ปิดครับ #สรุปรายการหน้าที่ 27

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Anantsit, 24 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 102
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2024
  2. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เลขพัศดุไปรษณีย์ไทย (EMS)
    romegat = ED 1336 4383 6 TH ขอบพระคุณครับ
     
  3. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เลขพัศดุไปรษณีย์ไทย (EMS)
    subo = ED 3004 3877 5 TH ขอบพระคุณครับ
     
  4. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 103

    P1.JPG

    P1.JPG P2.JPG P3.JPG

    P4.jpg

    ปลัดไม้ "ชุดก้นกุฎิ" หลวงปู่บุญศรี อินทวันโณ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส จังหวัดนครสวรรค์

    #บูชาจากในเพจ FB หลวงปู่บุญศรีโดยตรง ขออนุญาติลงภาพเพื่อประกอบข้อมูลครับ


    = Sold Out

    16/2/2566 EMS : ED 3004 7487 4 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2023
  5. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 104

    P1.JPG

    P1.JPG P2.JPG P3.JPG P4.JPG

    พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า รูปหล่อลอยองค์ เนื้อสัมฤทธิ์
    สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ จังหวัดกาญจนบุรี


    #เนื่องด้วยทาง ท่านพระครูวินัยธร ยุคลธรณ์ ธัมฺมปุตโต และเหล่าศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันดำริสร้าง องค์พระปัจเจกพระพุทธเจ้าขึ้น เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เกิดความคล่องตัว ขจัดอุปสรรคทั้งทางด้านการงานและการเงิน ซึ่งพระสัมปัจเจกพระพุทธเจ้า ที่จะหล่อขึ้นนี้

    เป็นองค์แทนของพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่ได้เคยถือกำเนิดตรัสรู้ขึ้นมาทั้งหมดทั่วทุกอนันตจักรวาล

    ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์ยุคลธรณ์จึงได้ขนานพระนามพระองค์ท่านว่า "องค์พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า" เพื่อที่จะรวบรวมบารมีทางด้านมหาลาภของพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์มารวมไว้ในองค์เดียว และพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ได้กำหนดวันที่จะหล่อขึ้นใน วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ และตั้งชื่อวันนี้ว่าเป็น วันมหาปัจเจกพุทธเจ้า

    ซึ่งในวันนี้ตรงกับวันมาฆบูชาปุรณมี เป็นวันจันทร์ตรีฤกษ์ใหญ่ที่ ๒๕ ปีจะมีซักครั้ง ถือว่าเป็นวันอภิมหาลาภมากๆ

    ผู้ใดที่ได้มาร่วมทำบุญหล่อซึ่ง "พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า" ก็จะสามารถตัดอุปสรรคทั้งด้านการงาน การเงิน อุปสรรคทางด้านปัญหาชีวิต ให้หมดสิ้นไป สังเกตุได้จากในหลายๆพระสูตรที่ได้เคยกล่าวไว้ถึงบุคคลผู้ที่ได้เคยทำบุญกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าแม้เพียงครั้งเดียวก็ ร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เช่น ท่านธนัญชัยเศรษฐี ท่านเมณฑกเศรษฐี ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านโชติกะเศรษฐี ฯลฯ จะเห็นได้ว่าบารมีแห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ธรรมดา แม้ท่านจะร่วมบุญแค่ ๑ บาท ก็ถือได้ว่า ร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี รวยด้วยนิพพานด้วย กันหมดทุกท่านทุกคน

    #พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า ทำพิธีเททองในวันจันทร์ที่ ๒๕ ก.พ. ๕๖ พิธีมหาจันทร์ตรีฤกษ์ (จันทร์ฤกษ์ใหญ่) ๒๐ กว่าปีจึงจะมีฤกษ์นี้ ๑ ครั้ง

    กำหนดการ
    8.00น. พิธีบวงสรวง
    8.30น. สวดคาถาเงินล้าน 108 จบ
    9.49น. เททองหล่อสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์ และหล่อพระสัมปัจเจกพุทธเจ้า หน้าตัก 30 นิ้ว
    11.00น. ถวายอาหารเพล พระภิกษุ สามเณร

    วันจันทร์ที่เรียกว่า “จันทร์ตรีฤกษ์” ต้องประกอบด้วย ๓ จันทร์ จึงจะเรียกว่าวันจันทร์ตรีฤกษ์

    ๑. วันจันทร์
    ๒. วันพระจันทร์เต็มดวง ขึ้น ๑๕ ค้ำ
    ๓. วันเพ็ญ เดือน ๓

    ต้องครบทั้ง ๓ จันทร์ ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์ที่เน้นหนักเกี่ยวกับ ด้านโภคทรัพย์มหาลาภ

    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านจะใช้ฤกษ์นี้พุทธาภิเษกพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใดๆ ก็ตามที่เน้นด้านโชคลาภ

    #วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
    ๑. เพื่อให้เหล่าบรรดาลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำและทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมบุญบารมีความคล่องตัวทางโลกอย่างถึงที่สุด ทั้งทางด้านการงาน, การเงิน, ครอบครัว ขจัดอุปสรรคต่างๆ โดยขออาราธนาบารมีของ “พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นองค์แทนของพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่เคยอุบัติขึ้นมาตั้งแต่องค์แรก ซึ่งมีพระนามว่า “พระวิมัลลปัจเจกพุทธเจ้า” เป็นองค์ต้น

    ๒. เพื่อเป็นการอาราธนาบารมีองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ให้มาสถิตในองค์รูปหล่อจำลองพระองค์ท่านที่ได้จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้

    ๓. เพื่อเป็นการหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้าง “พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า” เพียงเท่านั้น ปัจจัยนอกเหนือจากนี้จะนำไปใช้ในการสร้างถาวรวัตถุในบวรพุทธศาสนาต่อไป

    #ชนวนในการหล่อ “พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า”

    ส่วนองค์พระ

    ๑.มวลสารเดียวกันกับที่ใช้หลอมทำด้าม “ดาบวชิรพรหม” ซึ่งประกอบไปด้วยมวลสารดังต่อไปนี้ ยอดพระปรางค์, ยอดเจดีย์, พระเกศเพลิงโบราณ จากพระพุทธรูปเก่าหลายยุคหลายสมัย, ระฆังสัมฤทธิ์โบราณ, ด้ามมีดเทพศาสตราอ. ชุม ไชยคีรี, เงินพดด้วงทองคำโบราณ, กำไรสัมฤทธิ์โบราณ, ช่อพระกริ่งและแผ่นยันต์จารมือครูบาอาจารย์ต่างๆ, วัชระธิเบต, ตะกรุดยันต์เกราะเพชร, เหล็กยอดเจดีย์องค์พระปฐมเจดีย์ จ. นครปฐม
    ชนวนมวลสารการหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน, เนื้อนวะโลหะ, เนื้อสัมฤทธิ์ ที่พระอาจารย์ท่านได้เคยจัดสร้างขึ้น
    ชนวนมวลสารเหรียญมั่นในธรรม, ชนวนมวลสารหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อนาก, เนื้อสัมฤทธิ์ พิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ วันที่ ๑ ก.ย. ๒๕๕๕
    ชนวนมวลสารหล่อพระชัยเนื้อสัมฤทธิ์ พิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ วันที่ ๑ ก.ย. ๒๕๕๕
    แผ่นทองแดง, แผ่นเงินลงยันต์ต่างๆ จารมือโดยพระอาจารย์ยุคลธรณ์
    และที่พิเศษไปกว่านั้นมีแผ่นทองคำจารมือพร้อมทั้งอธิษฐานจิตโดยหลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน จ. เลย

