ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ขออนุญาต เล่านะค่ะ เหตุมันมีเช่นนี้ค่ะ คือจะเป็นคนชอบปฏิบัติประมาณตี4ค่ะ ตี2 ตี3 หรือหลายๆตีก็เคยมาหมดแล้วค่ะ ตามกำลังจิตและวาระ ช่วงนี้ค่อนข้างเป็นปรกติคือตี4ค่ะ (ขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัวมากๆด้วยนะคะ เพราะเหตุมันเกี่ยวเนื่องกัน)สามีเขาไม่ค่อยปฏิบัติหรอกค่ะ แต่ก็ปฏิบัติบ้างเป็นบางครั้ง เพราะเขาเป็นอิสลามมาก่อนศรัทธาเขายังไม่มั่นนัก เขามักจะไม่พอใจเป็นบางครั้งที่เราตื่นแต่เช้ามืด แล้วจุดธูป เขาบอกมันเหม็นค่ะ(เป็นบางอารมณ์ไม่แน่นอนบางครั้งก็เห็นดีกับเราด้วย บางครั้งก็ต้อต้าน) เมื่อเช้าวานเลยไม่ได้จุดธูปค่ะ แต่ก็อาบน้ำเข้าห้องพระปฏิบัติตามปรกติ เมื่อพยายามเข้าสมาธิ(นิ่งๆไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ)ได้สักครู่ จึงออกจากสมาธิ มองหน้าหลวงพ่อ คือพระประธานในห้องพระนั่นแหละ เห็นหลวงพ่อท่านยิ้มมาหลายวันแล้ว จึงตั้งจิตถามหลวงพ่อว่า
สงบ"หลวงพ่อค่ะ ถ้าหนูจะสวดมนต์น้อยลงกว่าเดิมแล้วฝึกจิตฝึกสมาธิมากๆ จะได้ไหมค่ะ
หลวงพ่อ"ได้ซิลูก ดีแล้วเพราะที่ผ่านมาเจ้าสวดมามากมายนักหนาเหลือเกินแล้ว ฝึกจิตเถิดลูก
สงบ "แล้วสามีของลูกทำไมถึงเป็นเช่นนี้
หลวงพ่อ "ต่อไปเขาจะบวชเป็นพระภิกษุ
สงบ "โห จะเป็นไปได้หรือค่ะหลวงพ่อ เขายังไม่ค่อยศรัทธา แถมยังป่วนหนูอยู่บ่อยๆ
หลวงพ่อ "เป็นไปได้ซิลูก เมื่อถึงเวลา
หลังจากที่ได้สนทนาโต้ตอบไปหลายเรื่อง จึงบอกกับหลวงพ่อว่า หนูไม่ทราบว่า หนูสามารถพูดคุยโต้ตอบกับหลวงพ่อได้ มิน่าล่ะ พระอาจารย์ เคยบอกเป็นนัยๆว่า "ต่อไปเธอจะพบครูบาอาจารย์อีก มีอะไรสงสัยก็ให้คุยกับพระประธานที่บ้าน" ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วค่ะ หลังจากสนทนาจบ จึงกรวดน้ำแผ่เมตตาอธิษฐานบารมี กราบลา พระรัตนตรัย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพิ่งมาทราบว่า ใบหน้าของตัวเองเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา ขนาดขับรถไปส่งลูกสาวน้ำตายังไหลเป็นระยะ อยู่เลยค่ะ
เล่าคราวๆก่อนนะค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเล่านิดเดียว ไปธุระกลับมา จะมาเล่าต่อค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตนค่ะ
ขอบคุณ คุณ Me, myselfและน้องฝนมากเลยนะค่ะ อนุโมทนาบุญค่ะ

 

เมื่อกี้ฝนไปถามสมเด็จท่านเเล้วล่ะค่ะ ท่านเชิญหลวงปู่มาตอบคำถามฝนเรื่อง มโนยิทธิเต็มกำลัง

ฝนไปวิหารของท่านค่ะ เเต่ก่อนฝนชอบไปสวนเเต่ท่านสั่งให้ไปหาท่านที่วิหารบ้าง วันนี้ก็ไปที่วิหารของท่าน พร้อมกับหลวงปู่

เริ่มจากสมเด็จท่านคุยกับหลวงปู่ท่านว่า ที่เชิญมาเพราะไอ้นี้มันสงสัยว่ามันได้มโนยิทธิประเภทไหน

