บวงสรวง-ก่อนประดิษฐานที่เนปาล พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร.

บวงสรวง-ก่อนประดิษฐานที่เนปาล พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร.

คอลัมน์ สกู๊ปพิเศษ




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
เมื่อเช้าวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2551 ถือเป็นฤกษ์งามยามดี ที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกอบพิธีบวงสรวง "พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร." เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ อุโบสถ วัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ในระหว่างวันที่ 10-14 พฤศจิกายน 2551


ในการนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

พิธีเริ่มต้น เวลา 09.00 น. โดยมี พระราชครูวามเทพมุนี แห่งเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ผู้นำคณะพราหมณ์ประจำสำนักพระราชวัง ประกอบพิธีบวงสรวง

จากนั้น เวลา 10.00 น. สมเด็จพระพุฒาจารย์ เดินทางถึงบริเวณพิธี ณ ศูนย์ปฏิบัติการ (OPC) สุวรรณภูมิ เริ่มประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์

พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์สมโภชและบวงสรวงพระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมินิริโชค ภ.ป.ร. ประกอบด้วย

1. พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 1-2-3 และ 12-13 วัดเทพศิรินทราวาส

2. พระพรหมเวที กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 8 วัดไตรมิตรวิทยาราม

3. พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 1 วัดพิชยญาติการาม

4. พระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 12 วัดสระเกศ

5. พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม โฆษกมหาเถรสมาคม วัดสัมพันธวงศาราม

6. พระธรรมวรเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 15 (ธ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีราม

7. พระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์

8. พระธรรมสิทธินายก ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศ

9. พระเทพรัตนสุธี รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา

10. พระเทพภาวนาวิกรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดไตรมิตรวิทยาราม

ต่อจากนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลงในพระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์ เป็นอันเสร็จพิธี
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>


พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความเป็นมาในการจัดสร้างพระดังกล่าวว่า คณะกรรมการบริหารโครงการและจัดสร้างพระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. พระพุทธสิริมหามงคล ส.ก. พร้อมทั้งวัตถุมงคลได้ดำเนินการจัดสร้างพระพุทธรูป 2 แบบ คือ ทรงเครื่องจักรพรรดิ และไม่ทรงเครื่องจักรพรรดิ ดังนี้

1. พระพุทธรูปปางสมาธิทรงเครื่องจักรพรรดิ โดยบริษัทได้รับพระบรมราชานุญาตให้นำตราสัญลักษณ์ พระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานที่ผ้าทิพย์

2. พระพุทธรูปปางสมาธิมุ่นมวยพระเกศา ซึ่งบริษัทได้พระบรมราชานุญาตให้นำตราสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ประดิษฐานที่ผ้าทิพย์

พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. พระพุทธสิริมหามงคล ส.ก. และวัตถุมงคลทั้งหมดที่ได้ขอพระบรมราชานุญาต ในการจัดสร้างได้เข้าประกอบพิธีพุทธาภิเษก โดยบริษัทได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ตามรายละเอียดดังนี้

1. พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. ขนาดหน้าตัก 55.9 ซ.ม. แกะสลักจากหยกแท้ประเทศพม่า จะนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา

2. พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. ขนาดหน้าตัก 45.9 ซ.ม. แกะสลักจากหยกแท้ประเทศพม่า จะนำไปประดิษฐาน ณ อุโบสถ วัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

3. พระพุทธสิริมหามงคล ส.ก. ขนาดหนักตัก 80 ซ.ม. แกะสลักจากหินขาว จะนำไปประดิษฐานที่วิหารวัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เนื่องในวโรกาส มหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 72 พรรษา มหาราชินี
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>


4. พระบูชา ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว ปิดทองสวิส 99.9% และรมดำ

5. พระบูชา ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ปิดทองสวิส 99.9% และรมดำ

6. พระผง

7. พระหยกใบโพธิ์

การจัดสร้างพระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. และวัตถุมงคลครั้งนี้ คณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างพระของบริษัทได้อัญเชิญมวลสารศักดิ์สิทธิ์และวัตถุมงคลเพื่อใช้ประกอบการจัดสร้าง

