด้วยครับ
ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านครับ สาธุ

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ​

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

เรื่องของเจ้ากรรมนายเวร

เรื่องของเจ้ากรรมนายเวร<!-- google_ad_section_end -->


<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- google_ad_section_start -->

"เจ้ากรรมนายเวร"​

เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ที่เราทำไว้

ตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก
<O</O
อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา แต่กฏของกรรมมันเล่นงานเรา ถ้าปลานั่งจองเวรคอยลงโทษเราแกก็ไม่ต้องไปเกิดล่ะ
<O</O

อย่างพระถูกหอกตาย เรื่องนี้มีอยู่ในพระสูตร คือว่ามันมีอยู่ว่าพระองค์ ท่านกำลังเย็บจีวร เย็บไปๆ ไอ้ตัวเรือดมันอยู่ในตะเข็บจีวร ท่านไม่เห็น เข็มก็ไปทิ่มเรือดตาย อย่างนี้ถือว่าเป็นบาปลงนรกไม่ได้ เพราะเจตนาไม่มี ไม่รู้ว่าอยู่ ใช่ไหม<O</O​

แต่ก็เป็นบังเอิญเมื่อต่างคนต่างตาย เจ้าเรือดก็ตายไปก่อน พระก็อยู่นานไม่ได้หรอกนะ ไปเกิดชาติหลังเป็นคนด้วยกันทั้งคู่ เจ้าเรือดไปเกิดเป็นนายพรานป่าฆ่าเนื้อ พระก็ไปเกิดเป็นคน แต่ว่าบวชพระ<O</O
ต่อมาวันหนึ่ง พระเดินสวนทางมาเจอนายพราน เห็นพรานถือหอกเกาะกะๆ ท่านก็นึกหวาดเสียว ดีไม่ดีแกบ้าๆ บวม ๆ จิ้มตาย ใช่ไหม ก็เลยหลบเข้าพุ่มไม้

พรานแกฆ่าสัตว์ก็จริงแต่จิตแกก็ดี ถือว่าพระเป็นพระ แกเดินมาเข้าไปนึก เอ๊ะ...พระนี่น่าจะสวนกับเราตอนนี้ เวลานี้ท่านไปไหน หรือบางทีท่านเห็นเราถือหอกเดินมาท่านจะกลัวเรามั้ง ไอ้หอกจัญไร พุ่งไว้ตรงนี้ก่อน เลยพุ่งหอกเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วเดินไปมือเปล่าไป ไอ้หอกระยำดันจิ้มมาที่อกพระพอดี<O</O

นี่ไอ้นี่จะถือว่าเป็นกรรมไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเวร ถ้ากรรมก็ดึงลงอบายภูมิ นี่เป็นเวรมาสนองกัน

ทำบุญสะเดาะเคราะห์<O</O​

คำว่า เคราะห์ คือ บาป เราล้างไม่ได้แต่ถ้าหากว่าทำความดีให้มีกำลังสูงกว่า คำว่า เคราะห์จะเปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับคนยืนอยู่กลางแดดจัดๆ เวลานี้อยู่ในร่มมันก็ร้อน ถ้ายืนกลางแดดมันก็ร้อน ถ้าทำบุญน้อยๆ ก็เหมือนกับมีร่มเล็กๆ ไปกางบังอยู่มันก็เย็นไปหน่อยหนึ่ง ทำบุญที่มีอานิสงส์มากๆ ก็เหมือนกับมีคนเอาน้ำไปราดให้ ก็มีความเย็น ถ้าทำบุญที่มีกำลังสูงใหญ่อย่างเรา เจริญกรรมฐานเหมือนกับเราแช่ในอ่างน้ำ ถึงเราจะอยู่กลางแจ้ง กลางแดด ความร้อนมันก็น้อยไป ข้อนี้ฉันใด การสะเดาะเคราะห์ก็เหมือนกัน การสะเดาะเคราะห์ไม่ได้ทำให้หมดไป
******************************
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
******************************
ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมในปัจจุบัน

หากยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่มี
จงอย่าพึงมีพึงบังเกิดแก่ทุกท่าน ตราบเท่าเข้าสู่กระแสพระนิพพานครับ


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->

 

********************************************

<TABLE class=tborder id=post3069864 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_3069864 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">

ชีวิตคนเราเหมือนกับคนที่ขึ้นต้นไม้สูง
เมื่อสูงสุดยอดแล้วก็ต้องลง ไม่ลงจะอยู่ได้อย่างไร
ไม่ใช่ลิงค่าง จะได้นอนอยู่บนนั้นได้........มันต้องลง

ร่างกายของคนเราเมื่อเจริญถึงที่สุดก็ลง
เราแก่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแก่ถึงที่สุด พอถึงที่สุดแก่
มันก็ดับเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา

ความแก่จึงเป็นเรื่องที่สอนให้เราคิด แต่ถ้าเราไม่คิด ก็เรียกว่า "ประมาท"

พระพรหมมังคลาจารย์(หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)
ท่านมรณภาพวันที่ 10 ตุลาคมพ.ศ. 2550 ด้วยอาการปอดอักเสบและไตวาย ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุรวม 96 ปี

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

"เจ้ากรรมนายเวร'