ถามว่าฝนเห็นตัวเองเเต่งตัวยังไง ฝนบอกท่านว่าชุดฝนทำมาจากเพชร สไบก็เพชร เครื่องประดับฝนบนหัวจุกก็เป็นเพชร ท่านสั่งให้ฝนกระโดด ท่านถามว่าเห็นตัวเองกระโดดอยู่ไหม

ฝนถามหลวงปู่ท่านว่าฝนได้มโนยิทธิประเภทไหน ท่านบอกว่ามโนยิทธิเต็มกำลังคือ ฌาน 4 ใช้งาน คือเป็นกำลังของฌาน 4 ที่สามารถใช้ดูตัวเองได้ เช่นสามารถมองเห็นอวัยวะภายในร่างกายของตัวเอง

หลังจากนั้นสมเด็จท่านสั่งให้ฝนเข้าไปดูข้างในตัวเองว่าเห็นอะไรบ้าง เห็นหัวใจตัวเองเต้นไหม ร่างกายสะอาดไหม ฝนเห็นหมดเลยค่ะ

ฝนเลยถามไปว่าปกติฝนไม่เห็น สมเด็จท่านบอกว่าเป็นเพราะฝนใช้กำลังของท่าน ตัวฝนเองไม่สามารถทำอะไรได้เองถ้าไม่มีท่าน

ฝนถามท่านว่าเหมือนกับที่ครูสอนมโนยิทธิเคยพูดใช่ไหมว่า ฝนขึ้นมาด้วยกำลังของท่าน ฝนไม่สามารถไปท่องเที่ยวที่ไหนได้เองโดยไม่มีสมเด็จท่านไปด้วย ท่านบอกว่าสิ่งที่ครูมโนยิทธิพูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง ฝนมาได้เพราะท่านดึงฝนขึ้นมาไม่ใช่เพราะสามารถขึ้นมาด้วยตัวเอง ฝนถามท่านนะคะว่าเพราะอะไรท่านถึงทำเเบบนั้น ท่านบอกว่ากันเอาไว้เพื่อความไม่ประมาท ถ้าทำอะไรได้เอง วันหนึ่งฝนจะก่อความเดือดร้อนขึ้นมาได้

ฝนถามว่างั้นของเก่าฝนเก็บไว้ไหน ท่านบอกว่าไว้ที่พระอาจารย์เหมือนกับของน้องซึ่งตอนนี้บวชเป็นพระที่วัดของพระอาจารย์

หลวงปู่เองท่านฝากมาว่า "ดีใจที่เห็นลูกในนี้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือกันไป เห็นลูกปฏิบัติดี พ่อก็ไม่เหนื่อย รู้สึกว่าคุ้มกับ ยี่สิบกว่าปีที่ปลุกปล้ำวิชานี้ขึ้นมา"

 

ไง..ทีนี้รู้แล้วใช่มะ อิอิ

 

ค่ะ สงสัยว่าฌาน 4 ไม่ได้เเต่ตัวขึ้นไปได้ยังไง เเค่คิดจะไปตัวก็ไปเเล้ว

พี่กับน้องได้บารมีกันมาคนละเเบบ บำเพ็ญเพียรก็ทำมาด้วยกัน ซนก็ซนด้วยกัน ถ้าท่านไม่ให้อะไรฝนเลยฝนคงโวยวาย พระอาจารย์ท่านก็ได้มาเเบบหนึ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวท่าน พระองค์น้องท่านก็ได้บารมีเฉพาะมา ฝนได้เล็กน้อยเเค่นี้ก็พอใจเเล้วค่ะ เอาฝนไปพระนิพพานด้วยก็เเล้วกัน

ฝนมีเรื่องจะเล่าเป็นเรื่องที่ประทับใจที่วัดท่าซุงค่ะ

วันนั้นเป็นวันทำพิธีบวชชีพราหมณ์ ขณะทำพิธีบวชชีพราหมณ์ประจำปีของวัด ฝนก็ขึ้นไปเฝ้าสมเด็จท่าน เเต่ฝนไม่เห็นท่านเจอเเต่พระอาจารย์ท่านนั่งคอยอยู่ ท่านบอกว่า สมเด็จท่านไม่ว่างเเละพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ไม่ว่างเพราะมาเต็มกำลังเพื่อทำพิธีบวชที่วัด ให้ฝนขึ้นไปเฝ้าพระศรีอาริยเมตไตรยเเทนเพราะท่านว่าง ท่านยังอยู่ที่ดุสิต