    ๒. ชนวนสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง ได้รับความเมตตาจากพระครูสมุห์พิชิตมอบให้

    ๓. ชนวนสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก "พระเจ้าบุญล้น" ส่วนพระหัตถ์

    ๔. ชนวนพระเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐม พิธีพุทธาภิเษก “ดาบวชิรพรหม” สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ

    ๕. มวลสารตะกรุดที่ฝังลงไปในสัน “ดาบวชิรพรหม” ซึ่งประกอบไปด้วย
    มวลสารสมเด็จองค์ปฐมเนื้อนากหน้าตัก ๑๐ นิ้ว ของพระอาจารย์ยุคลธรณ์
    มวลสารตะกรุดมหาสะท้อนทองคำ (ตะกรุดเม) ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
    มวลสารตะกรุดยันต์เกราะเพชรทองคำวัดเขาวง จากพระอาจารย์สมบัติ เมธิโก

    ส่วนที่นำมาบรรจุไว้ใต้ฐาน

    ๑. พระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเสด็จมาเอง เคยมีคนมาขอจากพระอาจารย์อยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยหมดไปจากผอบครับ

    ๒. พระธาตุข้าวบิณฑ์ ของหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน

    ๓. เส้นเกศาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
    โดยทั้ง ๓ สิ่งจะใส่ในผอบบรรจุใต้ฐาน

    ๔. ลูกแก้วสมบัติจักรพรรดิ พระอาจารย์ยุคลธรณ์

    ๕. มวลสารที่จะบรรจุไว้ในด้ามดาบวชิรพรหม ซึ่งประกอบไปด้วยมวลสารดังต่อไปนี้

    ชานหมากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ, ธงพิชัยสงครามหลวงพ่อฤาษีลิงดำ, ทรายเสกวัดท่าซุงผงแก่นมะขามโปร่งฟ้า, ผงไม้เสาโบสถ์ วัดหนองบัว, ผงไม้ฟ้าผ่า, ผงเกสรผึ้ง 108, ผงหินฟ้าผ่า
    เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, งากำจัด กำจาย, ผงงามีดหมอหลวงพ่อเดิม
    คลั่งอุดด้ามมีดหมอครูบาอาจารย์ต่างๆ เช่น หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อรุ่ง, อาจารย์ชุม ไชยคีรี, หลวงพ่อกัน, หลวงปู่หมุน
    ผงตะไบดาบฟ้าฟื้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ, ผงตะไบเหล็กสัตตะโลหะ, แท่งผลึกฟ้าผ่าลงกลางทะเลทราย, แท่งผลึกอุกกาบาตจากนอกโลก, ทองคำเปลวลอกจากองค์พระนอนจักรสีห์ จ. สิงห์บุรี, ทองคำเปลวลอกจากลูกนิมิตวัดท่าซุง,ผงพระสมเด็จอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต, แป้งเจิม หลวงปู่เขียน สำนักถ้ำขุนเณร จ. พิจิตร, ผงพระกสินและผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ผงสมเด็จบางขุนพรหม สมเด็จพุฒาจารย์โต

    ผงตะไบชนวนสมเด็จองค์ปฐมองค์แรกของวัดท่าซุง ซึ่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำเป็นผู้เททองด้วยตนเอง

    ๖. ผงยาจินดามณี ที่พระอาจารย์จัดสร้างขึ้นเมื่อ 10 พ.ย. 54 ซึ่งประกอบไปด้วยมวลสารดังนี้

    มวลสารผงยาของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ต. หนองบัว จ. กาญจนบุรี,
    มวลสารผงยาจินดามณีหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม
    พระคำข้าวหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงที่แตกหัก ชำรุด
    พระผงคำข้าวพระอาจารย์ยุคลธรณ์ที่แตกหัก ชำรุดเมื่อครั้งสร้างพิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ
    พระสมเด็จพระครูมูล วัดสุทัศน์ ซึ่งนำพระสมเด็จวัดระฆังและสมเด็จบางขุนพรหม ที่แตกหักมาบดทำเป็นมวลสาร
    ลูกอมหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ. อยุธยา
    มวลสารพระสมเด็จหลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ เกาะพงัน จ. สุราษฎธานี
    ลูกอมหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
    พระหลวงพ่อปานพิมพ์นกฐานเขียง อุดผงเต็ม

    มวลสารต่างๆ ที่กล่าวมานี้เหล่าพุทธศาสนิกชนที่นำไปสักการะบูชานับว่าเป็นศิริมงคลอันยิ่งใหญ่


    = Sold Out

    16/2/2566 EMS : ED 3004 7488 8 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2023
  6. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 105

    P1.JPG

    P1.JPG P2.JPG

    A1.jpg

    เหรียญหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ หลัง สก. รุ่นทูลเกล้า บล็อกกษาปณ์ (บล็อกนิยม)
    หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จังหวัดยโสธร


    = Sold Out

    16/2/2566 EMS : ED 3004 7487 4 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2023
  7. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,904
    ค่าพลัง:
    +6,825
  8. สิริพงษ์

    สิริพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +356
    จองครับ
     
  9. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,904
    ค่าพลัง:
    +6,825
    ขอจองครับ
     
  10. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  11. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  12. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 106

    P1.JPG P2.JPG

    A1.jpg
    A2.jpg
    A3.jpg

    เหรียญพระเจ้าห้าพระองค์ หลังยันต์มงกุฏพระเจ้า ปีพ.ศ.2522

    #เหรียญพระเจ้าห้าพระองค์ หลังยันต์มงกุฏพระเจ้า นิตยสารลานโพธิ์ เพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ 5 ปี เนื้อทองแดง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2522

    #วาระพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก
    วาระที่ : 1 - หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จังหวัดชุมพร อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 2 - หลวงพ่อดำ วัดตุยง จังหวัดปัตตานี อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 3 - พระอาจารย์แอบ วัดปากน้ำ หาดใหญ่ อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 4 - หลวงพ่อขวัญ วัดปากอ่าว จังหวัดสุราษฏร์ธานี อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 5 - พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 6 - พ่อท่านแก่น วัดทุ่งหล่อ อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 7 - หลวงพ่อหงษ์ วัดชลคราม จังหวัดสุราษฏร์ธานี อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 8 - หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ จังหวัดสุราษฏร์ธานี อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 9 - พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อง จังหวัดนครศรีธรรมราช อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 10 - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 11 - หลวงปู่ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 12 - พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    วาระที่ : 13 - พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดเวฬุราชิน ตลาดพลู ธนบุรี เมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ.2522 โดยมีพระเกจอาจารย์ดังนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม, หลวงปู่เส่ง วัดกัลยา, หลวงปู่สาม วัดไตรวิเวก, หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์, หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม, หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง, หลวงพ่อทองดำ วัดถ้ำตะเพียนทอง, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง, หลวงพ่อทองสุข วัดสพานสูง,
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เป็นต้น

    ก่อนจะนำไปหากมีเวลาจะนำไปให้ หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาปิ้ง ปลุกเสกหากติดขัดด้วยเวลาจะนำให้พระคณาจารย์อื่นปลุกเสกแทน

    เครดิตข้อมูล : นิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ ฉบับ ปีพ.ศ.2522


    = Sold Out

    1/4/2566 EMS : ED 4140 7863 8 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2023
  13. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 107

    P1.JPG P2.JPG

    เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน นิตยสารสายสิญจน์ ปีพ.ศ.2528