เราไม่ทราบหรอกครับว่าในอดีตเราเคยไปทำกรรมอะไรกับใครไว้
หนักหนาสาหัส ทำให้เค้ามีความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจเพียงใด

การทำบุญ ส่งบุญ และโอนบุญให้เค้าเพียงครั้งสองครั้ง
หรือคิดว่า ทำบุญใหญ่ ๆ แล้วอุทิศให้ ใช่ว่าจะสามารถลบล้างกรรมนั้น
หรือทำให้เค้าให้อภัยเราได้ง่าย ๆ

ลองเปรียบเทียบกับตัวเราเองดู
แม้แต่มีคนที่ขัดอกขัดใจเรา หรือ ทำให้เราไม่พอใจเล็ก ๆ น้อย ๆ
เราก็ยังโกรธ เรายังนึกต่อว่าเค้า ไม่ได้ใหอภัยกับเค้าง่าย ๆ เช่นกัน

ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ทานที่ยิ่งใหญ่ คือ อภัยทาน
แต่ถามตัวเราเองว่า สามารถทำได้ด้วยใจจริงได้ง่ายหนือไม่

ฉันใดฉันนั้น
หากต้องการลบล้างเจ้ากรรมนายเวร
ต้องหมั่นสร้างความดี หมั่นส่งบุญ หมั่นขออโหสิกรรม
และฝึกจิตฝึกใจให้อภัยทานด้วยใจจริงกับคนอื่นที่ทำกับเราเช่นกัน

คิดเสียว่า ให้อภัยทาน เพื่อยกถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

------------------------------------------------------------

ทำบุญสะเดาะเคราะห์<O</O​

คำว่า เคราะห์ คือ บาป เราล้างไม่ได้แต่ถ้าหากว่าทำความดีให้มีกำลังสูงกว่า คำว่า เคราะห์จะเปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับคนยืนอยู่กลางแดดจัดๆ เวลานี้อยู่ในร่มมันก็ร้อน ถ้ายืนกลางแดดมันก็ร้อน ถ้าทำบุญน้อยๆ ก็เหมือนกับมีร่มเล็กๆ ไปกางบังอยู่มันก็เย็นไปหน่อยหนึ่ง ทำบุญที่มีอานิสงส์มากๆ ก็เหมือนกับมีคนเอาน้ำไปราดให้ ก็มีความเย็น ถ้าทำบุญที่มีกำลังสูงใหญ่อย่างเรา เจริญกรรมฐานเหมือนกับเราแช่ในอ่างน้ำ ถึงเราจะอยู่กลางแจ้ง กลางแดด ความร้อนมันก็น้อยไป ข้อนี้ฉันใด การสะเดาะเคราะห์ก็เหมือนกัน การสะเดาะเคราะห์ไม่ได้ทำให้หมดไป
******************************
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
******************************
ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมในปัจจุบัน

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

 

กรรมไก่ของฉัน...โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)