เป็นครั้งเเรกที่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ว่างได้ถ้าท่านใช้เต็มกำลัง เเล้วเต็มกำลังของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้นจะมากขนาดไหน ถ้าใครมีโอกาสก็ไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดท่าซุงนะคะ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

อีกอย่างถ้าใครไปที่ลานธรรมช่วงบวชชีพราหมณ์นะคะ ให้รีบไปตั้งเเต่คนยังไม่มาเยอะนะคะ เเล้วถ่ายรูปไว้จะเห็นดวงเเก้วสีนวลๆ ลอยเต็มไปหมดเลยค่ะ ญาติฝนเองก็ถ่ายติด ท่านเจ้าอาวาสเองก็พูดเรื่องนี้เหมือนกันว่าไม่ธรรมดาคนถ่ายติดดวงเเก้วกันเยอะ ท่านว่าเป็นเทวดาอารักขาของวัดท่าซุง

 

วันนี้มีโอกาสเป็นครั้งที่สองที่ชมรมแผ่เมตตาได้วิทยากรพิเศษคือเจ้าของกระทู้นี้

ได้ไปสนทนากันในskype
แล้วหลายๆท่านก็ถามๆๆๆๆๆ จนอาจจะเผือไปหน่อย ก็เลยตัดบทด้วยการแทรกด้วยสาระของธรรมะเรื่องอาณาปานุสติกับศีลห้า

ใครอยากจะไปร่วมคุยกันสดๆก็เชิญแอดไปร่วมกันได้ครับ
แต่ว่าแล้วแต่บุญที่สร้างร่วมกันมานะว่าจะได้คุยกับใคร ไม่ขอรับประกัน

ขั้นตอนก็มีดังนี้
ดาวโหลดจากลิ้งนี้มาเก็บไว้ในเครื่อง
http://www.skype.com/intl/en/download/skype/windows/

จากการดาวโหลดก็ติดตั้งลงในเครื่อง

พอติดตั้งเสร็จก็ลงทะเบียน

ลงทะเบียนเสร็จก็ลอกอินเข้าใช้งาน
แล้วก็ค้นหาชื่อผมได้จาก New contact แล้วเติมชื่อ piakgear24ลงไป
แล้วก็เพิ่มชื่อใน list

 

ขอยืมคำเขาหน่อยนะครับ ( เรื่องดีๆที่เราเจอมาให้เขียนลงบนแผ่นหิน ส่วนเรื่องที่ไม่ดีให้เขียนลงบนพื้นดินครับผม)

 

ถูกรุมกินโต๊ะทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์เลยละค่ะคุณเปี๊ยก เกือบเดี้ยงเพราะไม่ได้ทานข้าวเที่ยง พอมีโอกาสเลยต้องรีบชิ่ง ฮาฮา

 

คราวหลังใครแอบคุยหลังไมค์ไม่ต้องตอบนะครับ เพราะว่าหลังไมค์ไม่มีคนคุม
ไม่งั้นพี่มีมายเซล แย่แน่ บางครั้งการถามก็ต้องมีพอประมาณ
อย่างไรก็ตามก็เป็นการสงเคราะห์เพื่อนๆครับ
แต่ว่าหากถามแล้วไม่เอาไปปฏิบัติก็ไม่มีประโยชน์
ถามแล้วเอาไปรักษาศีล เอาไปเจริญสมาธิเพื่อให้หลุดพ้นก็นับว่าเป็นธรรมทาน
แต่ใครถามเฉยๆ และถามด้วยความอยากรู้ไปเพื่อให้กิเลสมันงอกกว่าเดิมก็ ทำให้เสียเวลาเปล่า
he llo _car

 

ถามผู้รู้ครับ อันนี้จะนำเอาไปปฏิบัติแน่นอนครับ

ผมก็พยายามฝึกมะโนมยิทธิที่บ้านพอสมควร สวดมนต์ แล้วต่อด้วย บทพระกรรมฐาน ,บางวันก็ไม่ได้ ท่องบทนี้นะครับ คือ สวดบทอื่น แล้วก็ นั่งสมาธิเลย, แล้วก็หลับตานั่งสมาธิ หายใจเข้า นะมะ ออก ก็พะทะ นั่งอยุ่พอประมาณ เกินกว่า สามสิบนาทีได้ครับ แต่ยังไปไหนไม่ได้ พยายามวางอารมณ์แบบที่ผมเคยสอบถามคุณ Me, Myselfแล้ว แต่ก็ยังไม่ไปไหนสักที แต่ให้จำภาพพระนี้มันอยากครับ คือมันจำไม่ได้ เพราะมองแล้วจินตนาการ ได้พักเดียว ทุกอย่างมืดอีกแหละ ก็เลยเบื่อ เมื่ยกับการลืมตา ปิดตาบ่อยๆ ก็เลยหลับมันไปนานๆอย่างนั้นล่ะ สบายตาดี