ทั้งนี้ เพื่อให้ควรค่าแก่การบูชาและมีคุณค่าทางจิตใจ โดยได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่จากวัดต่างๆ ทั่วประเทศเดินทางไปอัญเชิญมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ณ สังเวชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่งของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ และยังได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่เดินทางไปรับพระบรมสารีริกธาตุและวัตถุมงคลจากประเทศศรีลังกา

นอกจากนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยังได้ประทานมวลสารส่วนพระองค์ ได้แก่ ผงจิตรลดา พระเกศา จีวร รวมทั้งบริษัทยังได้เดินทางไปรวบรวมมวลสาร ได้แก่ ผงจตุคามรามเทพปี 2530 ดินกากยายักษ์ ผงเหล็กน้ำพี้ ผงมงคลสยามประเทศ ผงจิตรลดา ผงพุทธคุณ 108 วัดทั่วประเทศ ผ้ายันต์สงครามเกาหลี เวียดนาม จากวัดสุทัศนเทพวราราม ผงอิทธิเจ วัดอินทรวิหาร ว่าน 108 ชนิด ผงธูป ก้านธูป ดอกไม้แห้ง บูชาพระประธาน จากวัดต่างๆ ทั้งสิ้น 27 วัด เพื่อเป็นส่วนผสมในการสร้างพระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. เนื้อผง ภายใต้พิธีอันเป็นมงคล ดังนี้

1. พิธีพุทธาภิเษก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยได้นิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต จุดเทียนชัย และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ดับเทียนชัย

2. พิธีปลุกเสก-พิธีอธิษฐานจิตมวลสารศักดิ์สิทธิ์ 5 แห่ง ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติ ณ สวน ลุมพินีวัน รัฐเนปาล สถานที่ตรัสรู้ ณ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ปฐมเทศนา ณ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย และพระศรีมหาโพธิ์ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 17-20 สิงหาคม 2547 โดยได้นิมนต์พระเถระชั้นผู้ใหญ่จากพระอารามหลวงเดินทางไปประกอบพิธี

3. พิธีอธิษฐานจิตมวลสาร จาก 4 แดนพุทธภูมิ โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547

4. พิธีพลีรัตนชาติหยก ณ สหภาพพม่า เมื่อวันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2549 โดยพระเทพภาวนาวิกรม วัดไตรมิตรวิทยาราม พระเทพรัตนสุธี วัดปทุมคงคา พระราชรัตนาภรณ์ วัดอินทรวิหาร

5. พิธีพุทธาภิเษกกดพิมพ์ปฐมฤกษ์ (เสาร์ 5) วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2550 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธาน

พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร. นับเป็นพระพุทธรูปเครื่องทรงจักรพรรดิองค์ที่ 4 ของประเทศไทย ซึ่งการบินไทยได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้นจำนวน 2 องค์ เพื่อนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 80พรรษา และอีกองค์หนึ่งจะนำไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ อุโบสถ วัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถานของพุทธศาสนา และเป็นวัดไทยในดินแดนพุทธภูมิที่ยังไม่มีพระประธาน

พุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเช่าบูชาพระผง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย เบอร์โทรศัพท์ 0-2545-2536-7 และ 0-2545-4132 หรือ



http://www.thaiair.com/mainpage.shtml

[FONT=Tahoma,]หน้า 30[/FONT]



http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOREF5TVRFMU1RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB3TWc9PQ==

 

เจตนาดี สาธุ สาธุ เเต่ทำไมมีพิธีพราหมณ์ด้วยเราเป็นพุทธ ไม่เข้าใจอีกเเล้ว งง ตกลงพุทธเราเป็นกิ่ง ก้านของพราหมณ์ใช่ไหม ศาสนาพุทธเราจะทำความเจริญให้เเก่มนุษย์ ดับทุกข์เข็ญของเหล่ามนุษย์ เเละเทวดา เเปลกทุกวันนี้ศาสนาพุทธเราจะทำอะไรมักมีพราหมณ์แฝงมาด้วยทุกครั้ง

 

แล้วทำไม่ได้รึไงครับ ถามจริงๆเถอะ พระพุทธองค์เคยห้ามไหม พิธีพราหมณ์นี่

 

