คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ตาฉาย ก็จะไปเชื่อมกะเขาด้วย วันที่ 11 นี้ รอบสุดท้ายครับพี่สาม

 

เห็นพูดถึงการเชื่อมระบบ เลยนำข้อความนำมากฝากครับ
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวคราวของกลุ่มเขากะลา

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คุณoJOEo

สวัสดีครับทุกๆคน ผมขอมาเล่าประสบการณ์หลังจากที่ทำการเชื่อมระบบมาจากวันเสาร์ที่ 30 นะความจริงไม่อยากมาโพสครับ แต่เผอิญอ.นีโม่ท่านบอกให้มาโพสอ่ะครับ เลยคิดว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับบางท่านที่ได้อ่านนะครับ สิ่งที่จะบอกกล่าวต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ไม่ได้ให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อนะครับ ถ้าเกิดการผิดพลาดประการใดหรือทำให้ใครเป็นทุกข์ก็ขออภัยด้วยละกันนะครับ

เริ่มตั้งแต่ตอนที่รู้ข่าวการเชื่อมระบบจากพี่ลิตเติ้ลโยดานะครับ เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วอ่ะครับถ้าจำไม่ผิดนะครับ ตอนนั้นคุยเอ็มกับพี่เค้าอยู่พอดีพี่เค้าถามผมกลับมาว่ารู้เรื่องติดตั้งเครื่องย้ายมิติ หรือเรื่องๆ ต่างๆ อะไรไหม ผมตอบว่าไม่ทราบจากนั้นพี่โยดาก็ทำการเล่าและบอกรายละเอียดต่างๆให้ และก็ได้ส่งหน้าเวปนี้มาให้ผมทำให้ผมและน้องสาวได้มีโอกาสพบเจอ อาจารย์ พี่ๆ และเพื่อนๆ นะครับในวันนั้นเองได้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ คือขณะที่คุยเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมระบหรือข้อมูลต่างๆ กับพี่โยดานั้นเกิดอาการขนลุกทั้งตัวและรุนแรงขนาดคอเกิดอาการเกร็ง และนานมากครับ ผมเลยถามกลับไปหาพี่โยดาว่า พี่เล่นอะไรหรือเปล่าปล่อยพลังมาใส่ผมหรือเปล่าอ่ะครับ ซึ่งพี่โยดาตอบกลับมาว่าไม่ได้ทำอะไร และในขณะนั้นเองผมก็รู้ได้ว่าผมต้องไป ไปตามที่พี่โยดาแนะนำทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งอาการขนลุกนั้นอาจเป็นเทวดาหรืออะไรมาทำให้เกิดเพื่อบ่งบอกให้ผมต้องมานั่นเอง

พอถึงวันที่มาทำการเชื่อมระบบ ก่อนทำการเชื่อมระบบของผมและน้องสาว ผมได้ถามข้อสงสัยกับอ.นีโม่ เมื่อได้คำตอบแล้วผมก็ตัดสินใจให้ อ.นีโม่เชื่อมระบบ ให้โดยให้น้องสาวทำการเชื่อมก่อน ขณะที่เชื่อมระบบนั้นเผอิญเกิดอยากรู้ (ลองของ) ก็เลยดูด้วยตาเนื้อเมื่อไม่เห็นอะไรก็เลยลองหลับตาแล้วเพ่งดู (ผมก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรหรอกครับแค่อยากรู้เฉยๆ เลยลองดู) เผื่อจะบังเอิญเห็นอะไรบ้าง ปรากฎว่าซักพักนึงก็รู้สึกได้ว่าเห็นแสงส่องลงมาที่อ.นีโม่และก็น้องสาว ซึ่งสว่างมากและชัดเจนมากด้วย ที่สำคัญรู้สึกร้อนก็เลยเลิกเพ่งครับ และก็ถอยห่างออกมาหน่อย ซึ่งผลของการลองของก็ประสบผลสำเร็จจริงๆเลยหยุดเพราะตกใจและร้อนอะครับ

หลังจากนั้นก็ถึงคิวผมที่ต้องทำการเชื่อมระบบ ขณะที่เชื่อมอยู่นั้น อ.นีโม่ ได้เอ่ยขึ้นมาว่ายังยึดสุข-ทุกข์อยู่ซึ่งพอได้ยินก็ตกใจและก็งงๆ เพราะว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมยังมีความยึดในความสุขและความทุกข์จริงๆครับ ยังอยากได้ความสุข และเกลียดความทุกข์อยู่จริงๆ แต่เอท่านรู้ได้ไงหว่า ขนาดคนรอบข้างรวมทั้งน้องสาวยังไม่รู้เลย ก็เป็นที่น่าแปลกใจจริงๆครับ พอเชื่อมระบบเสร็จผมก็ลากลับบ้านเพราะอยู่ต่างจังหวัดและมันก็ดึกแล้ว ก็ออกมานอกร้านด้วยอาการมึนๆ หนักๆ ศีรษะนิดๆ เดี๋ยวมาต่อนะครับ พักแป๊บ
<!-- / message -->