ตายจากไก่ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

<O</O
"..อาตมาให้ชื่อเรื่องนี้ว่า "กรรมไก่ของฉัน" เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๒ ตอนเช้ามีอาการมึนงงมาก จึงนอนภาวนาคิดว่าร่างกายอาจจะตายก็ได้ เพราะท้องก็ปวดจัด เสมหะก็มาก ขณะที่ภาวนาไปใกล้เวลา ๔ โมงเช้า ก็ปรากฏว่าจิตตกวูบลงจากนิวรณ์ มีอารมณ์สว่างไสว เห็นร่างกายของตัวเองนอนอยู่ แต่ร่างกายนั้นตัวใหญ่มาก ร่างกายสมบูรณ์ทุกอย่าง ผิวพรรณสวยสดงดงาม ผิวขาวเหลือง แต่สองมือกุมขมับแสดงว่ามีอาการปวดศีรษะมาก นอนลุกไม่ขึ้นพร้อมกันนั้นก็มีภาพไก่ตัวเมียประเภทไก่ชนสีนํ้าเงินแก่ค่อนข้างดำ มีลายจุดขาวทั้งตัว ยืนอยู่เหนือศีรษะ <O</O
ขณะนั้นก็มีเสียงกังวานดังมาจากข้างบน เป็นเสียงค่อนข้างใหญ่ แต่กังวานมากเพราะมาก บอกว่า "จงบวชเณรๆ"<O</O
เมื่อฟังแล้วก็คิดในใจว่าการที่ป่วยคราวนี้เป็นมาเดือนเศษ อาการป่วยพิเศษก็คือมันหนักที่ศีรษะมากและก็ปวดขมับ พอถึงเวลาใกล้จะ ๓ โมงเย็น ก็จะปวดขมับทนแทบไม่ไหว และก็มึนศีรษะมาก ศีรษะหนักลุกขึ้นก็มึนงง ขาไม่มีแรงเดินจวนจะล้ม อาการอย่างนี้เป็นมาเดือนเศษ
<O</O
เมื่อเห็นภาพไก่อย่างนั้นก็ใช้กำลังใจควบคุม อดทนต่ออาการปวดศีรษะ ทนต่ออาการมึนงง ทนต่ออาการปวดท้อง ใช้กำลังขันติเข้าควบคุมแล้วก็รวบรวมกำลังใจด้วย สังขารุเปกขาญาณกับใช้กำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสสติญาณและยถากัมมุตาญาณคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นอย่างนี้มันมาจากไหน ชาตินี้ทั้งชาติไก่ตัวเมียไม่เคยฆ่า แต่ที่ฆ่าจริงๆ ในชีวิตนี้มีไก่ตัวผู้ ๒ ตัวเท่านั้น และก็ไม่ใช่ลงมือฆ่าเอง คนอื่นเขาฆ่าแต่พลอยกินกับเขา ถ้าถามว่า "ยินดีกับเขาไหม" เวลานั้นเป็นเด็กในเมื่อผู้ใหญ่เขาจะฆ่ากินมันก็ต้องยินดี แต่ก็ไม่ใช่ยินดีในการฆ่า แต่ยินดีในการกิน ถ้าจะถามว่า "บาปไหม"ก็ต้องตอบว่า"บาป" ร่วมบาปกับเขาเพราะโมทนาความชั่ว การโมทนาความดีได้ไปสวรรค์ การโมทนาความบาปมันก็ไปนรกเหมือนกัน<O</O
สำหรับไก่ตัวเมียไม่มีในชาตินี้ ก็ทบทวนกำลังใจหาเหตุหาผล การรู้เองนี่ไม่ค่อยจะแม่นยำนัก บางทีก็พลาด ถึงแม้ว่าการสอบถามก็เหมือนกัน ถ้ากำลังใจของเรามีอุปาทานควบคุมอยู่ก็พลาดเหมือนกัน ต้องทำกำลังใจให้เป็นปกติ
<O</O
เมื่อกำลังใจเป็นปกติก็ถาม ถามว่า "ไก่ตัวนี้ฆ่าตายมาตั้งแต่เมื่อไร" เสียงกังวานนั้นก็ตอบลงมาว่า "ไก่ตัวนี้เจ้าฆ่าตายเมื่อสมัย ๓ ชาติที่ผ่านมา"คือชาตินี้ไม่นับ ถอยกลับไป ๑, ๒ และ ๓ ถามว่า "ในสมัยนั้นเกิดที่ไหน"เสียงก็ตอบมาว่า"เกิดที่จังหวัดอยุธยา"ถามว่า "เหตุที่ฆ่าเป็นเพราะอะไรจึงฆ่า อยากกินหรือว่าฆ่าด้วยความโกรธ" เสียงนั้นก็ตอบมาพร้อมกับทำภาพปรากฏชัดว่า เวลานั้นเป็นเด็กอายุประมาณ ๑๐ ปี เป็นเด็กวัดอยู่ที่หันตรา จังหวัดอยุธยาขณะเดินไปเห็นสุนัขของชาวบ้านมันเข้ามาในวัดเป็นสุนัขดุ เวลานั้นไก่ฝูงหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่ พอเดินผ่านเข้าไปสุนัขดุมันก็ไล่กวดจะกัด ขณะนั้นมีไม้ท่อนสั้นๆ อยู่ที่มือ ก็ขว้างเจ้าสุนัข แต่เจ้าสุนัขมันหลบ เผอิญไปโดนไก่ตัวนี้ตายพอดี เป็นไก่ชนตัวเมียสีนํ้าเงินแก่และก็มีจุดสีขาวตามตัวสวยมาก เห็นเข้าแล้วก็รู้สึกเสียใจว่า ไก่ที่เรารักไม่น่าจะมาตายเพราะเจ้าสุนัขดุตัวนี้ ก็เข้าไปประคับประคองนำไปหาพระท่าน พระก็พยายามทำการปฐมพยาบาลทุกอย่างแต่ไก่ก็ไม่ฟื้น
<O</O