    #เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร รุ่นนี้สร้างขึ้นโดย นิตยสารสายสิญจน์ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๘

    เพื่อแจกให้แก่ผู้อ่าน โดยสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองเหลืองผสมชนวนแผ่นยันต์มากมาย

    แล้วขอความเมตตาจากพระเถราจารย์จำนวน ๗ รูปอธิษฐานจิตปลุกเสก ดังรายนามต่อไปนี้

    1.พระพุทธวรญาณ วัดกวิศราราม ลพบุรี เมื่อครั้งยังเป็น พระธรรมญาณมุนี

    2.หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

    3.หลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา

    4.หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง

    5.หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง สระบุรี

    6.หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง สระบุรี

    7.หลวงพ่อสนิท วัดพระเชตุพน กทม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2024
  14. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เลขพัศดุไปรษณีย์ไทย (EMS)
    shaj = ED 3004 7487 4 TH ขอบพระคุณครับ
    สิริพงษ์ = ED 3004 7488 8 TH ขอบพระคุณครับ
     
  15. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 108

    P1.JPG P2.JPG

    พระนาคปรกอธิษฐาน เนื้อเกษรผสมผงปฐวีธาตุ
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม

    #พระนาคปรกอธิษฐานสร้างขึ้นเมื่อปี42
    ช่วงนั้นหากใครไปกราบหลวงปู่คำพัน มักจะถามหาปฐวีธาตุของหลวงปู่
    ซึ่งหลวงปู่ได้ให้รับรองเองว่า “กันนิวเคลียร์ได้”
    ผมได้เข้าไปกราบหลวงปู่พร้อมหินกรวดแม่น้ำโขงถุงใหญ่ (4กิโลฯ)
    เพื่อขอเมตตาหลวงปู่อธิษฐานให้เป็นปฐวีธาตุ หลังจากหลวงปู่อธิษฐานเสร็จ ได้ขอปฐวีธาตุกลับมา1กำมือ
    พร้อมเรียนถามหลวงปู่ว่า “ถ้านำปฐวีธาตุไปบดเป็นผงแล้วทำพระยังจะกันนิวเคลียร์ได้อยู่รึเปล่าครับ”
    หลวงปู่ก็ตอบว่า “ได้ แต่ต้องเอามาให้หลวงปู่อธิษฐานซ้ำ”
    หลังจากสนทนากับหลวงปู่ซักพักจึงลาหลวงปู่กลับ
    ตอนกราบลา หลวงปู่ได้ดันถุงใส่ปฐวีธาตุกลับมาพร้อมพูดว่า “จะเอาไปสร้างพระไม่ใช่เหรอ”
    ผมจึง คิดว่าหลวงปู่คงต้องการให้สร้างพระมาถวายจึงได้นำปฐวีธาตุถุงใหญ่กลับมาทำพระ
    ซึ่งตอนนั้นผมเป็นเพียงนักศึกษามหาลัยปี 1
    และแทบไม่มีความรู้เรื่องการสร้าพระเลย
    หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในวงการสร้างพระคือ
    คุณอำพล เจน ที่เป็นธุระในการเขียนยันต์ข้างหลังองค์พระซึ่งเป็นพุทธคาถาในพุทธทำนาย
    คุณเนาว์ นรญาณที่เป็นธุระในการทำแม่พิมพ์พระฯ
    และคุณรณธรรม ธาราพันธุ์ ที่ให้คำปรึกษาพร้อมวลสารในการสร้างพระ ฯลฯ
    หลังจากสถาปนาเป็นองค์พระแล้วซึ่งแบ่งเป็นเนื้อโรงงาน 5,000 องค์
    เนื้อเกสรซึ่งกดมือกันเองอีกหลายพันองค์ (จำจำนวนที่แน่นอนไม่ได้ซึ่งน่าจะราว5000องค์)
    ได้ไปถวายหลวงปู่เพื่ออธิษฐานหลังวันเข้าพรรษาปี42 หนึ่งวัน
    เมื่อไปถวายหลวงปู่ได้สั่งให้เก็บไว้ก่อนท่านยังไม่อธิษฐานเดี๋ยวนั้น
    และพระได้อยู่กับท่านจนออกพรรษาได้ราว5วันจึงได้ไปถวายพระนาคปรกเนื้อเกสรอีกราว5,000 องค์ที่กดกันเองในพรรษา
    (พระที่กดในพรรษาจะบรรจุทรายคำไว้ที่ด้านหลังองค์พระทุกองค์)
    โดยหลวงปู่ได้เก็บพระที่ถวายไว้ในช่วงเข้าพรรษาทั้งหมด(พระชุดแรก)ไว้ที่หัวนอนท่านตลอดพรรษา
    และระหว่างสนทนาได้เล่าถวายให้ท่านฟังถึงการทำพระที่กดมือกันเองออกมาไม่สวย
    ท่านก็เมตตาให้กำลังใจว่า “ไม่เป็นไรอย่างพระสมเด็จวัดระฆังก็กดมือเหมือนกัน”
    และทราบว่าพระชุดนี้หลวงปู่มิได้จำหน่ายจ่ายแจก จนผ่านไปหลายปีจึงได้ยินว่าคุณเง็กได้รับแจกมา

    #พระปรกอธิษฐาน เป็นนามที่คุณเง็ก บางลำภู
    ได้เรียกพระนาคปรกหลังใบโพธิ์ของหลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย
    เมื่อไปถามคุณเง็ก ถึงที่มาของชื่อจึงทราบว่า
    มีคราวหนึ่งเพื่อนคุณเง็กซึ่งรู้จักกับหลวงปู่คำพันเป็นอย่างดี
    ได้ฝากปัจจัยไปถวายหลวงปู่ เมื่อคราวที่คุณเง็กได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัด
    พร้อมกำชับให้กราบเรียนหลวงปู่ด้วยว่า เขาขอพระหลวงปู่เป็นที่ระลึกด้วย
    หลังจากคุณเง็กได้กราบเรียนหลวงปู่แล้ว
    หลวงปู่จึงหยิบพระนาคปรกหลังใบโพธิ์ขึ้นมาแจกทุกคนคนละ1องค์และได้ฝากไปให้เพื่อนคุณเง็กด้วย
    โดยหลวงปู่ได้กล่าวว่า “อยากได้อะไรให้อธิษฐานเอา”
    ตั้งแต่นั้นมาที่พันทิพย์งามวงศ์วานก็เรียกพระรุ่นนี้ว่า พระปรกอธิษฐาน
    ซึ่งคุณเง็กเล่าว่าปรกติเวลาหลวงปู่แจกพระให้คุณเง็ก
    ท่านจะแจกเป็นกำแต่กับพระรุ่นนี้ท่านให้แค่คนละ1องค์เท่านั้น
    เป็นประกอบกับคำกล่าวของหลวงปู่คำพันที่ว่า
    อยากได้อะไรให้อธิษฐานเอา
    จึงเป็นเหตุให้คุณเง็กซึ่งเป็นเซียนใหญ่พระหลวงปู่คำพัน
    ได้เริ่มกว้านเก็บพระปรกอธิษฐานตั้งแต่นั้นเป็นตนมา
    คุณเง็กเล่าต่อว่าพระหลวงปู่คำพันที่คุณเง็ก มีประสบการณ์มี2อย่าง
    คือพระพุทธปฐวีธาตุและพระปรกอธิษฐาน


    #หากจะกล่าวถึงการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว หลายท่านคงจะทราบว่ามีอยู่หลายอย่าง และหลายแบบตามแต่ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน จะมีวิธีและวิชาอันแก่กล้าที่สามารถเสกหรือทำของต่างๆ ให้มีความขลัง