คนที่ได้มโนมยิทธิแล้ว นะนำหน่อยครับ

ปล. ผมก็รักษาศิลห้าครับ นะครับ

สายลม

 

ข้อความเดิมโดยคุณ PIKZY

เมื่อวานได้อ่านเรื่องราวของคุณพี่ ~อมริศา~ ก็รู้สึกเห็นใจ และเข้าใจดีครับ

เพราะชีวิตผมเอง ก็น้ำเน่าเหมือนกันเลยครับ

ใจคิดอยากจะพิมพ์ข้อความให้กำลังใจ ก็มีเรื่องอยู่เต็มหัวเลย

แต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันพิมพ์อะไรไม่ออกครับ มีแต่ความรู้สึกเท่านั้น อธิบายยากจริงๆ

ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คุณพี่ ~อมริศา~ อีกคนครับ จากใจจริง[/quote]

แค่น้องสละเวลาอันมีค่าส่งข้อความถึงพี่ พี่ก็ชื่นใจแล้วค่ะ
ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่มีให้กันนะคะ

พี่มีกำลังใจจากน้องๆและผองเพื่อนจนตอนนี้อัดแน่นเต็มเปี่ยมเลยค่ะ

 

พอดีเลย วันนี้จ้างคนงานมาถางหญ้าพอดี
ที่บ้านพี่มีพื้นที่เป็นดินเยอะ(ที่ครึ่งไร่)
เดี๋ยวพี่จะเขียนให้เต็มเลย ไม่รู้ที่จะพอให้เขียนมั๊ยเนี่ย
เพราะเรื่องที่ไม่ดีมันเยอะเหลือเกิน (ล้อเล่นนะคะ)

 

ลุง ไม่ต้องมาเล็งหนูเลย..ชิ​

ถึงหนูไร้สาระ แต่หนูก็ไร้สาระ​

ขออนุโมทนา เกาะแข้งเกาะขาไปด้วยคนนะค่ะ​

เป็นสิ่งที่ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติมากขึ้น​

เพราะอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น..คิคิ​

 

แหม...ระบบที่เว็บพลังจิตนี่สมชื่อจริงๆ ทำงานกันสุดยอด พอพิมพ์ว่า จะไม่เล่าต่อ คีย์บอร์ดค้างซะงั้น เลยต้องเล่าต่อ (โดนระบบบังคับคงไม่ต้องการให้สมาชิกเสียสัจจะ) เหอ เหอ ก็เล่าต่อก็แล้วกันนะค่ะ เล่าจากที่ค้างเอาไว้ คุณMe, myself ก็อย่าแว่บไปรับจ๊อบบ่อยๆเสียล่ะค่ะ เดียวทางนี้จะหงอยเหงา
ถึงตอนนี้จะฝึกยังไม่ไปไหนมากก็มีความตั้งใจมากค่ะ เป็นคนที่ชอบสวดมนต์มาก มีอยู่ครั้งนึงฝันว่าสวดบทพาหุงทั้งคืนแบบคล่องมาก แต่ในความเป็นจริงสวดยังไม่ได้ เลยค่ะ และยังไม่คิดจะสวด ตอนหลังเลยมาสวด บทสวดมนต์ที่เรานำมาสวดก่อนที่จะสวดมักมีที่มาเสมอ เล่ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นเล่าผิดห้องค่ะ อิอิ
แต่แปลกอยู่อย่างไม่ทราบว่าบังเอิญหรือเปล่า พอเวลาตั้งใจมากไม่กี่วันมักมีอาการป่วยร่วมด้วย (แต่ก็หายไปเองค่ะ ไม่ต้องหาหมอ)อยากให้คุณMe, myself และน้องฝน หรือท่านอื่นๆ แนะนำบ้างค่ะ หรือว่าเราไม่เหมาะที่จะฝึกมโนยิทธิ หรือควรฝึกแบบอื่นไปก่อนดีค่ะ ยังงงๆอยู่ หรือถ้ามีโอกาสจะลองเรียนถามหลวงพ่อดูค่ะ ยังไงก็ช่วยตอบด้วยนะค่ะ อย่าให้งงอยู่คนเดียว