ในที่สุดเมื่อไก่ตายแล้ว คนอื่นเขาจะนำไก่ไปกินก็ไม่ยอมเพราะฉันรักไก่มาก จึงขอนำไก่ไปฝัง เวลานั้นมีสตางค์เหลืออยู่ ๑ ไพ พ่อให้ไปเพื่ออยู่ที่วัด ก็นิมนต์พระท่านบังสุกุล เมื่อพระบังสุกุลเสร็จก็ลงมือทำการฝัง ไก่ตัวนี้เราก็รักและพระในวัดท่านก็มีความรักในสัตว์ ท่านจัดอาหารมาก็ให้อาตมาเป็นคนเลี้ยง เมื่อเลี้ยงแล้วปรากฏว่าอาตมาก็รักมัน จึงถามว่า "เวลานี้ไก่ตัวนี้ตายแล้วไปอยู่ไหน ไปเกิดเป็นไก่หรือว่าเกิดเป็นคน หรือเกิดเป็นสัตว์ เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้า" เสียงท่านตอบมาว่า "เจ้าจงไปดาวดึงส์ ไปที่ปัญจสิกขเทพบุตร เจ้าจะพบไก่ตัวที่เจ้าขว้างตายและเป็นไก่ที่เจ้ารัก"จึงตามเสียงนั้นขึ้นไปที่ดาวดึงส์ ไปหาท่านปัญจสิกขเทพบุตร
<O</O
เมื่อไปถึงแล้วก็ปรากฏว่าท่านคอยต้อนรับอยู่ ก็ถามท่านว่า"ไก่ที่ฉันขว้างถึงแก่ความตายเวลานี้อยู่ที่ไหน" ท่านตอบว่า "ถามผิดให้ถามใหม่คือว่าไก่ที่เธอขว้างถึงแก่ความตายนั้นไม่มี (ตั้งใจขว้างไก่) มีแต่ไก่ตัวที่เธอตั้งใจขว้างสุนัขแต่เผอิญไปถูกไก่นี้มีอยู่"ก็เลยบอกท่านว่า "ตามนั้นแหละ"ท่านก็ชี้ให้ไปดู นางฟ้าที่นั่งใกล้ๆ เป็นคนโปร่งบาง ผิวขาว แต่งตัวสวยมาก เธอยิ้มแย้มแจ่มใส พอหันหน้าไปหาเธอ เธอก็ยกมือไหว้และถามว่า "จำดิฉันได้ไหมเจ้าคะ" ก็เลยบอกว่า "ถ้าเป็นไก่อาจจะจำได้" ภาพไก่ก็ปรากฏข้างเธอ เธอก็บอกว่า "ฉันคือไก่ตัวนี้เจ้าค่ะ"
<O</O
ถามเธอว่า "เธอตายจากไก่ที่ถูกขว้างขณะกำลังกินอาหารอยู่ แล้วเธอมาเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ได้อย่างไร"
<O</O
เธอก็ตอบว่า "เวลานั้นเธอมีจิตรักพระมาก พระทุกองค์ในวัดมีจิตเมตตาปรานีในสัตว์ เวลาพระมาเลี้ยงอาหารก็ไม่ต้องเรียก ไม่ต้องต้อน ไก่ทุกตัวเห็นพระก็วิ่งเข้ามาหา และท่านเองก็เป็นคนลงมือเลี้ยง ฉันก็มีความรักในท่าน อาศัยที่มีความรักในพระและมีความรักในท่านที่มีจิตเมตตา ขณะที่ถูกขว้างก็ยังไม่ตายทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่สลบเพราะความรู้สึกตัวยังมีอยู่ ขณะที่ท่านเข้าไปอุ้มก็ยังมีความรู้สึก เวลาที่พระทำปฐมพยาบาลเอามือลูบตัวไปลูบตัวมา ก็มีความรู้สึกคลายจากความเจ็บปวด เมื่อความเจ็บปวดหายไป ประเดี๋ยวหนึ่งจิตใจก็ชุ่มชื่น เวลานั้นจิตก็ออกจากร่างทันที แต่ก่อนที่จิตจะออกจากร่างก็เห็นนางฟ้าลอยอยู่ในอากาศมากมาย จิตใจก็รักนางฟ้า เมื่อจิตออกจากร่างกายก็กลายเป็นนางฟ้า และติดตามนางฟ้าพวกนั้นไป"<O</O
จึงได้ถามว่า "ในเมื่อเธอเป็นนางฟ้าแล้วยังจองเวรจองกรรมฉันอยู่อีกหรือ"<O</O
เธอก็ตอบว่า "การจองเวรจองกรรมไม่มีในฉัน คือไม่มีเวรไม่มีกรรมที่จะจอง อาการที่ท่านป่วยไข้ไม่สบายเป็นกฎของกรรม ไม่ใช่ตัวถูกกระทำ ผู้ถูกกระทำมีความสุขและมีความรู้สึกขอบคุณในพระในท่านที่ช่วยเหลือ ทำไมฉันจะต้องจองเวรจองกรรม แต่นั่นเป็นกฎของกรรมที่ฉันไม่ได้เกี่ยวข้อง"<O</O
ทุกคนจงจำไว้ด้วยว่าการกระทำ เราฆ่าปลาก็ดี ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าวัว ฆ่าควายก็ตาม จงอย่านึกว่าเขาเป็นผู้จองเวรจองกรรม แต่ทว่าสิ่งที่กระทำกับเราก็คือกฎของกรรม คือความชั่วที่เราฆ่าเขามันมาสนองตัวเรา ก็รวมความว่าเธอไม่ได้จองเวรจองกรรม ถามเธอว่า"อโหสิกรรมไหม" เธอตอบว่า "ไม่มีกรรมอันใดที่จะต้องอโหสิ เพราะฉันไม่ถืออยู่แล้วว่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้โกรธ เป็นแต่เพียงว่าขอให้ท่านปฏิบัติแก้กฎของกรรมให้พ้นไปก็แล้วกันฉันตามช่วย" ถามเธอว่า "เสียงบอกให้บวชเณร เธอจะว่าอย่างไร" <O</O
เธอตอบว่า "ต้องบวชเณรเป็นการแก้กฎของกรรม"<O
ก็ตกลงจะบวชเณรให้ในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๒.."

