การบริหารพลังงานสนามพลังงานแม่เหล็กภายในตัวบุคคล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ศิริพัฒน์, 13 มีนาคม 2009.

  1. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ได้ครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมส่งให้
     
  2. ไร้ร่องรอย

    ไร้ร่องรอย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +92
    ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมและ File เสียงด้วยครับ<!-- google_ad_section_end --> ขอบคุณครับ
     
  3. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอ email add ด้วยครับ เดี๋ยวผมส่งข้อมูลให้
     
  4. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอ email add ด้วยครับ เดี๋ยวผมส่งข้อมูลให้
     
  5. prapaanpong

    prapaanpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +7,992
    ขอแผ่นข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ
    paibula@hotmail.com
    ขอบคุณครับ
     
  6. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ของแม่บุญญส่งให้ไปตั้งแต่ไก่โหแล้วจ้าาาาาาาาา

    ส่วนของคุณprapaanpong ส่งให้เรียบร้อยแล้วนะครับ
     
  7. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ทิ้งช่วงไม่ได้ลงบทความมาหลายอาทิตย์ วันนี้เกิดไฟแรง จึงออกมาเขียนข้อมูลเพิ่มเติมให้แต่เป็นเกี่ยวกับการใช้แผ่นภาพข่าวสารร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆเท่าที่ได้ทดสอบกับตัวเอง อุปกรณ์ชิ้นแรกที่จะหยิบออกมาพูดก็คือ "เครื่องยกอากาศ"

    เครื่องยกอากาศ ที่มา: หนังสือ "ทางรอด" โดย คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ

    [​IMG] [​IMG]
    กระป๋องยกอากาศ แกนพีระมิด
    [​IMG][​IMG]
    เครื่องยกอากาศแบบเซรามิค
    ประกอบขึ้นจากพีระมิด 5 ก้อน หรือ 7 ก้อน ให้เป็นแกนพีระมิด , กระป๋องพลาสติกขนาด 6x8 นิ้ว หรือเซรามิค และ มอร์เตอร์น้ำขนาดเล็ก เมื่อใช้งานให้เติมน้ำสะอาด (น้ำประปา / น้ำบ่อ / น้ำบาดาล) ลงในกระป๋อง/เซรามิค ในระดับที่ต่ำกว่าแกนพีระมิดประมาณ 1-2 นิ้ว เสียบปลั๊กไฟให้มอเตอร์ทำงาน พลังพีระมิดจะทำงานเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมเลกุลของน้ำในกระป๋องที่มีความ เข้มข้นสูงกว่าโมเลกุลของน้ำในอากาศ พลัง จากแกนพีระมิดจะทำหน้าที่ดึงดูดพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ และธาตุว่าง จากบรรยากาศระดับสูงลงมายังน้ำในกระป๋อง ยกดันอากาศเสียที่หนาแน่นกว่าให้ลอยสูงขึ้น กระจายพลังงานที่ดี บริสุทธิ์ไปทั่วห้อง ช่วยให้หายใจสะดวก มีความสดชื่น ซึ่งผู้ใช้จะสัมผัสได้ทันทีว่า"หายใจได้ลึกถึงท้อง"เป็นอย่างไร และถ้าหากใช้ก้อนพีระมิดขนาดใหญ่ มอเตอร์น้ำและภาชนะใส่น้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อสร้างพลังพีระมิดครอบคลุม บ้านได้ทั้งหลัง สมาชิกทุกคนก็จะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ภูมิต้านทานร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ความเจ็บเจ็บป่วยน้อยลง มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า
    เครื่องยกอากาศขนาดเล็กใช้เฉพาะห้อง หรือ เครื่องยกอากาศชุดใหญ่สำหรับบ้าน ให้ประโยชน์ดังที่กล่าวมาข้างต้น และอาการแสดงออกของร่างกายคล้ายคลึงกับการใช้หลอดแกน เช่น จะมีอาการ ไอ จาม ระคายเคือง มีเสมหะเพิ่มมากขึ้นถ้าหากเป็นภูมิแพ้ , รู้สึกเจ็บหรือแน่นที่หัวใจ ถ้าเป็นโรคหัวใจ , มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น ถ้าเคยมีอาการปวดเรื้อรัง ฯลฯ กล่าวโดยรวมคือ พลังพีระมิดจะไปดันความเจ็บปวด อาการต่างๆของโรคออกมา และมีโอกาสหายเป็นปกติในภายหลัง
    หลักที่ควรรู้ คือระยะเวลาของการเปลี่ยนน้ำในกระป๋องหรือถังน้ำ ถ้าภายในบ้านมีผู้ป่วยอาการหนัก ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด ไข้เลือดออก อัมพฤกษ์ ไต มะเร็ง ฯลฯ ควรจะเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ วันละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้ามีสุขภาพดีแนะนำให้เปลี่ยนน้ำทุกๆวัน เนื่องจากพลังพีระมิดทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ ทั้งดึงพลังงานที่ดี บริสุทธิ์ถ่ายเทลงสู่น้ำในถัง และดันพลังงานเสียออกจากร่างกายของแต่ละคน แม้กระทั่งมลภาวะของสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน จะถูกดึงลงสู่ถังน้ำที่มีโมเลกุลเข้มข้นกว่าเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้จึงควรสังเกตุความสะอาด สีของน้ำในถัง ก่อนจะเปิดแกนพลังงานใช้ ถ้าน้ำสะอาดมากเท่าไรย่อมได้ประโยชน์ที่เกินคาดมากเท่านั้น
    วิธีเปลี่ยนน้ำในถังน้ำของเครื่องยกอากาศชุดใหญ่สำหรับบ้าน ให้สังเกตุว่าแกนพีระมิดถูกพันโดยรอบไว้ด้วยสายยาง ปลายของสายยางมีอยู่สองด้าน เป็นทางน้ำเข้าและน้ำออก เสียบปลั๊กให้มอเตอร์ทำงาน ปล่อยสายด้านน้ำออกลงในถังอีกใบ ถ้าต้องการให้น้ำสะอาดมากขึ้น ให้เปลี่ยนน้ำใหม่สักสองครั้ง เพื่อล้างความสกปรกของสารพิษและมลพิษที่ตกค้างอยู่ในน้ำให้หมด

    อันนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่เพื่อนของผมได้ไปอบรมกับพระอาจาร์ยรัตน์มาแล้วได้แนะนำให้ผมได้ไปหาเอามาใช้ ผมจึงได้โทรไปหาลูกศิษย์ของพระอาจารย์รัตน์ที่อยู่กรงเทพ ปรากฏว่าถามไปถามมาอยู่ใกล้บ้านของผมแค่ไม่เกิน 5นาที ผมก็ดีใจนะสิเพราะใกล้ๆแค่นี้ไปสบายมาก จึงถามเขาต่อเพื่อจะขอซื้อเครื่องยกอากาศนี้ เขาบอกว่าไม่ขาย! อุปกรณ์ตัวนี้มีให้เฉพาะผู้ที่ผ่านการอบรมกับพระอาจารย์แล้วเท่านั้น เนื่องจากเขากลัวผมไม่เข้าใจและใช้ไม่เป็น ทำไงล่ะทีนี้? ก็เลยโทรกลับไปหาเพื่อน(เรียกว่าต้องใช้สิทธิ์เพื่อนว่างั้นเหอะ)ให้ช่วยพูดให้ว่าผมก็พอจะรู้เรื่องพลังงานบ้างแล้ว เขาจึงตกลงขายให้(โหเกือบไม่ได้)แล้วก็เริ่มทดลองใช้มาเรื่อยๆ โดยการทดลองเปลี่ยนแปลงหลายๆสภาวะมาเป็นเวลาเดือนกว่าๆแล้ว จึงตกลงใจเอาออกมาเขียนถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจด้านนี้ให้ได้เข้าใจมากขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2009
  8. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ตอนแรกๆที่ต้องการจะได้เพราะได้เคยได้รับแกนพีระมิตมาจากจากคุณKupee แล้วเอามาทดลองใช้ดู ปรากฏว่าได้ผลนี่นา จึงกลับไปแลกเปลี่ยนกับคุณKupee ก็ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจเรื่องเครื่องยกอากาศที่คุณKupeeใช้อยู่ จากนั้นผมเริ่มเข้าไปค้นหาข้อมูลความรู้ของพระอาจารย์รัตน์และได้มาเทียบเคียงกับความเข้าใจที่ผมมีอยู่ปรากฏว่าไปกันได้เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการที่จะนำอุปกรณ์ทั้งสองมาทดลองร่วมกัน