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คุณoJOEo

ต่อๆ นะครับ หลังจากออกมาแล้วก็มีอาการมึนๆ หนักๆ หัวตามมาด้วยแต่ไม่มากนะครับ ผมก็ได้เดินไปขึ้นรถตู้เพื่อไปลงรังสิตและต่อรถกลับอ่างทองอ่ะครับ อยู่ดีดีก็เกิดคิดถึงเรื่องตอนที่อ.นีโม่กำลังเชื่อมระบบให้ท่านถามว่าไปเรียนพลังยูเรอัสมาใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ ท่านก็เลยพูดขึ้นว่าเอาออกซะดีไหม ผมก็ตอบไปด้วยความซื่อๆ ว่า จะมีหรือไม่มีมันก็ไม่สำคัญสำหรับผม (หยุดแป๊บนึงแล้วพูดต่อว่า) แต่ถ้ามีแล้วอาจมีประโยชน์ในการช่วยเหลือคนอื่นก็ดีนะครับ อ.นีโม่ท่านก็ตอบกลับมาว่า ช่วยตัวเองยังไม่ได้แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไง พอนึกเสร็จแล้วก็ได้รู้ทันทีว่า กิเลสตัณหาของเรานั้นมันเก่งจริงๆ สามารถหลอกลวงได้แนบเนียนขนาดนี้ คือมองเห็นความอยากที่จะมีความสามารถพิเศษในการเรียนพลังยูเรอัสมาและไม่อยากเสียมันไปอะครับ ก็งงๆ ตัวเองอยู่ว่าเอ ทำไมมองเห็นความอยากนี้ได้หว่า จริงๆ แล้วมันเป็นความอยากที่ละเอียดละออมากไม่เคยเห็นขนาดนี้เลย

แล้วก็เดินทางต่อไปจนถึงรังสิต และก็ขึ้นรถบัสกลับบ้าน ขณะที่อยู่บนรถบัสซึ่งผมนั่งเบาะหลังสุดเป็นแถวยาวๆ อ่ะครับ เป็น รถป.2 นะครับ ขณะนั้นเองก็ได้ระลึกถึงเรื่องที่คุยกับ อ.นีโม่ ถึงเรื่องความไม่มีตัวตน และสิ่งทั้งหลายทั้งปวงย่อมเกิดแต่เหตุ มีเหตุปัจจัยในอดีตเลยทำให้มีปัจจุบันและดำเนินไปตามธรรมชาติของมันนั้นเอง เราไม่สามารถบังคับหรือทำอะไรได้เลย ความจำในอดีตในหลายๆ เรื่องที่ผุดขึ้นมาก็ทราบได้ว่ามีเหตุจากอดีตเคยพบประสบ มันก็ผุดขึ้นมาเองเราบังคับไม่ให้นึกก็ไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่าเริ่มยอมรับกับเหตุทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง พอคิดๆ นึกๆ ได้ซักพักนึก ก็คิดไปถึงเรื่องที่ อ.นีโม่ บอกตอนเชื่อมระบบให้ ว่าจะทำการเคลียคลื่นสมองส่วนเกินออกไป ตัวเองก็เลยหันกลับมามองบนหัวตัวเองซึ่งตอนแรกยังมึนๆ หนักๆ อยู่ กลับพบว่าอยู่ดีดี สมองก็โล่ง เบาสบายรู้สึกได้ว่าคลื่นสมองของตัวเองสงบ ราบเรียบ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนประหลาดใจมากเลยครับ และรู้สึกได้ว่าขณะนั้นถ้าจะอ่านใจคนอื่นก็คงจะรับรู้ได้ แต่ว่าทำไม่เป็นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะรับรู้ความคิดคนอื่นได้ เลยอ่านความคิดคนอื่นไม่ได้