    ด้วยบทพระเวทย์ วิทยาคม อันแก่กล้า หรือด้วย จิต กฤตยา หรือบุญฤทธิ์ อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้สิ่งของนั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครอง ให้คุณแก่ผู้ที่ศรัทธานับถือ นำไปติดตัวไว้ใช้แล้วบังเกิดสิ่งอัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ ที่วิทยาศาสตร์อันทันสมัยในปัจจุบัน ไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุผลออกมาได้

    ผู้ที่มีความนับถือ ศรัทธาต่อองค์ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของแห่งธาตุวิเศษ สิ่งเหล่านี้ ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "ปัจจัตตัง" คือ สิ่งเฉพาะตน

    "ปฐวีธาตุ พระเพชรแห่งแม่น้ำโขง" ปฐวีธาตุของ เจ้าคุณสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนมนี้ มีความเป็นมา ครั้งตั้งแต่ท่านยังเป็นเพียงพระภิกษุธรรมดาของชาวบ้านตำบลมหาชัย จ.นครพนม
    แต่ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีดีอยู่ในองค์ท่าน จากการปฏิบัติธรรม ฝึกจิต ตามแนวทางกรรมฐาน พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล บูรพาจารย์ใหญ่ของสำนักกรรมฐานในยุคนั้น และวิชาสายพระเวทย์ของ ปะขาวครุฑ ซึ่งเป็นสายวิชาของ สมเด็จลุน แห่งนครจำปาสัก ผู้โด่งดังสองคาบฝั่งโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ในช่วงแรกนั้น ทหารและตำรวจในพื้นที่ ต่างทราบถึงกิตติคุณท่านดีว่า เป็นพระดี มีวิชา จากปากคำของชาวบ้าน ปากต่อปาก ทำให้ทหารและตำรวจเข้าหาท่าน และจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ ขอของดี แต่ท่านปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่า ท่านเป็นเพียงพระธรรมดารูปหนึ่ง ไม่มีอะไรจะให้ได้ นอกจากพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เมื่อได้ฟังดังนั้น ทั้งกลุ่มทหารและตำรวจ จึงลาท่านกลับไป แต่ด้วยกิตติคุณและบารมีธรรมของท่าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร และข้าราชการหลายกลุ่มยังเดินทางมาพบท่าน และก็เช่นเคย คือ ขอของดีจากท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล และคุ้มครอง เพราะในสมัยนั้น (ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๐) บ้านเมืองยังคงเต็มไปด้วย โจร ผู้ร้าย สัตว์ป่านานาชนิด และฝ่ายที่มีอุดมการณ์ที่แตกต่างจากรัฐบาลไทย ซึ่งทำให้การทำงานของข้าราชการฝ่ายต่างๆ มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตสูง เมื่อความศรัทธาที่มีต่อท่านมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ ปฐวีธาตุพระเพชร แห่งแม่น้ำโขง

    ศรัทธาของผู้ที่มาพบท่าน และต้องการขอของดีไว้คุ้มครองตัว เมื่อมีมากขึ้น ท่านจึงเอ่ยปากจะทำของดีให้ โดยให้ชาวบ้านและเหล่าทหารที่มาพบ ไปช่วยกันนำ หิน ที่อยู่ในแม่น้ำโขงขึ้นมา ซึ่งมีอยู่หลากหลายวรรณะ สีสันแตกต่างกันออกไป หลายลักษณะ สุดแต่ผู้ใดจะเก็บมาได้แบบไหน เมื่อได้จำนวนมากพอสมควรแล้ว ท่านจึงให้นำออกมากองรวมกันแล้ว เสกตามสายวิชาที่ท่านได้เรียนมา
    หลวงปู่คำพันธ์ ได้แจก หินเสก ให้ลูกศิษย์ ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อเกิดประสบการณ์ จากเรื่องประสบอุบัติเหตุ ที่ผู้ประสบเหตุการณ์นั้นรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์สารพัดเรื่องราว ทำให้ปฐวีธาตุ และชื่อเสียงของหลวงปู่คำพันธ์ ยิ่งขจรขจายกว้างขวางยิ่งขึ้น

    จากการบอกกล่าวของผู้รู้ทางด้านวัตถุมงคลของ หลวงปู่คำพันธ์ ให้ข้อมูลว่า การเสก ทำของ หรือการเล่นแร่แปรธาตุ จากหินแม่น้ำธรรมดาๆ นั้น ให้เป็นของมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว หลวงปู่จะเสกด้วยจิตอันแก่กล้า และพระเวทที่ใช้เสกปฐวีธาตุนั้น คือ มนต์คาถาชินบัญชร เฉกเช่นเดียวกันกับ ปฐวีธาตุ ของ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ท่านบอกกล่าวกับศิษย์ว่า หลวงปู่ตั้งให้ไว้เป็นองค์พระ เป็นของวิเศษ ที่จะคุ้มครองคุ้มภัยกับผู้ที่มีไว้บูชา ให้หมั่นอาราธนาและสวดพระคาถาชินบัญชรอยู่เป็นนิตย์ ผู้ที่ปฏิบัติดี จะสามารถสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์ปฐวีธาตุได้ง่าย
    ทั้งนี้หลวงปู่คำพันธ์ท่านได้ให้ชื่อปฐวีธาตุของท่านว่า "พระเพชร" เพราะเสกหนุนธาตุต่างๆ ให้เป็นองค์พระ และธาตุปฐวี คือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกว่า "พระเพชร" อันเป็นที่มาแห่งปฐวีธาตุเพชรธาตุแห่งแม่น้ำโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ และ ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต มีความเหมือนกันหลายอย่าง คือ หลวงปู่คำพันธ์เสกและตั้งเป็นองค์พระ ท่านเรียก "พระเพชร" ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ท่านก็เสกและตั้งเป็นองค์พระเช่นเดียวกัน ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ เรียกปฐวีธาตุของท่านว่า "พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ"

    ความสำคัญที่คล้ายคลึงกันของปฐวีธาตุทั้งสององค์ท่านอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ พุทธมนต์ และพระคาถา ที่ใช้ในการอธิษฐานจิตลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน ใช้"พระคาถาชินบัญชร" เป็นตัวบทกำกับในการตั้งเป็นองค์พระลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน
    ส่วนความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณของปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์แห่งวัดธาตุมหาชัย ท่านกล่าวกับลูกศิษย์ว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุที่เย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยที่เกิดจากรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้
    ในขณะที่ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์นั้น เมื่อท่านได้อธิษฐานจิตเสร็จ ท่านได้มอบให้ลูกศิษย์ไว้ แล้วท่านได้กล่าวกับศิษย์ว่า พระแม่ธรณีนี้วิเศษนักหนา ท่านได้อธิษฐานให้เป็นของวิเศษ ให้เป็นพระแม่ธรณี เพราะพระแม่ธรณีมีคุณอันอเนกอนันต์ เปรียบดังคุณแห่งมารดา ที่รักลูกจนหาที่สุดมิได้
    ท่านกล่าวกับศิษย์ว่า รักษาไว้ให้ดี กันฟ้า กันไฟ ได้นะ กันรังสีของนิวเคลียร์ได้ด้วย ซึ่งปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์มีจำนวนน้อยมาก เพราะท่านทำไว้ก่อนท่านจะมรณภาพเพียงไม่นาน คือ ช่วงวาระสุดท้ายของสังขารท่าน
    ฉะนั้น กรณีที่มีหลายคนมีหินแล้วบอกว่าเป็นปฐวีธาตุของเจ้าคุณนรรัตน์ ขอให้ท่านใช้สติ และปัญญาแห่งชาวพุทธ พิจารณาที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ด้วย
    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์นั้น ยังพอที่จะหาได้จากผู้รู้จริง แต่ควรจะเป็นการมอบให้กัน โดยไม่มีราคาค่างวด เหตุเพราะเป็นหินนั่นเอง ลักษณะและการพิจารณา ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เสกหรือไม่เสก แท้หรือไม่แท้ แตกต่างจากพระเครื่องอย่างสิ้นเชิง
    ให้ท่านคิดดูว่า พระเครื่องที่ดูแล้วสามารถบอกได้ว่าชนิดไหน สำนักใดผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังโดนของเก๊ เลียนแบบ