    การทำงานของเครื่องยกอากาศจะใช้น้ำสะอาดเป็นตัวเก็บข้อมูลของพลังงานที่ได้มาจากการตั้งแกนพลังงาน(แกนพีระมิตของพระอาจารย์รัตน์)จนเมื่อน้ำเรียนรู้ข้อมูลพลังงานจากแกนพีระมิดซึ่งจะทำหน้าที่ดึงดูดพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ และธาตุว่าง จากบรรยากาศระดับสูง ให้มาอยู่ในน้ำได้มากพอแล้วก็จะเกิดปฏิกริยายกดันพลังงานสนามแรงแม่เหล็กที่ไม่ดีในอากาศที่หนาแน่นกว่าให้ลอยสูงขึ้น ทำให้บริเวณรอบๆเครื่องยกอากาศมีพลังงานดีๆมาอยู่มากมายตามแต่สิ่งแวดล้อมโดยรอบจะอำนวย เช่น ถ้าอยู่ในที่ๆมีต้นไม้มากๆเครื่องยกอากาศก็จะเก็บพลังปราณเอามาได้มากก็จะยิ่งส่งผลดีกว่าที่ๆมีพลังปราณน้อยกว่าเป็นต้น เหมือนกับที่เมื่อเสวนาครังที่แล้ว(30 กย. ที่ผ่านมา)ผมเอาไปด้วยและก็ให้ผู้ที่มาร่วมเสวนาได้สัมผัสของจริงว่าเวลาที่พลังงานรอบๆเปลี่ยนแล้วจะมีผลเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง

    ทีนี้หัวใจหลักของเครื่องยกอากาสคือพีระมิตที่เชื่อมกับพลังงานได้ที่พระอาจารย์รัตน์ท่านทำเอาไว้แล้ว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ของเครื่องยกอากาศอีกตัวหนึ่งคือน้ำ และกลับเป็นปัจจัยที่สำคัญมากไม่แพ้แกนพลังงานเลยทีเดียว เพราะถ้าเราเอาน้ำที่ไม่สามารถเรียนรู้และจดจำพลังงานทั้งหมดที่แกนพลังงานดึงเอาลงมาก็เสียเปล่า แต่กลับกันถ้าเราเอาน้ำที่เรียนรู้และจดจำพลังงานที่ดีเหล่านั้นออกมาได้จะเกิดผลดีจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับจากอุปกรณ์เล็กๆเครื่องนี้ครับ
     
  9. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    จากนี้ไปเป็นเรื่องการประยุกต์ใช้เครื่องยกอากาศกับแผ่นภาพข่าวสารฯแบบติดบ้านครับ ก่อนอื่นผมจะทบทวนเรื่องหลักการทำงานของแผ่นภาพข่าวสารฯ(เอาเฉพาะที่เกี่ยวกับการบริหารพลังงานนะครับ เพราะถ้าเอาส่วนอื่นๆมาด้วยอธิบายพร้อมๆกันเป็นตัวหนังสือยุ่งอยู่ครับ)พอสังเขปดังนี้

    แผ่นภาพข่าวสารฯแบบติดบ้านจะใช้หลักการบริหารพลังงานที่เข้ามาที่บ้านในลักษณะการหมุนเอาพลังงานที่ดีเอาไว้พลังงานที่ไม่ดีจะถูกเบี่ยงออกไปจากบ้านของเราซึ่งจะทำให้บ้านของเรามีแต่พลังงานที่เราต้องการ(เรียกว่าความถี่ที่เหมาะสมก็ได้)คนที่อยู่ในบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข

    ที่นี้เมื่อผนวกกับอุปกรณ์ที่ดึงเอาพลังงานจากรอบๆบ้านและชั้นบรรยากาศที่สูงๆลงมาได้ ก็กลับจะทำให้ผลงานที่ออกมาชัดเจนมากขึ้น สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เปลี่ยนไปของสถานที่ได้ทันทีไม่ต้องรอประมาณ 3วันแล้วเพราะมีตัวที่ช่วยดึงเอาพลังงานลงมาเลยไม่ต้องรอสะสมจากพลังงานที่เข้ามาในบ้านเอง ผลที่ได้รับอย่างแรกคือจะเบาตัว หายใจโล่ง ลึกขึ้นเป็นต้น

    แล้วจะเกิดผลกับผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านอย่างไรบ้าง?
    มนุษย์เราเปรียบดังเครื่องจักรกลทางพลังงานครับ คืออาศัยพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อนถ้าเราเลือกได้ แน่นอนทุกคนย่อมต้องการแหล่งพลังงานที่ดีๆเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ที่เราป่วยเจ็บ โชคร้าย ไม่สำเร็จ กรรมส่งผลฯลฯ แท้จริงแล้วก็เนื่องมาจากพลังงานที่เราได้รับนั่นแหละครับ ทีนี้เมื่อพลังงานเปลี่ยน แน่นอนว่าจะเห็นผลชัดเจนกับคนที่ได้รับผลกระทบกับพลังงานเดิมมากๆก่อน เช่น คนป่วยเจ็บ คนที่โชคไม่ดี คนที่มีกรรมส่งผลมากๆ อะไรอย่างนี้เป็นต้น(เหมือนกับเปลี่ยนน้ำใหม่ให้ปลานั่นแหละครับ)แต่ขอย้ำว่ามีผลกับทุกคนที่อยู่ภายใต้พลังงานของบ้านหลังนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2009
  10. ลุงจิ๋ว

    ลุงจิ๋ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2008
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +990
    กำลังติดตามข้อมูลของคุณศิริพัฒน์อยู่ครับ..เข้ามาต่อบ่อยๆนะครับ..ขอบคุณครับ
     
  11. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ครับ ขอขอบคุณ คุณลุงจิ๋วที่ติดตามครับ
    เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะมาต่อให้เรื่องคนบ้างครับว่ามีตัวช่วยใดที่ทำให้วิธีใช้อุปกรณ์ที่ผมอธิบายมาทั้งหมดเห็นผลเร็วๆ เพราะพูดเรื่องอุปกรณ์มาพอสมควรแล้ว
     
  12. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ได้รับเมล์ส่งต่อ เป็นข้อความน่าสนใจเกี่ยวกับ “น้ำ” <o></o>
    (ขอกุศลทุกประการอันจะพึงมี ส่งถึงเจ้าของต้นฉบับ นะคะ) สาระดังนี้ค่ะ



    <o></o>
    ในพฤติกรรมคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำ<o></o>
    ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหม<o></o>
    1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่<o></o>
    2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว<o></o>
    3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น<o></o>
    4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น<o></o>
    5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น<o></o>
    เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายกัน พร้อมที่จะเรียนรู้พฤฒติกรรมที่ผิด ๆ ของตัวเองหรือยัง<o></o>
    <o></o>

    ข้อหนึ่ง ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุล กรณีการดื่มน้ำ คือดื่มน้ำมากเกินไปไม่เป็นการดี(แล้วจะแนะนำสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่ง ๆ เราควรดื่มน้ำแค่ไหน)<o></o>
    <o></o>

    ข้อสอง เราเรียนรู้กันมาว่า วันหนึ่ง ๆ เราควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว แต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่า อธิบายก่อนว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไร

    “น้ำ” ที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
    ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ<o></o>
    แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลัก คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน<o></o>
    ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด<o></o>
    นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน<o></o>
    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน<o></o>
    <o></o>

    สูตรคำนวณการดื่มน้ำ (คิดกันคร่าวๆ) <o></o>
    วันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สูตรคือ<o></o>
    (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตร เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้<o></o>
    ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวัน<o></o>
    ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน

    <o></o>สารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย<o></o>
    <o></o>
    บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน<o></o>
    เมื่อน้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดปวดประจำเดือน<o></o>
    แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอด
    <o></o>

