อนัตตา

ขอถามเรื่อง อนัตตา หน่อยครับ ตกลงแปลว่าอะไรกันแน่
แปลว่า ไม่ใช่ตัวตน หรือ ไม่มีตัวตน
หลายคนแปลว่า ไม่มีตัวตน แล้วดันไปแปลคำว่า "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" เป็น "ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน"

ผมเห็นคำว่า อมนุษย์ แปลว่า ไม่ใช่มนุษย์ ไม่เห็นมีใครแปลว่า ไม่มีมนุษย์ หรือผมเข้าใจผิด อมนุษย์ แปลว่าไม่มีมนุษย์ ก็ได้

ถ้า สัพเพ ธัมมา อนัตตา แปลว่า ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน แล้วอะไรล่ะ คือ ตัวตน
ถ้า สัพเพ ธัมมา อนัตตา แปลว่า ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน ตายแล้วก็สูญ น่ะสิ(อันนี้เคยเห็น ศาสนาอื่น เอาข้อความนี้มาโต้แย้งศาสนาพุทธ ว่าสอนขัดกันเอง ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน แสดงว่าตายแล้วสูญ แต่กลับสอนว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด)

รบกวนผู้รู้ตอบด้วยครับ จะได้ไม่แปลความหมายผิดและเข้าใจผิดกันไป ตามความหมายที่ตนเข้าใจผิด

 

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา,
ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตน โดยอรรถต่างๆ
๑. เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ
๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง
๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ
๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นตามธรรมดาของมัน เช่น ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา;
ดู ทุกขลักษณะ, อนิจจลักษณะ

จากนิยามข้างต้นครับ ใดๆในโลกล้วนเป็นอนัตตา เพราะจะตรงกับข้อ1-5 อย่างน้อย 1 ข้อ เสมอ (โดยส่วนใหญ่ตรงเกือบหมด) เช่น
ร่างกายของเรา จริงๆแล้วร่างกายนี้เป็นของเรา (อัตตา) จริงหรือ ถ้าเราตายไปเราเอาร่างกายไปได้ไหม ร่างกายเกิดจาก ธาตุดิน คือเนื้อหนัง อวัยวะต่างๆ ธาตุน้ำ คือ เลือด น้ำหนอง ฯลฯ ธาตุลม ได้แก่ ลมหายใจ อากาศในร่างกาย ออกซิเจนในเม็ดเลือด ธาตุไฟ ได้แก่ความร้อน คือการประชุมกันของธาตุต่างๆ เราไม่สามารถบังคับปอด ม้าม สมอง ให้ทำงานได้ดังใจใช่ไหม ร่างกายเราย่อมมีการเกิดการเสื่อมของเซลล์ต่างๆตามธรรมดาใช่มั๊ย นี่แหละอนัตตา

ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอนัตตา
1. ธรรมที่แสดงเกิดจากการสมมติทางภาษา ซึ่งภาษาไม่สามารถแสดงหรือระบุสภาวะธรรมได้ 100% จึงเป็นที่มาของการถกเถียงกัน และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ภาษาที่แสดงธรรม นี้ย่อมถูกลบเลือนสูญหายไปตามกาลเวลา (ตัวธรรมจริงๆไม่ได้หาย แต่ตัวภาษาหรือคำสอนหายไป ต้องรอผู้มาค้นพบใหม่)

2. ธรรมเป็นของกลาง พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ และธรรม มีมากมาย ผู้อื่นก็มีสิทธิค้นพบได้ จริงมั๊ย เพียงแต่ว่าพระพุทธเจ้าเผยแพร่ธรรมแค่ใบไม้ในกำมือ คือ ธรรมเพื่อการดับทุกข์ถาวรโดยตรง เพื่อเปลื้องอาสวะกิเลส(อาสวะขยญาณ) เพื่อแจ้งซึ่งนิพพาน

3. ธรรมไม่อยุ่ในอำนาจ ไม่มีใครสั่งได้ อันนี้แน่นอน

ผมก็ไม่สามารถตอบได้ครบถ้วนความหมาย ก็ต้องให้ท่านอื่นมาช่วยตอบครับ

 

อนัตตา คือ ความไม่เป็นตัวตน ยึดถือไม่ได้ คือทุกสิ่งที่รู้ เห็น สัมผัส รวมทั้ง ร่างกาย ชีวิต ของเราเองก็จะสูญสลายไปในที่สุด ไม่สามารถจะยึดถือเป็นสาระอะไรได้

 

ไมมีตัวตนที่แท้จริง ไม่เป็นนิรันตร์ เป็นรูปอยู่ได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ถึงเวลา ก็สลาย สรรพสิ่ง เกิดๆ ดับๆ ตลอด

พยับแดด ฟองคลื่น ระลอกคลื่น หยดน้ำกลางใบบัว อารยธรรม พลังงาน อนุภาค ลาภ ยศ ชื่อเสียง ดาวเคราะห์ สิ่งที่เรารัก ตัวเรา เมีย แฟน ลูกชิ้นปิ้ง นายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล แมวที่บ้าน ความโกรธ ความรัก อารมณ์ใด รูปธรรม ต่างๆ .......