    ส่วนหินแม่น้ำนั้น สามารถหยิบหาที่ไหนมาก็ได้ แล้วบอกว่า เป็นปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ นำมาตั้งราคาค่างวดซื้อขายกัน โดยมิได้ทำบุญเช่าหามาจากวัด นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีศรัทธา แต่ไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณาแบบชาวพุทธแท้จริง ท่านอาจจะแขวนกรวดงาน หรือหินตู้ปลาที่ไหนก็ได้ นับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง
    สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคณะศิษย์ธาตุมหาชัย ที่เอื้อเฟื้อภาพ และข้อมูล ซึ่งเป็นผู้จัดทำหนังสือ "สัมผัสแห่งอริยะ" ซึ่งถือเป็นหนังสือที่รวบรวมทุกเรื่องราวของ หลวงปู่คำพันธ์ ได้อย่างสมบูรณ์เล่มหนึ่ง


    แต่เพราะ"พระเพชร"หรือ"ปฐวีธาตุ"นั้น หากจะว่ากันโดยกายภาพภายนอกแล้ว ก็คือ"ก้อนกรวด"เราดีๆนี่เอง
    ไม่อาจ"ตอกโค้ด"หรือ"รันนิ่งนัมเบอร์"แยกของเสกกับไม่เสกได้
    ต้องได้มาจาก"แหล่งที่เชื่อถือได้"เพียงสถานเดียวเท่านั้น จึงจะวางใจได้ว่า ไม่ได้เอากรวดตู้ปลา หรือกรวดก่อสร้างเปล่าๆมาห้อยให้หนักคอ หนักใจแท้ทีเดียว

    ด้วยเหตุนี้ จึงคณะศิษย์ของหลวงปู่คำพันธ์ จึงได้นำปฐวีธาตุมาสร้างเป็นองค์"พระเครื่องพระบูชา"เป็นหลายรุ่นหลายแบบด้วยกัน เพื่อตัดปัญหาดังกล่าวให้สิ้นไปโดยปริยาย อันเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด น่าอนุโมทนาสาธุการด้วยเป็นอย่างยิ่ง
    หนึ่งใน"พระผงพระเพชร"ของหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัยที่หลวงปู่ท่านสั่งให้สร้างไว้ด้วยองค์เอง ซึ่ง"พุทธวงศ์"รู้เห็น,ช่วยเหลือในการจัดหาแม่พิมพ์มาตั้งแต่ต้น ที่ใคร่จะขอบันทึกไว้เป็นหลักฐานสืบไปก็คือ"พระนาคปรกอธิษฐาน" ที่หลวงปู่คำพันธ์"รัก"และ"แจกยาก"ที่สุดชุดหนึ่งเลยนั่นเทียว..!!?!

    แต่ก่อนที่จะเล่าล้วงลูกลึกไปถึงปฐมเหตุแห่งการจัดสร้างอันมีที่มาที่ไปค่อนข้างจะผิดแผกจากปกติภาพทั่วไป ก็ใคร่ขอพูดถึงเรื่องของพระนาม"พระนาคปรกอธิษฐาน"ชุดนี้ก่อนสักเล็กน้อย
    แต่แรกสร้าง ก็ไม่ตั้งชื่อวิจิตรพิศดารอะไร นอกจากจะเรียกหาตามรูปลักษณ์อย่างเรียบง่ายที่สุดแต่เพียงว่า "พระนาคปรกใบโพธิ์" เท่านั้น
    จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณ"เง็ก บางลำพู" เซียนพระสายเจ้าคุณนรรัตน์ฯและหลวงปู่คำพันธ์รุ่นแรกๆ ซึ่งนับถือหลวงปู่คำพันธ์เป็นชีวิตจิตใจอย่างยิ่ง ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปกราบหลวงปู่ถึงวัดธาตมหาชัย อันเป็นกิจวัตรที่คุณเง็กได้กระทำมาโดยตลอด แทบไม่มีการว่างเว้นเลยแม้สักเดือนเดียว
    ในฐานที่เป็นศิษย์เก่าแก่ที่เคารพนับถือกันมานาน หลวงปู่คำพันธ์มักจะหยิบพระเครื่องรางให้คุณเง็ก บางลำพูทีละ"เป็นกำเป็นหอบ"เป็นของฝากจากนครพนมไปแจกจ่ายคนที่กรุงเทพอยู่เสมอๆ
    แต่มาคราวนี้ การกลับไม่เหมือนเดิมอย่างน่าประหลาดใจ
    เพราะหลวงปู่คำพันธ์ หยิบ"พระนาคปรกใบโพธิ์"ให้คุณเง็กเพียง"องค์เดียว"เท่านั้น..!!!!
    ไม่มีองค์ที่สองที่สามที่สี่ หรือองค์ที่สิบยี่สิบเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว..!?!?
    ยิ่งไปกว่านี้ หลวงปู่คำพันธ์ยังสั่งกำชับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วยว่า
    "ปรารถนาอยากได้อะไร ลองอธิษฐานดูได้น๊ะ..!!??"

    ด้วยเหตุแห่งคำสั่งของหลวงปู่คำพันธ์ดังกล่าวข้างต้น "พระนาคปรกใบโพธิ์" จึงมีอันได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อที่ไพเราะและแฝงไว้ด้วยความนัยที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งในพระนาม"พระนาคปรกอธิษฐาน"ด้วยประการฉะนี้ฯ

    สำหรับปฐมเหตุแห่งการอุบัติแห่ง"พระนาคปรกอธิษฐาน"รุ่นนี้ เกิดจาก"บอล" เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นปี 1 (ประมาณปี 2541)ซึ่งสนใจศรัทธาพระสายกรรมฐานเป็นพิเศษได้ให้เพื่อนไปหา"กรวดแม่น้ำโขง"ถุงใหญ่ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัมให้ถวายให้หลวงปู่คำพันธ์เสกเพื่อเอาไว้"กันนิวเคลียร์"ตามกระแสนิยมในยุคนั้นที่สถานการณ์บ้านเมืองและโลกค่อนข้างที่จะร้ายแรง เสี่ยงที่จะเกิดสงครามใหญ่มิใช่น้อย โดยเมื่อเสกเสร็จ "บอล"ก็กราบเรียนถามหลวงปู่คำพันธ์ทีเดียวว่า
    "หลวงปู่ครับ ถ้าเอาปฐวีธาตุนี้ไปบดสร้างเป็นองค์พระแล้ว จะกันนิวเคลียร์ได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ..???"
    หลวงปู่คำพันธ์ตอบทันทีว่า
    "ได้..!!!!"
    แต่...
    "ต้องเอามาให้หลวงปู่ปลุกเสกอีกทีหนึ่งน๊ะ..!!!!"