ผมกำลังคิดถึงความเหมาะสมนะครับ ไม่ได้คิดถึงข้อที่ว่าพระพุทธเจ้าห้ามไม่ห้าม เพราะเราต่างก็เกิดไม่ทันยุดของพระองค์
พุทธศาสนาเราสอนอะไร การดับทุกข์ใช่หรือไม่ ท่านสอนหรือเปล่าว่า ที่ให้ลูกศิษย์พระองค์ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการบวงสรวง พรามณ์เค้าสอนอะไร ไสย์เวท คำภีร์ต่างๆ ผู้อ่านลองช่วยกันคิดดูหน่อยสิว่า ระหว่างอัตตากับอนัตตามันต่างกันตรงใหน การที่คุณอ้างว่าพระพุทธองค์ไม่ได้ห้ามให้มีพิธี บวงสรวงอะไรทำนองนี้ เป็นการพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด ว่าพระพุทธเจ้ายอมรับให้พระภิขุของของพระองค์ไปทำพิธีพรามณ์ เเรงนะครับ เคยมีไหมที่ในสมัยพุทธองค์ที่คนเข้ามาบวชในพระศาสนาจะต้องบวงสรวงขอ เทวดา ฟ้าดินก่อน หรือบวชเเล้วกลับไปบูชาไฟเหมือนเดิม ก็เห็นมีเเต่ในสมัยนี้เเหล่ะ
คุณชักดาบครับตกลงคุณเป็นพุทธหรือพรามณ์ เอาให้เเน่ หรือว่ายังสับสนความคิดอยู่

 

อนุโมทนาสาธุด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

และขออุทิศบุญกุศลทั้งปวงแด่เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ
ให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดไป ขอให้อโหสิรรมและ
ขออโหสิกรรมกับทุกรูปทุกนามด้วยเถิด ให้ทุกท่านได้พระนิพพาน
ในชาตินี้ด้วยเถิด

ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร

หลังจากสวดบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามาก แนะนำบทสวดพุทธมนต์แบบย่อ ๆ แต่มีพลานุภาพมาก มีอานิสงส์มาก สวดไม่เกิน 5 นาทีจบ ดังนี้

นะโม 3 จบ

หัวใจ อิติปิโส ว่า
อิสะวาสุ
หัวใจพาหุง
พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ
หัวใจพระเจ้าสิบชาติ
เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
หัวใจบารมี 30 ทัส
ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
หัวใจพระอาการวัตตาสูตร
มุนินทะ วะทะนัมโพชะ คัพพะสัมภาวะ สุนทะรีปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะ ยะตัง มะนัง
หัวใจพระธารณะปริตร
ทิฏฐิลา ทัณฑิลา มันติลา โรคิลา ขะระรา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
หัวใจพระไตรปิฎก
จิเจรุนิ
หัวใจพระคาถาชินบัญชร
ชะ จะ ต ะ สะ สี สัง หะ โก ทะ กะ เก นิ กุ โส ปุ เถ เส เอ ชะ ระ ธะ ขะ อา ชิ วา อะ ชิ สะ อิ ตัง
คาถาบูชาพระพุทธเจ้า 16 พระองค์
นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ นะมะอะอุ

สวดจบควรแผ่เมตตาทุกครั้ง

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ
ยังไงก็เป็นพิธีที่ดีล่ะกันค่ะ
เปลือกก็เปลือก แก่นจริงๆเราก็รู้อยู่แล้วนี่นา ^^

 