    ข้อสาม น้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย เพราะกระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ<o></o>
    และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา<o></o>
    เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆ แต่ควรดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้<o></o>
    โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องปกติ <o></o>
    <o></o>

    ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้าง ใครที่ชอบทานข้าวไป จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว จัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุด เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุด<o></o>

    คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
    <o></o>
    เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำ คือ <o></o>
    ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควรก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้ว ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภท<o></o>
    และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวัน<o></o>
    ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆ ผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
    <o></o>
    ************<o></o>
    นอกจากนี้ หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันที โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น<o></o>
    ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น<o></o>
    มีสองเหตุผล
    <o></o>
    หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้ว<o></o>
    เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
    <o></o>
    เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน<o></o>
    <o></o>

    ข้อสุดท้าย บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม <o></o>
    คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสีย ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ<o></o>
    พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย<o></o>
    แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆ ชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม. เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ciByeoE_oH4"]???????????????? - YouTube[/ame]
    <o>


    </o>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2011
  13. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    นั่นแน่แม่บุญญเอาความรู้มาฝากแถมยังเอาเพลงเย็นๆเหมือน "สายน้ำ" พ่วงมาเสียด้วย ผมฟังเพลินไปเลยล่ะครับ :) แหมถ้าได้ทั้งชุดคงแจ๋ว 5555555 (แอบขอบคุณล่วงหน้าครับ)

    นั่งอ่านข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากแม่บุญญ แล้วอยากจะหยิบบางข้อออกมาคุยเพิ่มเติมดังนี้
    ข้อสอง เราเรียนรู้กันมาว่า วันหนึ่ง ๆ เราควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว แต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่า อธิบายก่อนว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไร

    <o></o>
    “น้ำ” ที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
    ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ<o></o>
    แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลัก คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน<o></o>
    ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด<o></o>
    นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน<o></o>
    เมื่อ เป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน<o></o>

    เนื่องจากทุกๆอิริยาบทของเราล้วนอาศัยน้ำที่เราดื่ม หรือได้รับจากอาหารเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้งานของร่างกายทั้งสิ้น ยังไม่รวม
    - เครื่องดื่มที่เรานิยมดื่มกันที่จะต้องทำให้สูญเสียน้ำออกไปมากน้อยต่างกัน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ เหล้า
    - ภาวะทางอารมณ์พิเศษอื่นๆที่มีผลทำให้เกิดฮอร์โมนที่เป็นพิษในร่างกายเพิ่มมาจากปกติ เช่น เครียด กังวล โกรธ

    จะต้องอาศัยการได้รับน้ำที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย แต่ทุกวันนี้การได้รับน้ำของเราถูกจำกัดด้วยปัจจัยเร่งรีบทางการดำเนินชีวิตทุกๆวัน รวมถึงคุณภาพของน้ำที่ร่างกายจะนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงยังคงไม่ได้รับการคำนึงถึง ทั้งนี้จึงไม่ต้องสงสัยว่าภาวะการขาดน้ำอย่างต่อเนื่องจะเป็นสาเหตุหลักของความเจ็บป่วยด้วยโรคเสื่อมของคนในยุคนี้ ครับ

    นอกจากการที่เราได้รับน้ำดื่มสะอาดอย่างเพียงพอ แล้วจะต้องมี "คุณภาพ" ด้วย เอาล่ะผมได้หัวข้อที่จะเอามาเล่าเป็นเกล็ดความเข้าใจเล็กๆน้อยๆ มาอธิบายในวันหน้า ดังนี้
    1. การเพิ่มคุณภาพน้ำด้วยวิธีเอาพืชบางอย่างมาทำให้คุณสมบัติของน้ำเปลี่ยนไป
    2. การใช้จิตปรับปรุงคุณภาพ

    ว่าจะมาต่อเรื่องการจัดการสภาวะของสมองคน ยังไม่ได้ตามความตั้งใจเลย ขอติดเอาไว้อีกหน่อยครับ ขอให้มีเวลาอยู่กับตัวเองอีกนึด แล้วจะมาเขียนต่อเน้อ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  14. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ท่านทราบหรือไม่ครับว่า น้ำเป็นสื่อที่เก็บข้อมูลมหาศาลได้อย่างดีมากซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจจะมีตัวเก็บข้อมูลที่ใช้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทำด้วยน้ำ ในเมื่อทราบอย่างนี้น้ำที่เราต้องดื่มเข้าไปทุกวันอยู่แล้วจึงเริ่มเกิดความสำคัญขึ้นแล้วใช่ไหม?