    และภายหลังจากที่ได้สนทนาธรรมกับท่านจนพอสมควรแก่กาลเวลาอย่างยิ่งแล้ว ก่อนที่จะลาหลวงปู่คำพันธ์กลับ "บอล"ก็ล้วงเอาปฐวีธาตุออกจากถุงมากำมือหนึ่งด้วยหมายใจจะนำไปแจกจ่ายเพื่อนสนิทมิตรสหายเป็นการส่วนตัว พร้อมกราบเรียนท่านว่า
    "ปฐวีธาตุส่วนที่เหลือ ผมขอถวายหลวงปู่นะขอรับ..."
    ในทันใด สิ่งที่ไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้นเมื่อหลวงปู่คำพันธ์ผลักถุงปฐวีธาตุทั้งหมดนั้นออกมา พร้อมกับออกปากทีเดียวว่า
    "เอ้า..เอาไป จะเอาไปสร้างพระมิใช่หรือ..??!!??"
    และนี้เอง ก็คือปฐมเหตุแห่งการสถาปนา"พระนาคปรกอธิษฐาน" ซึ่งตามรูปแบบภายนอกทั่วไปแล้ว ไม่น่าจะมีความสลักสำคัญอันใด ด้วยเป็นเพียง "พระเครื่องเด็กสร้าง" เท่านั้น...
    แต่ไปๆมาๆ "พระนาคปรกอธิษฐาน"กลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งในพระเครื่องดีที่หลวงปู่คำพันธ์"รัก"และ"โปรดปรานสงวนรักษา"มากที่สุดชุดหนึ่งในกาลต่อมาอย่างเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง
    เพราะหากไม่นับ"ศิษย์ต้น"ที่ตามปกติ หลวงปู่จะเทย่ามแจกพระให้ทีละเป็นกำเป็นหอบเป็นปกติอย่าง"เง็ก บางลำพู" แต่ท่านกลับให้เพียงองค์เดียวอย่างน่าฉงนอย่างที่กล่าวไว้แต่เบื้องต้นแล้ว ที่สุด แม้แต่"นายทหารชั้นผู้ใหญ่" บรรดาศักดิ์สูงท่านหนึ่งไปกราบท่าน แทนที่จะให้พระเหรียญพระกริ่งพระบูชาราคาสูงๆมาแจกให้สมกับศักดิ์ศรีทหารใหญ่อย่างที่น่าจะเป็น
    แต่คราวนั้น หลวงปู่คำพันธ์กลับเลือกหยิบ"พระนาคปรกอธิษฐาน"นี้ให้ทหารไทยใจหาญเพียง"โดดๆ"องค์เดียว..!!!???
    ไม่มีองค์ที่สองที่สามที่สี่นอกเหนือจากนี้เป็นอันเด็ดขาด
    และแม้แต่"ศิษย์ใกล้ชิด"คนอื่นๆ หลวงปู่ท่านก็มิได้แจกพร่ำเพรื่อแต่อย่างใดทั้งสิ้น
    แต่ท่านจะเลือกให้เฉพาะผู้ที่"นับถือกันจริง"แต่เพียง"สถานเดียว"และเพียง"องค์เดียว"เท่านั้น
    "สงวนรักษา"อย่างยิ่งถึงขนาดนี้จริงๆ......

    และภายหลังจากที่ได้รับคำประกาศิตจากหลวงปู่คำพันธ์มาเช่นนั้น "บอล"จึงได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาในการสร้างกับ"พุทธวงศ์" ซึ่งเคยได้กราบไหว้ใกล้ชิดท่านมาบ้าง ทำให้รู้ถึงความเป็น"พระดีพระเก่ง"อย่างครบเครื่องแห่งท่าน จึงยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มใจพร้อมกับได้จินตนาการดำริเสนอไอเดียไปว่า
    "อันหลวงปู่คำพันธ์นี้ ทราบมาว่าท่านมีความเกี่ยวข้องกับพญานาคอย่างยิ่ง (บางท่านว่า ท่านเคยเป็นพญานาคผู้มีศักดิ์ใหญ่และมีฤทธิ์มากมาแต่ชาติปางก่อน) แม้ปฐวีธาตุในสายของท่าน ก็เกี่ยวข้องกับพญานาคอยู่ด้วย จึงเห็นควรที่จะสร้างเป็นพิมพ์นาคปรก เห็นถ้าจะเหมาะจะควรที่สุดเป็นแน่..."

    และยังทราบความเพิ่มเติมมาอีกด้วยว่า พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ยังได้เคยกล่าวพยากรณ์เรื่องราวบางประการไว้กับผู้ใกล้ชิดเมื่อครั้งกระนั้น แต่มีเนื้อความที่มาสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่คำพันธ์อย่างพอดีน่าอัศจรรย์ยิ่งอีกด้วยว่า
    "พระรูปเหมือนใบโพธิ์อันโด่งดังของท่านนั้น ต่อไปจะมีพระเกจิคณาจารย์สร้างตามแบบอย่างกันมากมาย แต่จะไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่า ยกเว้นจะมีพระทางภาคอีสานองค์หนึ่ง และพระองค์นั้นจะต้องเสกปฐวีธาตุได้ด้วยฯ"
    ด้วยเหตุดังกล่าวแม้นี้ พระนาคปรกที่จะทำ ก็ควรที่จะสร้างเป็นพิมพ์"ใบโพธิ์"ด้วย จึงจะสอดคล้องต้องกับคำพยากรณ์ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯเมื่อครั้งกระนั้นไม่ผิดคำอย่างแท้ทีเดียว......

    อาจเป็นเพราะได้กระทำการอันคล้อยตามกับ"มติสวรรค์" ตามสุภาษิตจีนบทหนึ่งที่ว่า "คล้อยฟ้าดินรุ่ง ขืนฟ้าดินดับ"เช่นนี้ ผลลัพท์จึงออกมา"เกินควรเกินค่า"กับความที่เป็น"พระเด็กสร้าง" จนที่สุด ได้กลายเป็นของดีที่พระอริยสงฆ์ระดับหลวงปู่คำพันธ์"เมตตาโปรดปราน"และสงวนเก็บรักษาหวงแหนใส่ใจเป็นกรณีพิเศษตราบจนมรณภาพ ละม้ายแม้นกับกรณีของ"เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม" ที่ก่อน" นิพพาน"ไม่เท่าไร หลวงปู่สิมก็ยังปรารภถึงด้วยความพึงใจอยู่ แทบไม่มีข้อแตกต่างกันเลยแม้เพียงนิดเดียว....