ในสมัยอดีตศาสนาพราหมณ์เข้ามาก่อนศาสนาพุทธ ทำให้การทำพิธีต่างๆ ทางสงฆ์จึงมักมีพิธีทางพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ โดยเฉพาะพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ก็จะมีพิธีพราหมณ์ประกอบกันอย่างแยกไม่ออก ถ้าดูจากพิธีจากข้างต้นพิธีพราหมณ์และพิธีสงฆ์ถือเป็นคนละส่วนกัน แต่ประกอบพิธีพร้อมกัน โดยมักมีพิธีพราหมณ์ซึ่งเป็นการบวงสรวงต่อเทพยดา พรหม และเจ้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ เป็นต้น เพื่อให้เกิดกำลังใจต่อผู้ทำพิธีและผู้ร่วมพิธีว่า พิธีกรรมที่ทำจะลุล่วงไม่มีอุปสรรค ทั้งยังถือว่าเป็นการบูชาครูบาอาจารย์ที่อัญเชิญมาประกอบพิธีให้ท่านได้รับรู้ และร่วอนุโมทนา ส่วนพิธีสงฆ์ คือการที่พระผู้ทรงวิทยาคม มานั่งปรกอธิษฐานจิตเพื่อให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างเกิดความเข้มขลัง และมีการอัญเชิญครูบาอาจารย์ของพระผู้ทรงวิทยาคมแต่ละท่านมาร่วมอธิษฐานจิต จึงทำให้ต้องมีการตั้งเครื่องบวงสรวงเหล่านี้ เลยเป็นการบวงสรวงร่วมกับพิธีพราหมณ์ไปพร้อมกันเลย ถ้าลองมองย้อนไปจะพบว่าพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าหลุดพ้นแล้ว หรือเป็นพระอริยสงฆ์ก่อนการทำพิธีใดๆ ก็มักมีการบวงสรวงร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทิม สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่ช่วยให้ผู่ที่ยังไม่เข้าถึงซึ่งธรรมะ หรือผู้ที่มีบารมีไม่แรงพอได้ใช้เป็นเครื่องยึดเกาะเพื่อให้เข้าถึงซึ่งอริยะมรรคได้เร็วขึ้น อย่างน้อยก็เป็นการช่วยให้คนได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวและอยู่ในศีลในธรรม หากเราได้เข้าใจถึงธรรมะที่ลึกซึ้งแล้ว ก็ไม่ควรไปวิจารณ์กรรมของผู้อื่นที่เราไม่รู้ หรือไม่เข้าใจเหตุและผลของการกระทำ อาจนำมาซึ่งการปรามาศโดยไม่รู้ตัว เราควรที่จะมองเลยในส่วนที่ไม่ใช่แก่นไปสนใจในที่มาและเหตุผลของการกระทำมากกว่าที่จะมาวิจารณืบางสิ่งที่เราอาจจะยังเข้าไม่ถึง หรือไม่รู้นรายละเอียดอย่างแท้จริง เพราะแต่ละคนก็มีกำลังใจความเืชื่อที่แตกต่างกัน มองเข้าไปที่แก่นมากกว่าจะมองที่กระพี้ดีกว่า วางใจเป็นกลาง ไม่ขุ่นมัวในการกระทำของผู้อื่นเพราะเราไม่สามารถทำให้ผู้อื่นเข้าใจเหมือนเราได้ เนื่องจากภูมิธรรมที่ต่างกัน ผิดถูกประการใดก็ขออภัยไว้ด้วย หากอยากเพียงเตือนสติผู้อ่านให้คิดวิเคราะห์เหตุและผลในหลายๆ ด้าน อนุโมทนา

 

วัดไทยลุมพีนี เนปาล

พระพุทธรูปที่สร้างสวยงามมากค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ..

 

ข้อมูลที่คุณ Hellotawan ยาวน่าดูเเต่ก็อ่านทุกบรรทัดครับ ชอบใจตรงที่ว่า" อย่างน้อยก็เป็นการช่วยให้คนได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวและอยู่ในศีลในธรรม หากเราได้เข้าใจถึงธรรมะที่ลึกซึ้งแล้ว " ผมอาจจะมองตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางในความรู้สึกของตัวเองมากไปหน่อย เเต่ก็ไม่เป็นไร เพราะข้อคิดของคุณ ทำให้ผมนึกถึงคำว่า กุศโลบาย นำมวลชนให้เข้าถึงศิลธรรมก่อน เป็นการปรับความรู้สึกของผู้คนในขณะนั่นให้อ่อนโยนทางจิตใจ ก่อนที่จะปรับระดับภูมิจิตภูมิธรรมให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ขอบคุณมากครับสำหรับข้อคิดเห็นของคุณ Hellotawan รู้สึกดีจริง ๆ อนุโมทนาด้วยครับ ^^

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

เห็นด้วยครับ สมัยนี้พราหมณ์จะกลืนพุทธหมดจากประเทศไทยแล้ว เพราะชาวพุทธไม่รู้ว่าอันไหนคือพุทธแบบดั้งเดิม อันไหนคือพราหมณ์ ครับ

 