ทุกอย่างที่คุณ ได้รู้รอบๆ เขาเรียกว่า ธรรม อยู่ได้เพียงชั่วคราว ถึงเวลาก็สลาย

มันคือ อนัตตา ไม่มีตัวตนที่แท้จริง เปลี่ยนแปลงทุกขณะจิต

ตามหลักวิทยาศาสตร์ ก้อนศิลาที่ตั้งอยู่ มันไม่นิ่งนะครับ อนุภาคภายในมัน สะเทือนตลอด อะตอมมันสลายลงทุกวันๆ รังสีวิ่งชนอนุภาคภายในตลอดครับ

 

ครับ อนัตตา ก็คือ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนครับ ครับว่า สัพเพธรรมา นี่ก็เหมือนกัน คำว่าธรรมในที่นี้ หมายถึง สิ่งต่างๆที่มีอยู่ เกิดอยู่ในโลกครับ

 

งงครับ

ตกลงว่า อนัตตา แปลว่าอะไรครับ ที่ตอบมาข้างบน มีทั้ง ไม่ใช่ตัวตน และ ไม่มีตัวตน ตกลงว่า แปลว่าอะไรกันแน่ และ อมนุษย์ แปลว่า ไม่มีมนุษย์ ได้ไหม

 

สัพเพ ธรรมา อนัตตา หมายถึง ธรรมทั้งหลายที่กล่าวไว้ หาใช่เป็นความจริงทั้งสิ้น ความจริง คือ ธรรม ที่มิได้กล่าวไว้ หาใช่มิมีอยู่ไม่ อนัตตา แปลว่า ไม่สิ้นสุด "เอกัง" ธรรมทั้งหลายที่กล่าวไว้ ในยุคสมัยหนึ่ง อาจไม่สามารถอรรถาธิบาย ให้มวลหมู่มนุษยชาติ ได้เรียนรู้ จนกระทั่งเข้าใจถึงแก่นแท้ของธรรมทั้งหลายได้ ต่อเมื่อ กาลเวลาล่วงพ้นไป มนุษย์สามารถ รับรู้ความจริง ซึ่งกอรปด้วยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้ค้นคว้าทดลอง อีกทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือที่ทันสมัย สามารถพิสูจน์เป็นเหตุ เป็นผล จนบังเกิดความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ เหตุฉะนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเข้า จึงทรงตรัสไว้ว่า สัพเพธรรมา อนัตตา หมายถึงความจริงทั้งหลาย มีอยู่มากมายมิสิ้นสุด เพียงแต่จักสามารถอรรถาธิบาย และพิสูจน์ให้ ชาวโลกทั้งหลายเข้าใจได้เช่นไรเท่านั้น เพียงแต่เมื่อเวลาเนิ่นนานไป มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้า จนกระทั่งเข้าใจ กฎของธรรมชาติ อีกทั้งหลักเกณฑ์ทั้งหลายทั้งปวง จึงจักสามารถ นำมาอรรถาธิบายใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตามเจตนารมณ์ของพระผู้สร้าง จึงสามารถอรรถาธิบายได้ว่า สัพเพธรรมมา อนัตตา แปลว่า ความจริงยังมีอีก มิสิ้นสุด เหตุผลทั้งหลายจักมีผู้ค้นคว้าจนกระทั่งพบความจริง จากนั้นจึงนำมาพิสูจน์ ตามวิธีการและกฎเกณฑ์ ซึ่งวิวัฒนาการของโลกได้ย่ำกลายไปถึง นั่นเอง

 

อ้าว เล่วกล่าวงี้ ก็หมายความว่า ธรรมที่พระพุทธเจ้า กล่าวเอาไว้ ไม่เป็นความจิงทั้งหมดงั้นเหรอ อย่างงี้ก็กล่าวหาว่าพระพุทธองค์มุสานี่หว่า........

มาแนวทำลายศาสนาแล้วไง มีความรู้แล้วก็อย่ามาบิดเบือนสิ่งดีๆดิ เอาอารายมาพิสูจน์ว่าพระพุทธเจ้าตรัสธรรมที่ไม่เป็นจริง ทำงี้ มันทำร้ายน้ำใจชาวพุทธนะ

คุณจะอ้งตัวเป็นตัวอะไรก็ได้ จาเป็นหมู เป็น หมา หรือ ยอดมนุษย์อารายก็ได้เรื่องของคุณ แต่อย่ามากล่าวจ้วงจาบในสิ่งที่คนอื่นเขาบูชาเพื่อที่ว่าจาเรียกร้องความสนใจ.....

คำว่า สัพเพ ธรรมาอนัตตานั้น หมายความว่า ธรรมทั้งหลาย ( หมายถึงสิ่งต่างๆทั้งปวง ) ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีความเกิดเป็นเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง และแตกดับในที่สุด .....

ส่วนอมนุษย์นั้น หมายถึง ไม่ใช่มนุษย์ .....

อ..หรือ อะ แปลว่า ไม่ เช่น อกุศล...หมายถึง สิ่งที่ไม่ใช่กุศล

อรูป..ไม่มีรูป ..อย่างนี้ พอจะเข้าใจหรือยังครับ ...........

...ขอโทษหลายๆท่านที่อาจมีคำไม่สุภาพหลุดออกมา เป็นธรรมดาของปุถุชนอย่างผม ที่ยังมีโกรธเป็นธรรมดาที่เห็นคนลบหลู่สิ่งที่เราเคารพ......

 

นำมาอรรถาธิบายใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตามเจตนารมณ์ของพระผู้สร้าง

 

<EMBED src="http://www.suttaworld.org/scripture/kgin/kgin13/kgin13.swf" loop=false menu=false quality=high bgcolor=#FFC546 WIDTH=710 HEIGHT=400 TYPE="application/x-shockwave-flash" PLUGINSPAGE="http://www.macromedia.com/shockwave/download/index.cgi?P1_Prod_Version=ShockwaveFlash"></EMBED>