    อนึ่ง ยิ่งหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ยังได้เคยกล่าวชมเชยหลวงปู่คำพันธ์กับคุณสุธันย์ สุนทรเสวี นักสร้างพระมือดีแห่งสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงครามมาแต่ครั้งกระโน้นอีกด้วยว่า "หลวงปู่คำพันธ์ที่นครพนมนั้น เก่งเรื่องธาตุน๊ะ"ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการันตีรับรองความ"เก่งแท้แน่จริง" แห่งหลวงปู่คำพันธ์ให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อย่างสิ้นสงสัย
    เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ย่อมเป็นการที่ยากยิ่งนักที่หลวงปู่สิมจักกล่าวยกย่องสรรเสริญหรือชมเชยผู้ใดหรือพระไหนได้ง่ายๆ หากไม่"สุดยอด"อย่างแท้จริง จริงๆ
    แต่หากลองได้"ออกปาก"รับรองแม้เพียงคำครึ่งคำ ประโยคครึ่งประโยคแล้วไซร้ ก็ไม่มีใดต้องสงสัยตลอดชั่วกัปกัลป์เลยนั่นเทียว....
    ซึ่งก็ทำให้"พุทธวงศ์"พลอยได้ซึมซาบและติดอุปนิสัย"เอาแต่ของดีจริงถึงดีที่สุดเพียงสถานเดียว"ของหลวงปู่สิมมาอย่างสนิทจนแก้ไม่ออก ลบไม่หายตราบเท่าถึงวินาทีนี้ด้วยเช่นกัน


    แต่แม้กระนั้น ก็ไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนเลยว่า ในกาลต่อมา จะได้มีวาสนามีส่วนในการสร้าง"พระนาคปรกอธิษฐาน" ในรูปแบบและเนื้อหาที่"ลงตัว"ด้วยเหตุทุกสถาน อันเป็นการสืบสานคำพยากรณ์"เจ้าคุณนรรัตน์" ผนวกกับคำการันตีจาก"หลวงปู่สิม" กับรุ่นน้องร่วมอุดมการณ์ถวายหลวงปู่คำพันธ์อย่างถึงที่สุดเห็นปานนี้ได้....
    "นึกไม่ถึง"มาก่อนเลยจริงๆ............

    และต่อไปนี้ คือ"ลำดับผลการดำเนินงาน"แห่ง "พระนาคปรกอธิษฐาน" ของ"บอล" ที่ได้ทำรายงานมานำเสนอ จึงขอนำมาโพสต์ไว้เป็นจดหมายเหตุหลักฐานสืบไปเมื่อหน้าต่อไปเลยทีเดียว...
    "....ต่อไปนี้ เป็นการโม้ส่วนตัว สำหรับพระ Perfect ชุดนี้ ซึ่งมีองค์ประกอบที่ทำให้พระชุดนี้ Perfect ก็คือ
    1.เป็นรุ่นที่หลวงปู่คำพันธ์เมตตาสั่งให้ทำเอง
    2.เป็นรุ่นที่ใช้ปฐวีธาตุผสมมากสุดๆ (ปฐวีธาตุเกือบ 4 กิโลกรัม(4,000 กรัม)ต่อพระขนาดปลายนิ้วก้อยเพียง 5,000 องค์)
    3.เป็นรุ่นที่รวมพลังกันนิวเคลียร์ไว้ถึง 3 ประการ คือ
    3.1 , ปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์
    3.2 , พระหลวงปู่ทวด พิธีเปิดโลกชำรุดถึง 20 องค์(บดใส่เฉพาะพระนาคปรกอธิษฐานเนื้อดำ)
    3.3 , ด้านหลังประจุยันต์พุทธคาถาจากพุทธทำนายของหลวงปู่คำพันธ์เอง
    4. เป็นรุ่นที่ใช้เนื้อพิเศษมากๆ โดยเฉพาะชุดเนื้อดำ ได้ผสมพระสมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง(มีผงเก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เจ้าตำรับชินบัญชรคาถาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) อยู่เป็นอันมาก
    5.เจตนาการสร้างบริสุทธิ์ เพื่อแจกเท่านั้น ทั้งยังได้แยกบล็อคออกจากกันมิให้ทำซ้ำได้อีก โดยบล็อคด้านหลังได้นำถวายให้หลวงปู่คำพันธ์ท่านเก็บรักษาไว้ด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
    6.องค์เสกเป็นผู้ทรงทั้งวิชาและวิมุติ แถมยังเก่งเรื่องธาตุเป็นพิเศษ การทำให้พลังจากผงปฐวีธาตุที่บดสร้างกระจายไปทั่วและโดดเด่นออกมาได้ จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ยิ่งท่านมีเวลาเสกนานถึง 3 เดือน จึงไม่ต้องบรรยาย
    7.เป็นรุ่นที่หลวงปู่ท่านเมตตาสั่งเองให้เก็บไว้กับท่าน 1 ไตรมาสก่อน
    8.สำหรับเนื้อที่กดกันเอง(สีดำ) ใช้น้ำมนต์หลวงตามหาบัวเพียวๆในการนวดเนื้อ
    9. ฯลฯ

    สำหรับ Ball จึงถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสุดๆที่ทำมา สำหรับ Ball เองไม่ได้รู้จักหลวงปู่คำพันธ์เป็นการส่วนตัว แม้ปัจจุบัน(พ.ศ. 2542) ท่านก็ยังจำหน้า Ball ไม่ได้เลย นับเป็นโชคอย่างยิ่งที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านเมตตาให้ได้ทำบุญใหญ่เช่นนี้
    และต้องขอขอบพระคุณพี่เนาว์ที่เมตตาเป็นธุระในการดำเนินงานหลายอย่าง รวมถึงร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย ขออนุโมทนาครับ......."

    หมายเหตุ , มีผู้ฝึกสมาธิท่านหนึ่ง ซึ่งคุ้นเคยกันมานานได้ลองตรวจพุทธคุณของพระนาคปรกอธิษฐานรุ่นนี้ดู ปรากฏผลเป็นที่น่าสนใจมาก จึงเห็นควรนำมาเสนอเพื่อเป็นเครื่องเจริญศรัทธาแก่ผู้ที่มีวาสนาได้ไว้สักการะบูชาสืบไป.....
    "พระนาคปรกอธิษฐานนี้ สัมผัสครั้งแรก จะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความร้อนฝ่ายอิทธิฤทธิ์แผ่ซ่านออกมาก่อนเลย แต่พอยิ่งเข้าสมาธิลึกเข้าๆ ก็จะปรากฏกระแสเย็นปรากฏขึ้นมาแทน จึงอาจที่จะกล่าวได้ว่า พระองค์นี้ ถึงพร้อมด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญญฤทธิ์ครบถ้วน...!!!!"
    "และในนิมิต ยังพบด้วยว่า ในพระนาคปรกอธิษฐานองค์นี้ จะได้มีพญานาคเพียงตัวเดียวหรือจำพวกเดียวก็หามิได้ แต่มีพญานาคหลายจำพวกด้วยกันเข้ามาอยู่รวมกันเต็มไปหมด เท่าที่เห็นก็มีพญานาคสีทอง,สีเขียว,สีนิล,สีน้ำเงิน เลื้อยเข้ามาพันไปหมดทั้งตัว พลังนี้ซ่านขึ้นหัวไปเลย...!!!"

    "นอกจากนี้ ยังเห็นกระแสพลังใสสว่างอย่างไม่มีประมาณ 2 สายวิ่งเข้ามาเชื่อมถึงกัน ก่อนจะม้วนตัวเวียนขวาเป็นทักษิณาวัตร แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นดวงใสสว่าง และพลังแห่งพุทธะก็ได้แสดงออกมาในรูปของพระพุทธรูปแก้วใสผุดขึ้นมาจากดวงใสนั้นอีกทีหนึ่ง...