******************************
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
******************************
ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมในปัจจุบัน

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

ที่มา : http://palungjit.org/threads/กรรมไก่ของฉัน-โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.187448/

 

กรรมไก่ชน



ครั้งหนึ่งสมัยที่พระอาจารย์ยังไม่ได้ออกเดินธุดงค์มาพบวัดป่าโนนจ่าหอมแห่งนี้ และยังเป็นพระลูกวัด อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง

วันหนึ่งมีญาติโยมจากกรุงเทพฯ นำภัตตาหารมาถวายเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่คุณพ่อที่ถึงแก่กรรม

ขณะที่โยมผู้หญิงท่านนั้น กำลังตักภัตตาหารลงในบาตรของท่านนั้น
ท่านสังเกตเห็นแสงสีทองส่องสว่างกระพริบอยูภายในบาตรของท่าน

แสงสว่างสีทองนั้น น่าแปลกที่เป็นภาพไก่พระพือปีกแสดงความดีใจ

ท่านจึงได้สอบถามกับโยมท่านนั้นในเวลาต่อมา
จึงได้ทราบว่า บิดาของโยมท่านนั้น เป็นผู้ที่รักและชอบเลี้ยงไก่ชนเป็นอย่างมาก แม้แต่ท่านไม่อยู่แล้ว
บุตรธิดาก็ไม่กล้าที่จะเลิกเลี้ยงไก่ชนที่ท่านเลี้ยงไว้ ยังคงดำเนินการต่อ

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ต่อมาภายหลังเมื่อโยมท่านนี้เดินทางกลับไปแล้ว
ต่อมาได้กลับมาที่วัด โดยสร้างพระทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ และนำมาถวายวัด
ที่ท่านแห่งนั้น โดยเจาะจงมาทำบุญกับท่านโดยเฉพาะ

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"<!-- google_ad_section_end -->

 

ยังสามารถร่วมบุญกันเข้ามาได้เรื่อยๆนะค่ะ
ทั้งช่อฟ้า ใบระกา และหางหงษ์ ต้องปั้นไปพร้อมกันตอนนี้
ยังขาดงบประมาณอีกประมาณ 840,000 บาทค่ะ (ใบระกาหางหงษ์ใบละ 30,000 บาท 28 ใบ)
ต้องการร่วมบุญสามารถดอนปัจจัยเข้าบัญชีหลวงพ่อเจ้าอาวาส
บัญชีธนาคารกรุงไทย พระชยางกูร โชติช่วง เลขที่บัญชี: 313-048-6607

 

-----------------------------------------------------------------------
ติดต่อเป็นเจ้าภาพ โทร 080-772-1000
เก๋ณัฐา

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านครับ

บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง สาขา:อุบลราชธานี
เลขที่บัญชี: 313-048-6607
<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
__________________



<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_end -->

 

มุจจลินทสูตร


ภาพพระอุโบสถวัดธรรมสถิต จ.ระยอง

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ประทับอยู่ที่ควงไม้มุจลินท์

ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลา อันตั้งอยู่ในทิศบูรพาหรือทิศอาคเนย์

แห่งไม้มหาโพธิ์เสวยวิมุติสุขอยู่ ณ ที่นั้นอีก ๗ วัน กาลนั้นฝนตกพรำตลอด


พญานาคมีนามว่า "มุจลินท์นาคราช" มีอานุภาพมาก มีวิมานอยู่ที่สระโบกขรณี

ใกล้ต้นมุจลินท์พฤกษ์นั้น ท่านมีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาศ พร้อมด้วยพระ

รัศมีโอภาสอันงามล่วงล้ำเทพยดาทั้งหลาย จึงเข้าไปใกล้แล้วขดเข้าซึ่งขนด

กาย แวดวงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ๗ รอบ และแผ่พังพานอันใหญ่ ป้องปก

เบื้องบนพระเศียร มิให้ลม ฝน และความร้อนต้องพระกายพระผู้มีพระภาคเจ้า


ครั้งล่วง ๗ วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมานพ

เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า

"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด
รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย

และความปราศจากความกำหนัด
คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก
ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"

เมื่อพระพุทธองค์ได้เปล่งพุทธอุทานหัวข้อธรรมทั้ง 4 ประการจบแล้ว
พญานาคมุจลินท์มีจิตศรัทธายิ่งในสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตั้งนโมปณิธาน
ความปรารถนาต่อหน้าพระพุทธเจ้าว่า

ด้วยบุญญาบารมีที่ข้าพเจ้าได้แผ่พังพานปกป้องพระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ให้ ฝน แดด ลม ถูกต้องพระวรกาย ด้วยประการต่าง ๆ
มีความอบอุ่นตลอด 7 วัน 7 คืน

ด้วยเดชะผลบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์หนึ่งในอนาคตกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมอย่างไร
ขอให้ข้าพเจ้ารู้แจ้งตามธรรมอย่างนั้นด้วยเทอญฯ

พระพุทธรูปปางนาคปรก จึงเป็นพระพุทธรูปที่แสดงถึงความเคารพรัก
เลื่อมใสศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระศาสดา ของพญานาค อันเปรียบเสมือนการ
ปกป้องคุ้มครอง และรักษาพระพุทธศาสนาให้ชาวพุทธอยู่เย็นเป็นสุข
ภายใต้การอารักขาของพญานาคผู้ทรงไว้ซึ่งอิทธิฤทธิ์
ดังที่พญานาคได้แผ่พังพานป้องกันลมและฝนให้กับพระพุทธองค์ ฉะนั้น

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

***************************************************
ทางวัดยังต้องการปัจจัยอีกมาก สำหรับมุงกระเบื้องและก่ออิฐพระวิหาร

จึงขอความกรุณาจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
ร่วมกันบริจาคทรัพย์ตามกำลัง หรือ กรุณาบอกบุญต่อ เพื่อสร้างพระวิหารของวัดป่าโนนจ่าหอมให้สำเร็จด้วยครับ
ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านครับ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->