    ในร่ายกายของเราประกอบด้วยน้ำโดยเฉลี่ยประมาณ 70กว่า% และถ้าคนที่มีสุขภาพที่ดีอาจจะถึง 80% แต่เมื่อเราแก่ชราลงการเก็บน้ำในร่างกายจะลดลงไปตามส่วน(ถ้าไม่อยากแก่มากก็ดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยครับ :))การเปลี่ยนน้ำในร่างกายจะทำให้เราแก้ปัญหาสุขภาพได้ผลมากที่สุดวิธีหนึ่งทีเดียว(ก็เปลี่ยนส่วนที่มากที่สุดนี่นะ)ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ทำไมล่ะครับมาทราบวิธีง่ายๆในการเพิ่มคุณภาพของน้ำที่เราจะดื่มเลยดีกว่า

    วิธีแรกที่เอามาแนะนำทำได้ง่ายมากครับ ผมไปได้ความรู้ความเข้าใจนี้มาจากท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา โดยการเพิ่มประจุไฟฟ้าลบให้กับน้ำด้วยการใช้พืชบางชนิดนำมาต้มซึ่งพืชชนิดนี้มีอยู่มากในประเทศของเราได้แก่ ใบเตย ทั้งนี้นอกจากได้ประจุไฟฟ้าลบที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มโมเลกุลของน้ำเล็กลงไปได้แล้ว ยังได้น้ำที่มีกลิ่นและรสชาดหอมชวนดื่มเชียวครับ แต่อย่าลืมปลูกเองเถิดครับจะได้เอามาดื่มได้สนิทใจหน่อย
     
  15. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471



    เอ๊ะ ! ดูเหมือน ชักจะคุ้น ๆ ยังไง ๆ กับ "ใบเตย" ซะแล้วซิเรา
     
  16. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    วิธีที่สองก็ได้มาจากท่าน อ.สุทธิวัสส์ คำภา อีกเหมือนกันคือการใช้จิตปรับปรุงคุณภาพน้ำ ก่อนที่จะเล่าว่าจะทำอย่างไรขออนุญาติคุณสันโดษ นำข้อมูลที่คุณลงไว้มาอธิบายเพิ่มเติมครับ เพราะผมบังเอิญไปเห็นข้อมูลใช้กันได้พอดี http://palungjit.org/posts/2448677

    ที่นี้มาเริ่มกันเลยดีกว่า
    ก่อนอื่นที่ต้องทราบ การใช้จิตปรับปรุงคุณภาพของน้ำนี้เราใช้สมองซีกขวา(ด้านจินตนาการ)สั่งการ ธรรมชาติของคนทั่วไปที่พอจะใช้สมองซีกขวาทำงานสมองซีกซ้าย(เหตุผล)จะออกมาขัดขวางทันที ดังนั้นง่ายที่สุดคิดไปเลยครับว่าเรากำลังแกล้งทำ สมองซีกซ้ายจะไม่เข้ายุ่งกับคุณแล้วเพราะเขาชอบเหตุผลพอเป็นเรื่องแกล้งทำเขาจะไม่มาออกตัว เอานิ้วแตะที่ภาชนะใส่น้ำก็ได้แล้วแกล้งคิดว่าน้ำมีแสงเป็นประกายออกมาระยิบระยับ(มีแสงออกมาจากตัวน้ำเองนะครับ) แกล้งคิดได้แพรวพราวขนาดไหนก็เอาเลยครับสักครู่ก็พอ แล้วจบด้วยข้อความสั้นๆว่าจะให้น้ำนี้ทำอะไรให้เรา ถ้านึกไม่ออกผมยกตัวอย่างตัวผมเองให้ วันนี้หลังจากการปฏิบัติธรรมผมก็เข้าไปถามอาจารย์ว่าผมจะปรับปรุงร่างกายอย่างไรเพื่อให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติ(เพราะการปฏิบัติธรรมก็ขึ้นอยู่กับร่างกายด้วยส่วนหนึ่ง ร่างกายดีเวทนาน้อย) คำตอบที่ได้รับก็คือ ร่างกายผมเริ่มสะสมกรดยูริกสูงไปแล้วให้อธิษฐานน้ำดื่มเพื่อไปลดลงสัก 5วันก็พอ(ลดมากไปก็ไม่ดีครับ) ผมจึงอธิษฐานดังนี้ ขอให้น้ำนี้จงไปลดกรดยูริกส่วนเกินให้ใครก็ได้ที่ดื่ม(สังเกตุว่าผมจะใช้คำว่าให้กับ ใครก็ได้นะครับ)