หลังจากนั้นก็เลยหันกลับมามองตัวเอง มองลึกลงมาข้างในปรากฎว่าเห็นตัวเองนั้น กลวงๆ โบ๋ๆไป คือความมีตัวมีตนของเราลดลงไปกว่าเดิม ความเป็นตัวเรา กายของเราใจของเรามันหายไปไหมเกือบหมด มันยังมีหลงเหลืออยู่แต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มยอมรับความเป็นจริงของสัจธรรมเมื่อนั้นก็จะเห็นสภาวะธรรมนั้นตามความเป็นจริง แล้วก็ไม่ได้เข้าไปยึดหรือไปเกาะเกี่ยวมันมากดังเดิม ก็เกิดความสุขแผ่วเบาโชยขึ้นมาตลอดเวลา มันเป็นความสุขที่ต่างจากที่เคยผ่านมา ถึงแม้จะไม่สุขมากเหมือนความสุขที่ได้จากทางโลก แต่มันเป็นความสุขที่ละเอียดละออกว่า มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากใจที่เห็นความจริงและเริ่มยอมรับความจริงหรือสัจธรรมนั้นเอง สภาวะตอนนั้นเป็นสภาวะที่จิตไม่เข้าไปยึด ไม่เข้าไปหยิบสิ่งที่เกิดขึ้นมาพิจารณา ไม่ลงไปคลุกหรืออยู่กับสภาวะที่เกิดขึ้น แค่ยืนดูมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ผ่านไปแค่นั้นเอง ก็จะเห็นสภาวะนั้นเกิดขึ้นเพราะมีเหตุ หมดเหตุแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านั้นเมื่อเกิดสภาวะใดขึ้นจิตมันจะเข้าไปยึด ไปหยิบ ไปอยู่หรือลงไปคลุกกับสภาวะนั้น เลยทำให้ไม่เห็นความเป็นจริงนั่นเอง

ตัวอย่างเช่นนะครับ เราเห็นคนเดินผ่านมาถ้าคนนั้นเป็นคนหน้าตาดี จิตของเราก็จะทำงานโดยเมื่อเห็นภาพ แล้วก็ตีค่าภาพนั้นออกมาว่าสวยหล่อ แล้วก็ทำงานต่อโดยทำความรู้สึกชอบให้เกิดขึ้น ทำให้คิดต่อไปว่าอืมๆอยากรู้จักคนนั้นจัง แต่ถ้าเกิดว่าเป็นคนหน้าตาไม่ดี จิตเราก็จะตีค่าภาพนั้นออกมาไม่สวยไม่หล่อ แล้วก็ทำความรู้สึกไม่ชอบให้เกิดขึ้น แล้วก็ไม่อยากมองไม่เห็นหน้ามอง แต่ถ้าแย่กว่านั้นก็อาจพาเกลียดขึ้นมาเลยก็ได้ นั่นคืออาการของจิตที่เห็นสภาวะที่เกิดขึ้นแล้วไม่ยอมเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ แต่ดันเข้าไปยึดหรือหยิบสภาวะนั้นขึ้นมานั่นเอง แต่เมื่อมาถึงจุดที่ยอมรับความเป็นจริงได้แล้วไม่เข้าไปแทรกแทรงหรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสภาวะนั้น เห็นสภาวะนั้นเกิดขึ้นมาแล้วดูมันดำเนินไป ก็จะไม่เกิดความทุกข์ขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่ยอมรับความจริงได้ว่า สภาวะหรือสิ่งทั้งหลายนั้นย่อมเกิดจากเหตุ และจะดับไปเมื่อหมดเหตุนั้น ใจก็จะเป็นกลางขึ้นมา ความสุขก็จะเกิดขึ้นกับคนนั้นนั่งเองครับขณะนั้นสติ แจ่มใส ว่องไว จิตมีความนุ่มนวล อ่อนโยน มีความสุข อารมณ์สงบเรียบ ราบรื่น สภาวะภายนอกตัวเรากับสภาวะภายในจิตใจนั้นมีความใกล้เคียงกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมเองเลย ก็รู้สึกประหลาดใจ ต้องขอขอบคุณพี่โยดาที่เป็นคนแนะนำให้ผมได้มาทำการเชื่อมระบบ และที่สำคัญขอขอบคุณอ.นีโม่ที่ทำการเชื่อมระบบให้และได้ทำการสั่งสอนสัจธรรมให้กับผม ทำให้ผมได้มีโอกาสได้รู้ได้เห็น ได้พัฒนาตนเองขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ ขอขอบคุณมากครับ

สุดท้ายนี้ผลบุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้ว ขอบูชาแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพ เทวดาทั้งหลาย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เพื่อนร่วมทุกข์ทั้งปวง ขอให้ท่านทั้งหลายได้รู้ได้เห็นสัจธรรมและเข้าถึงมรรถผลนิพพานในเร็ววันเถิด สาธุ.
หมดและครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาเล่าต่อนะครับ
<!-- / message -->

 

-ขอศึกษาดูก่อนนะครับว่าพอที่จะเรียนได้ไหม

 

แล้วพี่ไปมาหรือป่าวล่ะ ไปมายัง แหม ผมนึกว่าพี่ไม่พลาดนะเรื่องนี้

 

ข้อมูลน่าสนใจค่ะ...
บางครั้งความรู้ในเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้
เมื่อเกิดภาวะวิกฤต...