 

ความลึกลับและความศักดิ์สิทธิ์ของอาณาเขตวัดป่าโนนจ่าหอม




พระอาจารย์ชยางกูรเคยเมตตาเล่าให้ผมฟังว่า
วัดป่าโนนจ่าหอม ตั้งอยู่บนอาณาเขตเดิมของบ้านเมืองขอม

ทุกวันนี้สมบัติต่าง ๆ สมัยก่อน ยังคงอยู่ในแผ่นดินบริเวณนี้
และเจ้าของทรัพย์สมบัติดังกล่าว ก็ยังคงวนเวียนเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่เช่นกัน

นอกจากนี้ดังที่ทราบกันดีว่า ดินแดนแห่งนี้
เป็นประตูเชื่อมกับมิติลี้ลับ ไม่ว่าจะเป็นแดนขององค์เทพที่มาคอยไปจุติในสมัยของสมเด็จพระศรีอริยเมตตรัย
ดินแดนแห่งองค์พญานาค และชาวบังบด

สมัยก่อนชาวบ้านต้องผจญกับสิ่งลึกลับอาถรรพ์ต่าง ๆ มากมาย
จนเมื่อพระอาจารย์ได้ตัดสินใจมาพำนักที่วัดแห่งนี้ ตามที่ได้รับปากกับหลวงพ่อหายโศก เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คลี่คลายลง



พระอาจารย์ท่านเจริญเมตตาธรรมโปรดสัตว์โดยทั่วกัน
ท่านได้สร้างวัดที่ทรุดโทรมทิ้งร้าง ให้เป็นวัดสำหรับชาวบ้านและกายทิพย์ทั้งหลายได้กราบไว้สักการะ เป็นที่พึ่ง
กรุณารักษาโรคให้แก่ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย กรุณาปลุกเสก "บักหลอด" หรือ ตระกรุด และผ้ายันต์ เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้หรือ
สวมใส่ป้องกันอาถรรพ์ต่าง ๆ และเลิกหวาดกลัว



ลูกศิษย์ที่ได้ไปพักปฏิบัติธรรมที่วัด มักจะพบเรื่องมหัศจรรย์ต่าง ๆ
เช่น ลูกแก้วเสด็จลอยไปมา พบดวงธรรมขององค์เทพ แม้แต่พระบรมสารีริกธาตุที่มีผู้นำไปถวาย
ก็ลอยหายไปอยู่ในองค์พระปฏิมากร เป็นต้น



หลายท่านได้เห็นงูสีสวย ๆ เลื้อยมาเป็นคู่ทั้งเช้าและเย็นในบริเวณเดิม
หรือเห็นงูลงเล่นน้ำในสระที่วัดขุดไว้ ซึ่งพระอาจารย์ท่านมักจะเตือนไม่ให้ไปแตะ หรือไปยุ่งเกี่ยว เพราะมีพิษร้ายแรงมาก



รูปปาฏิหารย์ต่างๆ ของหลวงพ่อมีเยอะมากๆ ที่ท่านถ่ายตอนธุดงค์
ท่านมักให้คนที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดดูกัน แต่ว่าท่านไม่ให้นำมาโพสลง
เพราะ เกรงจะเกิดผลเสียที่ตามมาก็มี โดยเฉพาะหากมีคนไม่เชื่อ หรือ ปรามาส จะเกิดกรรมหนัก

โดยเฉพาะคืนวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือช่วงเข้าพรรษา
ที่วัดป่าโนนจ่าหอมแห่งนี้จะเป็นที่ชุมนุมปฏิบัติธรรมของคนลึกลับจำนวนมาก
เสียงดังอึกทึก เสียงเหมือนคนมาชุมนุมแล้วก็คุยกัน ใครที่ไม่คุ้นเคยก็คงกลัวจนไม่ได้หลับครับ

_______________________________________________________

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา
ช่วยกันหน่อยค่า!!!เป็นเจ้าภาพกระเบื้องมุงหลังคาพระวิหาร ยังขาดกระเบื้องอีกจำนวนมาก

 

ความคืบหน้าพระวิหารตรงจากวัด

พระวิหารที่กำลังสร้าง ได้ถอดนั่งร้านออกแล้ว หลังสงกรานต์ช่างเหล็กจะมาทำติดหลังคาเหล็ก หลวงพ่อบอกว่าใช้เวลาประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นประมาณมิถุนา จะเริ่มปั้นช่อฟ้าใบระกาแล้วก็สอดกระเบื้องไปด้วยค่ะ

นี่แหละค่ะ เหตุผลที่ช่วงนี้เก๋บอกบุญอย่างหนัก
วัดต้องใช้ปัจจัยมากค่ะเฉพาะค่าปั้นฟ้าใบระกาหางหงษ์ 1,500,000 บาท ค่ะ
-ยังขาดงบประมาณ 840,000 บาท (ใบระกา28 ใบใบละ 30,000 บาท )
-ซึ่งยังยังไม่รวมค่ากระเบื้องอีกกว่า 100,000 แผ่น แผ่นละ 30 บาท ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมากจริงๆ
-ค่าช่างเหล็ก 5 คูหา คูหาละ 30,000 บาท ไม่มีเจ้าภาพค่ะ
เก๋เคยบอกบุญไปเหมือนกันค่ะแต่ไม่ทราบเหมือนกัน ญาติโยมอาจจะไม่นิยมเป้นเจ้าภาพหลังคาเหล็ก ไม่ค่อยมีเสียงตอบรับเข้ามาค่ะ