เป็นงานพุทธศิลปที่สวยมากครับ ไม่ทราบว่าว่าคุณเอามาแจกสมาชิกเว็บพลังจิตเหรอครับ อิอิ ^^

 

สวยงามมากจริงๆ ครับ

อนุโมทนาครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครไหนมาช่วยเจ้า"
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ขอเชิญบริจาค โครงการสร้างทรัพยากรมนุษย์ผู้ด้อยโอกาส กับ หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง
--> http://palungjit.org/showthrea...26#post1546426
ร่วมสร้าง " อุโบสถเงิน" วิหารทานที่ในครั้งนึงในชีวิตไม่ควรพลาดครับ
--> http://palungjit.org/showthread.php?t=140433
ขอความเมตตา สร้างชีวิตใหม่ ช่วยน้องผ่าตัดใบหน้า ให้สดใสเหมือนเดิม
--> http://palungjit.org/showthrea...17#post1440317
มาลองทำสังฆทานอย่างง่ายๆ ด้วยตนเองกันครับ
--> http://palungjit.org/showthrea...70#post1435870

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

เปลือกก็เปลือก แก่นก็แก่น ในเมื่อเป็นลำต้นเดียวกัน จะแยกกันทำไม ไม่เคยได้ยินว่ามีต้นไม้ที่ไหนมีแต่แก่นแล้ว ผลิดอกออกผลได้ครับ ถ้ามัวมาแยกแยะ แบ่งเขาแบ่งเราไม่เวิร์กหรอกครับ แล้วแต่จิตศรัทธา อย่ามัวประนามคนอื่นเลย

 

ศาสนาพิธี ทำให้พุทธศาสนาอยู่ได้นาน (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->

ศาสนาตั้งมั่นอยู่มาได้จนบัดนี้
ก็เพราะพิธีต่างๆ นี้ ทั้งนั้น
บางคนก็สร้าง อุโบสถ-ศาลา-กุฏิ ถวายอุทิศให้แก่ผู้ตาย
วัดจึงเป็นวัดมาได้เท่าทุกวันนี้

ตนไม้ถ้ายังเหลือแต่แก่น ก็จะอยู่ได้ไม่นาน
ต้องมีเปลือก กระพี้ ห่อหุ้มบำรุงแก่นไว้ จึงไม่ตาย

พุทธศาสนาก็ฉันนั้น เหมือนกัน
ต้องอาศัยศาสนาพิธีเหล่านี้แหละช่วยบำรุง
ห่อหุ้มไว้ จึงยืนนานมาถึงวันนี้...

: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

 

เป็นการเเสดงข้อคิดเห็นในเชิงวิชาการครับ เเบบเเบ่งปันความรู้ครับ ยังไม่มีข้อความใหนที่เขียนประนามใครสักคนเลยครับ มันก็เเล้วเเต่มุมมองของเเต่ละคนนะครับ ทุกคนล้วนเเต่มีเหตุผลของเเต่ละคน แล้วเเต่ใครจะรับฟังหรือรับความเห็นของใครนะครับ

 

อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ...สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

 

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- / icon and title --><!-- message -->ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายและสรรพชีวิตโดยดีงามด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ สืบทอดพระพุทธศาสนาและสร้างเสริมบุญกุศลบารมีอันเป็นบันไดสู่พระนิพพาน พระพุทธภูมิ


อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงอนุโมทนา ส่วนบุญกุศลนี้ แล้ว ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงอนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข ไม่ต่ำกว่าข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอท่านทั้งหลายเมื่อใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้อนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญกุศลบารมีใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญกุศลบารมีนี้ จงเป็นสรรพพลวปัจจัย ให้ข้าพเจ้า เจริญในพระพุทธการกธรรม ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญกุศลทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ โดยดีงามด้วยเทอญเถิด

"พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
"เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"

"เมื่อได้พุทธภูมิแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิด้วย"

พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณ สิทธมัตถุ ๆ ๆ
สะอาด สว่าง สงบสมดุลย์ เลิศ ประเสริฐ ปราณีต ละเอียด ยิ่งๆๆขึ้นไปเทอญ สัมปะติจฉามิ ๆ ๆ (i)

 

อนุโมทนาอย่างยิ่ง
ขอนอบน้อมต่อพระพุทธองค์