    ก็น่าจะเป็นไอเดียให้กับท่านผู้อ่านได้บ้างนะครับ ส่วนวิธีดื่มน้ำแบบนี้ให้ได้ผล ขอให้จิบแล้วอมเอาไว้สักครู่ก่อนที่จะกลืนเข้าไปครับเนื่องจากจุดที่น้ำซึมเข้าร่างกายได้จุดแรกคือในปากถ้าเลยไปก็โน่นเลยลำไส้ ดังนั้นถ้าดื่มอั๊กๆนี่เห็นผลช้ากว่าครับ

    และที่สำคัญที่สุดไม่บอกไม่ได้คือให้เราใช้อารมณ์เบาๆแบบแกล้งๆทำนี่ดีนะครับข้อมูลที่น้ำจะจำแล้วเก็บเอาไว้ได้จะสูงมากทีเดียว แต่ถ้าท่านใช้วิธี "อัดพลัง" ข้อมูลที่น้ำเก็บเอาไว้ได้จะไม่มาก แถมไม่ "เย็น" ด้วยนะครับ
     
  17. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    อย่างนี้ต้องขยายครับ :)
     
  18. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    มาติดตามครับ
     
  19. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    มีท่านอื่นๆมาร่วมรอติดตามแล้วด้วยครับ แม่บุญญ.......... รายงานตัวด่วน :)
     
  20. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    [QUOTE=ศิริพัฒน์;2456781]

    มีท่านอื่นๆมาร่วมรอติดตามแล้วด้วยครับ แม่บุญญ.......... รายงานตัวด่วน
    :)

    [/QUOTE]




    โอโอ้ ! เหมือนอับดุล เลยครับกระผม เรียกปุ๊บ มาปั๊บ .
    เอ้ ! อะไรกันนักกันหนา นะ



    :boo: :boo::boo:



    ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ เพียงแต่แม่บุญญ เคยมีประสบการณ์ได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของ "ใบเตย" มาบ้าง จากครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างสูง (หาที่สุดมิได้)

    หากจะมีวาระจัดสรร ให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้ดั่งเดิมชนชาวไทย ให้เพื่อน ๆ ญาติธรรมได้ฉุกใจคิด และหันกลับมาเข้าหาใส่ใจภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยเรา แล้วจะพบว่า มีองค์ความรู้หลายสิ่ง หลายประการ ซ่อนองค์คุณไว้มากมาย
    เมื่อได้รับทดสอบหาเหตุผลตรรกะ สรรพวิชามากมาย คนรุ่นหลังหารู้เหตุผลไม่

    กรณี ในเรื่องของ "ใบเตย" แม่บุญญเองก็ได้สืบค้นหาสรรพคุณ ดังจะได้นำมาสื่อเพื่อทราบนี้ล่ะค่ะ

    อย่างไรก็ ด้วยความเคารพนบน้อมความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอด และจะได้ส่งต่อให้ผู้อื่นทราบนี้ แม่บุญญ ขอผลใดใดแห่งความดีงาม การส่งผ่านเพื่อเกื้อกูลนี้ ส่งผลถึง "ท่านอาจารย์ที่เคารพ"สุขกาย สบายใจ ด้วยค่ะ - - ส้าธุ



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kama.jpg
      kama.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.1 KB
      เปิดดู:
      703

แชร์หน้านี้

Loading...