 

ผมเคยไปฝึกบ้านสายลมมาครั้งนึง รู้สึกว่าไปได้ แต่พอผมกลับมาฝึกเองที่บ้านคนเดียว รู้สึกเหมือนเราจินตนาการไปเอง (ผมฝึกตามขั้นตอนจากจำมาจากบ้าานสายลม) ผมไม่รู้ว่าที่ึฝึกอยู่นี้ ว่าผมไปจริง ๆ ไหม เพราะอาศัยรู้สึกอย่างเดียว เลยอยากถามพี่ me, myself พี่ cookieberry แนะนำผมหน่อยครับ ตอนนี้ผมเรียนปีสอง ที่มหาลัย มันมีอะไรที่ทำให้ออกจากความดีมากมาย เพราะเพื่อนผมยังเปลี่ยนไปมาก ผมกลัวถ้าำำไม่ปฏิบัติสักวันมันจะจมไปกับเขา ถ้าเป็นไปได้ฝากถามสมเด็จท่าน หรือหลวงพ่อ ผมจะต้องฝึกแบบไหนถึงเหมาะกับจริตที่สุดครับ (ด้านมโนยิทธิยิ่งดีครับ)
งงตัวเองครับ

 

งงค่ะ สวดมนต์แล้วป่วยหรือคะ หรือว่ายังไง มาอธิบายอีกทีนะคะ

 

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะบางเรื่องบางคนก็ไม่อยากให้คนหมู่มากรู้ เราก็เข้าใจความเป็นส่วนตัวค่ะ แต่ก็พ่วงด้วยการสอบถามเรื่องปฎิบัติเหมือนกันค่ะ ได้อยู่ๆ

 

ไม่ใช่ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะทึ่ถามไม่ชัดเจน คือตั้งแต่ตั้งใจฝึกมโนยิทธิก็ป่วยอยู่ประปรายค่ะ ปรกติสวดมนต์มากๆก็ไม่เป็นไรค่ะเพิ่งมาป่วยเล็กๆน้อยตอนนี้ ประมาณว่า ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อ่อนเพลียประมาณนั้นค่ะ
รบกวนแนะนำเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากเลยนะค่ะ อ่อ มีบางวันก็ไม่อยากรับประทานอาหารเย็นด้วยค่ะ จะเกี่ยวกับการฝึกมโนยิทธิไหมค่ะ หรือว่าช่วงนี้ต้องรักษาศีล8 ประกอบไปก่อนสักระยะหนึ่ง เหมือนที่เล่าว่าเมื่อก่อนตอนที่ปฏิบัติสวดมนต์ บางทีก็ต้องตื่นมา ตี1 ตี2 ตี3 ตี4 (จิตตื่นเองค่ะ ตื่นแล้วหายง่วงก็จะเข้าห้องพระปฏิบัติ)เวลาจะเปลี่ยนไปเรื่อย จนตอนนี้เข้าที่ดีแล้ว ตื่นปรกติ ก็เลยทำให้สงสัยว่า ช่วงนี้ มาฝึกมโนยิทธิ เลยต้องมีการปรับเปลี่ยนมารักษาศีล8 สักระยะก่อนหรือเปล่าค่ะ เมื่อฝึกเข้าที่ดีแล้วค่อยกลับมารักษาศีล5เป็นปรกติ ไม่ทราบว่าจะงงคำถามไหมหนอ พยายามแล้วค่ะกลัวคนอ่านงงเหมือนกัน ขอบคุณล่วงหน้า และอนุโมทนาบุญค่ะ

 

ถึงไร้สาระแต่ไฝ่หาธรรมะก็ใช้ได้

 

โอ้ถ้าเช่นนั้นอย่าเขียนเลยครับพื้นดินเอาปลูกมะเขือขายเอาเงินมาทำบูญดีกว่าที่ตั้งครึ่งไร่ ฮา เห็นพี่ตอบแบบนี้ก็ค่อยดีใจหน่อยแสดงว่าปกติแล้วสาธุ

 

แสดงว่าตอนแรกพี่ผิดปกติหรือคะ เวรกรรม!
ไปปลูกมะเขือขายเอาเงินมาทำบุญดีกว่าเรา เข้าท่ากว่าเยอะ(ฮากว่า)