หากท่านใดประสงค์เป้นเจ้า หลังคาเหล็ก ค่าช่างปั้นช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ หรือกระเบื้องมุงหลังพระวิหารสามารถติดต่อ วัด 080-167-5445 หรือ ฝ่ายงานบุญและวัตถุมงคลวัด คุณเก๋ณัฐา 080-772-1000 ได้ค่ะ<!-- google_ad_section_end --> อนุโมทนาค่า

 

24/03/53
THB 718-1-18155-6
สาขา เซ็นทรัล พลาซ่า อุดรธานี
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมมปญโญ
500 บาท


วริยา บุตรเพ็ง


สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

งานผ้าป่าวันที่ 14 เมษายน 2553 (จากคุณเก๋ณัฐา)

นำภาพจากงานผ้าป่ามาฝากค่ะ บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงาค่ะ
อาจจะเป็นเพราะวัดค่อนข้างไกลญาติโยมส่วนมากจึงนิยมฝากปัจจัยเก๋ไปร่วมบุญมากกว่าค่ะ
ไม่ค่อยมีญาติโยมไปร่วมบุญถึงัวดมากนัก แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นของงานบุญค่ะ
ยอดผ้าป่าทั้งหมด 202,359 บาท ซึ่งรวมกับแบ่งเป็นยอดที่โอนเข้าไปตรงบัญชีหลวงพ่อประมาณ 95,000 บาท
และฝากเก๋มาร่วมบุญอีกประมาณ 107,359 บาทค่ะ แล้วก็ค่ากายสิทธิ์วัตถุมงคลที่ญาติโยมร่วมบุญกับเก๋ไปอีก107,000 บาท รวมเป็น 309,359 บาท อนุโมทนาสาธุค่า


แล้วก็ยอดของชางบ้านที่มาต่อยอดหลายครั้งเหลือเกินจนจำจำนวนแน่นอนไม่ได้ประมาณพันกว่าบาทซึ่งเก๋ไม่ได้รวมลงไปในยยอดของพวกเราะนะค่ะ ขออนุโมทนาบสาธุกับท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญก็ดี ที่ร่วมให้งานผ้าป่าในครั้งเสร็จสิ้นไปก็ดี ขอให้บุญรักษาท่านทั้งหลายให้ที่ความสุข ความเจริญ ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ให้มีความเจริญทั้งทางโลก ทางธรรม สำเร็จทั้งทางโลกทางธรรม มีดวงตาเห้นธรรมในชาติปัจจุบันเทอญ ส่วนท่านที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้วก็ขอให้มีความเจริยก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้น ให้รู้แจ้งเห็นถ้วนในธรรมของพระพุทธองค์ บรรลุมรรคผลนิพพานในชาติปัจจุบันเทอญสาธุ<!-- google_ad_section_end -->



<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>









</FIELDSET>

แม้นช่วงนี้เศรษฐกิจค่อนข้างฝืดเคืองแต่ดินแดนสุวรรณภูมิเมืองพุทธแห่งนี้ยังไม่ไร้ซึ่ง
นักบุญผู้สืบทอดงานพรพุทธศาสนาทั้งหลายจริงๆค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ<!-- google_ad_section_end -->



<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>













</FIELDSET>
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาบริจาคปัจจัยสร้างวิหารทานวัดป่าโนนจ่าหอมในครั้งนี้

ขออนุโมทนาบุญทุกประการครับ



ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

หากยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด

ขอให้คำว่า ไม่มี ไม่รู้ ไม่เป็น ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ทุกท่านแลครอบครัว
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกชาติ ตราบเท่าเข้าสู่กระแสพระนิพพาน
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->


ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา<!-- google_ad_section_end -->

 

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา
ช่วยกันหน่อยค่า!!!เป็นเจ้าภาพกระเบื้องมุงหลังคาพระวิหาร ยังขาดกระเบื้องอีกจำนวนมาก

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

การร่วมบุญสามารถโอนปจจัยเข้าบัญชีเจ้าอาวาสวัดตามรายละเอียดด้านล่าง
บัญชีธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง
สาขา:อุบลราชธานี
เลขที่บัญชี: 313-048-6607<O</O

อนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

เหตุที่นำพระปางนาคปรกมาเป็นพระประจำวันเสาร์

วันเสาร์เป็นวันแข็ง

ทางโหราศาสตร์ดาวเสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่
ทำให้คนเกิดวันนี้มักอาภัพ ต้องเหน็ดเหนื่อย และมักมีเรื่องทุกข์ใจ
ผิดหวังบ่อยครั้ง รวมทั้งมักพบปัญหาอุปสรรคอยู่เสมอ

ดังนั้น โบราณจึงจัดให้ พระนาคปรกเป็นพระประจำวันนี้
เปรียบเสมือนให้พญานาคราชได้แผ่พังพานปกป้องคุ้มครองเจ้าชะตาให้พ้นทุกข์