 

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพปฐมกฐิน สามัคคี หลวงปู่คำเป็ง
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->http://palungjit.org/showthread.php?t=146308

 

บ่อได้ไปเชื่อมกับเขาดอก วิชาที่ฝึกอยู่ยังฝึกได้ไม่หมดเลย ยังฝึกบ่อได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ เกรงว่าจะเหาะได้เลยบ่อกล้าดอก ฮิ ฮิ ฮิ

 

;k07fly_pig

สงสัยคุณ ha801 ต้องเหาะมาโชว์แล้วครับงานนี้ เอิ๊ก เอิ๊ก :z3

 

แหม แบบนี้ผมก็ไม่ต้องกลัวน้ำมันขึ้นราคาแล้วซิ อิอิ

 

ขอประชาสัมพันธ์

เปิดสอน เรื่อง พลังหินบำบัด(ศาสตร์แอตแลนติส)

ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551
ณ อาคารธนาคารกรุงไทย ถนนพระราม 2
เวลา 9.00 น. - 17.00 น. ( 1 วัน)

ผู้สนใจจะได้ศึกษาเรียนรู้ เกี่ยวกับ
-คุณสมบัติของหิน
-การพิจารณาดูหินจริง/ปลอม แตกต่างกันอย่างไร
-หินรักษาโรคได้อย่างไร
-พลังของหินสามารถช่วยอะไรได้บ้าง
-ประสบการณ์จากการใช้หิน

รับจำนวนจำกัดเพียง 50 ที่นั่งเท่านั้น
การเปิดสอนครั้งนี้เป็นการเปิดสอนครั้งแรก
ค่าใช้จ่าย 300.-/คน เหมือนเคยครับ

ผู้สนใจและเปิดจักระแล้วสามารถลงชื่อได้ ตามลิงค์นี้ครับ

 

ถามเรื่องหนังสือหน่อยครับ


หนังสือหมดยังครับ อยากได้

 

ยังมีอยู่ครับผม เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดให้ทาง PM (ข้อความส่วนตัว)
นะครับ แล้วลองเข้าไปเช็คดูครับผม

 

ดันกระทู้ หน่อยนึง

 

แหะๆๆ กลับมาสักที พอดีไม่ค่อยว่างแล้วก็ลืมเลยไม่ได้เข้ามา
แล้วก็มีใครทราบหรือยังครับว่าจะมีการจัดสอนระดับ20.1หน่ะครับ

 

ทราบว่าจะมี แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ แล้วราคาเท่าไหร่

 

ขอความช่วยเหลือ จากท่านผู้รู้ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=148835

 

อยากรู้เกี่ยวกับการจัดสอนนะค่ะ ค่าสอนเท่าไร เรียนที่ไหนค่ะ แล้วหนังสือด้วยค่ะ รบกวนพีเอ็มบอกหน่อยนะค่ะ

 

จัดอาทิต์หน้าครับ ๕วันตั้งแต่วันพุธที่๒๔ถึงวันอาทิตย์ที่๒๘ เวลาบ่ายๆไม่แน่ใจว่าจะเริ่มบ่ายกี่โมง แต่ถ้าตรวจสอบตามเว็บ http://www.huesa.org ก็จะเป็น๕โมงถึงเที่ยงคืน ตามเวลาท้องถิ่นเมืองเมลเบิร์น หรือถ้าเปลี่ยนเวลาด้วยการบวกลบคูณหารให้เป็นเวลาท้องถิ่นประเทศไทยก็จะเป็น ๒โมงถึง๓ทุ่ม
ส่วนค่าใช้จ่ายก็ ๗๐๐ดอลล่าสหรัฐ หรือเงินไทยเทียบด้วย๑ดอลล่าเท่ากับ๓๕บาทโดยประมาณ จะเท่ากับ ๒๕,๐๐๐บาทโดยประมาณ
ส่วนข้อมูลอื่นไปดูได้ที่ http://www.huesa.org/en/node/231 ครับ
งานนี้ยังมีคนติดต่อเรียนไม่มากนักในเมืองไทย ก็ติดต่อมาละกานครับ ผมก้เรียนด้วย อิอิ

 

อยากให้นักศึกษาแพทย์เลิกเรียนแล้วหาอ่านหนังสือนี่จัง
55+ ขำๆนะจ๊ะ