ดาวเสาร์ยังใช้เลข 7 ซึ่งตรงกับเศียรพญานาคราชที่มี 7 เศียรและยังวงขนดเป็น 7 รอบ

ยังมีความเชื่อว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา
เป็นการสอนทางอ้อมให้เห็นอานิสงส์หรือผลดีของความเมตตา
เพราะแม้แต่พญานาคยังขึ้นจากสระน้ำมาถวายอารักขาพระพุทธเจ้า
คนวันเสาร์ที่มักเป็นคนเจ้าทุกข์ หากฝึกให้มีเมตตาอยู่เสมอ
ก็ช่วยบรรเทาทุกข์ให้คลายลงได้

คาถาบูชาพระประจำวันนี้มีว่า
ภะ สัม สัม วิ สา เท ภะ สวด 10 จบตามกำลัง

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"​

​

ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ
​

"การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา
ช่วยกันหน่อยค่า!!!เป็นเจ้าภาพกระเบื้องมุงหลังคาพระวิหาร ยังขาดกระเบื้องอีกจำนวนมาก

 

รูปขนาดเล็ก





วัดป่าโนนจ่าหอม เป็นวัดป่าเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมาก
แม้แต่ในตัวจังหวัดเองก็ยังรู้จักกันน้อย คณะศิษย์ก็มีอยู่ไม่กี่คนอยู่แล้ว
ต่างคนต่างมีภาระส่วนตัว มีเส้นทางธรรมส่วนตัว จึงไม่ค่อยมีเวลามาช่วยงานวัดดังแต่ก่อน
ที่มีอยู่ก็เท่าที่เห็นนี่แหละครับ

อย่างที่เคยเรียน เราสร้างวัดทั้งวัด ซึ่งปัจจุบันก็มีพระวิหาร ซึ่งเป็นศาสนสถานที่จำเป็น
ที่วัดยังไม่มี นอกจากนี้ก็สร้างนาคปรกพระพุทธปฎิมากรที่สร้างไว้นานแล้ว
เนื่องจากทางวัดมีความเกี่ยวข้องกับองค์พญานาค พระอาจารย์จึงดำริให้สร้างเพื่อเป็นที่สักการะบูชา
มีเสาหงษ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับทางวัดเช่นกันที่ได้จัดสร้างขึ้น และต่อไปก็จะมีพระเจดีย์
ตามที่เทพท่านแสดงภาพให้เห็นเมื่อวันมาฆบูชาปีก่อนครับ

น่าหนักใจที่นอกจากใช้ปัจจัยสูงแล้ว หลายท่านที่แจ้งความประสงค์รับเป็นเจ้าภาพ
ได้หายไปโดยยังไม่ได้ถวายปัจจัย ทำให้ทางวัดลำบากมากขึ้น เพราะวัดออกปัจจัยแทนไปก่อนครับ

ได้แต่หวังว่าจะมีผู้มีจิตศรัทธาเข้ามาช่วยกันเรื่อย ๆ หรือกรุณาบอกบุญต่อให้แก่ทางวัดด้วย
เพื่อร่วมบุญช่วยกันสร้างวัดป่าโนนจ่าหอม วัดป่าเล็ก ๆ แห่งนี้

การหาพระสุปฏิปันโนในสมัยโลกาภิวัฒน์นี้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้ ก็ตามข่าวที่เราเห็นกันอยู่นั่นแหละครับ

เราทำบุญเพื่อช่วยงานพระศาสนา สร้างบุญเพื่อสร้างบารมีธรรมให้แก่ตนเอง
เราทำบุญเพื่อสะสมเสบียงไปภพหน้า เราจึงควรได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ดังนั้น จึงต้องหาเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ เพื่อให้บุญเรามีอานิสงฆ์ยิ่งใหญ่
เราบริจาคเงินเล็กน้อย โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้
เรามีน้อยเรายังสละได้ ก็ควรได้อานิสงฆ์สูง เพื่อเป็นเสบียงสำหรับภพหน้า
หรือเพื่อเป็นการสร้างบารมีไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ตามที่พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ครับ

จึงขอบอกบุญแก่ท่านผุ้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่มีโอกาสผ่านมาที่กระทู้วัดป่าโนนจ่าหอมนี้
ช่วยกรุณาพิจารณางานบุญนี้ หรือ ช่วยกรุณาบอกบุญต่อ ๆ กันให้ด้วยครับ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปครับ

การทำบุญ เราสามารถทำได้ด้วยตัวของเราเอง และเป็นผู้นำบุญครับ

แค่ตั้งใจบุญก็เกิดแล้วครับ ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านครับ

บัญชีงานบุญครับ

บัญชีธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี:พระชยางกูร โชติช่วง
สาขา:อุบลราชธานี
เลขที่บัญชี: 313-048-6607

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ด่วนเชิญลูกหลานพญานาคร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระนาคปรกสูง13เมตรให้เสร็จสิ้นลงในวันวิสาขบูชา
ช่วยกันหน่อยค่า!!!เป็นเจ้าภาพกระเบื้องมุงหลังคาพระวิหาร ยังขาดกระเบื้องอีกจำนวนมาก
บุญด่วน!!!หาทำยากครั้งหนึ่งในชีวิตมหาอานิสงฆ์ร่วมเป็นเจ้าภาพประดับตกแต่งเสาพญาหงษ์<!-- google_ad_section_end -->