    ได้ทราบมาว่า "ปฐวีธาตุ"ปกติเพียงหนึ่ง จะมี"พญานาค"ประจำอยู่แบบ"1 By 1" ก็ยังมีอิทธานุภาพใหญ่ยิ่งดังกล่าวข้างต้นเห็นปานนี้
    ก็แล้ว"พระนาคปรกอธิษฐาน" ซึ่งตรวจพบว่า ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่มีพญานาคอยู่ถึง 4 ตระกูลใหญ่ จำนวนนับไม่ได้ปรากฏอยู่ภายในดังกล่าวข้างต้น จะทรงกฤษฏาภินิหารสักเพียงไหน คงไม่จำต้องอธิบาย
    นี้จึงเป็นการเฉลยความลับสวรรค์ที่หลายๆคนหลายๆท่านข้องใจสงสัยกันมานานว่า ทำไมหลวงปู่คำพันธ์จึง"สงวนรักษา"ในพระนาคปรกอธิษฐานที่ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงพระ"เด็กสร้าง"ชุดนี้อย่างผิดปกติธรรมดา ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยนำมาแจกเป็นของขวัญในงานรับปริญญาเป็นกำๆยังกับของโหลของสนามนับเป็นร้อยๆ ทำเอา"นายพล"ท่านหนึ่ง เมื่อได้มาเห็นเข้าถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด เพราะขนาดตัวท่านเองเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หลวงปู่คำพันธ์ยังให้มาแค่"องค์เดียว"เท่านั้นเห็นเพียงนี้ได้.....

    "พญานาค" เป็นราชาแห่งงู จัดเป็นสัตว์ในวรรณคดีด้วย และไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
    1.ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
    2.ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
    3.ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
    4.ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ

    พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ แบบโอปปาติกะเกิดแล้วโตทันที แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม แบบชลาพุชะเกิดจากครรภ์ แบบอัณฑชะเกิดจากฟองไข่ พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก
    เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ

    หมายเหตุ 2, พระนาคปรกอธิษฐานที่ทำการตรวจพุทธคุณในครั้งนี้ เป็น"เนื้อธรรมดาสีนวล"เท่านั้น
    หมายเหตุ 3 ,แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ในความแม่นยำในการตรวจพลังในคราวนี้ ก็อยู่ตรงที่พระองค์ที่ว่านี้ ได้มีการตรวจพบแต่เบื้องแรกว่า มี"พลังงานพิเศษ"บางอย่าง มีลักษณะเป็นดวงสว่างแทรกอยู่ด้วยอย่างน่าประหลาดใจ
    เป็นพลังอะไรที่"ไม่เหมือน"กับพลังของหลวงปู่คำพันธ์ แต่ใสสว่างใกล้เคียงกันอย่างน่าอัศจรรย์
    เมื่อได้ฟัง "พุทธวงศ์"ก็ได้แต่อมยิ้มแก้มแทบปริ ก่อนที่จะเฉลย"ความลับ"ประการหนึ่งให้ฟังทันทีว่า ก่อนที่จะนำพระนาคปรกอธิษฐานองค์นี้มาตรวจเพียงหนึ่งวัน "พุทธวงศ์"ได้ตั้งใจที่จะนำไปถวาย"พระ"องค์หนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากเรื่องการ"ดูจิต" (ขอสงวนนามไว้ในฐานที่เข้าใจ) ซึ่งเคยทราบว่า ท่านเคยไปกราบและเรียนกรรมฐานจากหลวงปู่คำพันธ์มาแต่ก่อนเป็นอนุสรณ์
    ขณะที่ได้พบกับพระสายดูจิตองค์นั้นนั่นเอง โดยในมือพนมไหว้นั้นมี "พระนาคปรกอธิษฐาน"อยู่ภายใน พระสายดูจิตองค์นั้นเมื่อเดินผ่านมา ก็เอื้อมมือมาจับมับเข้าที่ข้อมือของ"พุทธวงศ์"ทันที เป็นนัยให้ตามท่านเข้าไปสอบถามเรื่องธรรมะเป็นการเฉพาะอย่างไม่นึกฝันมาก่อน
    นี้จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจไม่ถวายพระนาคปรกอธิษฐานองค์"ในมือ"นี้เสียดื้อๆอย่างนั้นนั่นแหละ
    เพราะถือว่าเป็นกรณีพิเศษว่า ลำพังคนทั่วไปจะมีโอกาสได้คุยกับ"หลวงพ่อดูจิต"องค์นี้เพียงคำครึ่งคำก็แสนยาก
    แต่นี้ท่านคว้าข้อมือไปคุยเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ก็นับเป็นวาสนาอย่างสุดๆไปถึงเพียงไหน คงไม่ต้องอธิบาย
    พูดอย่างติดตลกได้ก็คือ วันนั้นทั้งวัน แทบไม่อยากจะอาบน้ำล้างไม้ล้างมือเลยทีเดียว!?!?

    ประมาณว่า กลัว

    "ละอองมือ"แห่งท่านจะหายไปจากตัวนั่นแล

    แต่จุดหลักใหญ่ใจความที่จะหมายจะเล่าในที่นี้ ก็คือว่า ชั่วเสี้ยววินาทีที่"หลวงพ่อดูจิต"จับข้อมือของ"พุทธวงศ์"เพียงแว่บเดียว กระแสพลังแห่ง"ปราณ"และ"ธาตุรู้"อันเข้มแข็งแห่งท่านยังสามารถไหลแทรกเข้าไปปรากฏใน"พระนาคปรกอธิษฐาน"จนมีการตรวจพบเป็น"พลังงานพิเศษ"ทั้งๆที่มิได้มีการบอกกล่าวมาก่อนได้อย่างไม่ผิดพลาด เห็นปานนี้
    ก็แล้ว "พญานาค"ถึง "4 ตระกูลใหญ่" จำนวนนับไม่ได้ ซึ่งเป็น"พลังงานหลัก"ของพระนาคปรกอธิษฐานที่หลวงปู่คำพันธ์ได้บรรจงเสกประจุนานถึงไตรมาส 3 เดือนที่ปรากฏในสมาธิ จะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้ไฉน ก็ขอท่านทั้งหลายได้โปรดใช้วิจารณญาณวินิจฉัยกันเอาเองเทอญฯ

    เครดิตข้อมูล : "เนาว์สถิตย์"


    = Sold Out

    3/3/2566 EMS : ED 1336 4457 5 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2023
  16. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รายการที่ 109

    P1.JPG P2.JPG P3.JPG P4.JPG

    A1.jpg

    พระกริ่งเจ้าสัวมังกรฟ้า เนื้อผงมวลสารล้วน ปีพ.ศ.2557

    #เข้าพิธีพร้อมเหรียญนาคปรกโสฬสมหามงคลบรมจักรพรรดิ

    - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน และ ตุ๊พ่อมหาสิง พุทธาภิเษกวันที่ 15 สิงหาคม 2557

    - ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ พระอาจารย์เล็ก ตุ๊พ่อมหาสิงห์ ผู้สร้างได้นำวัตถุมงคล มีเหรียญปรก และพระกริ่งเข้าพิธี ซึ่งหลังจากพิธีพุทธาภิเษกเสร็จใช้เวลายาวนานกว่าทุกครั้งที่ได้เคยเข้าพิธีมา

    - พระอาจารย์เล็กท่านได้กล่าวว่า ในช่วงกำลังทำพิธีปรากฎแสงประกายสีม่วงคลุมวัตถุมงคล ท่านจึงกราบจึงกราบทูลถามพระ พระท่านตรัสว่า พิธีพุทธาภิเษกนี้ท่านสงเคราะห์เรื่อง คือใครที่บูชาวัตถุมงคลชุดนี้ให้อาราธนาบารมีพระ เคารพในพระรัตนตรัยเป็นปกติ หากมีผู้คิดร้ายกับเรา เขาเหล่านั้นจะแพ้ภัยตนเอง ไม่ต้องไปทำร้ายเขาตอบ เขาจะได้รับผลสะท้อนกลับไปหาตัวเองภ่ายแพ้แก่เรานั้นแล ส่วนเรื่องอื่นๆพระท่านสงเคราะห์ทุกด้านครับ

    - ครูบากฤษดา อธิฐานจิต วันที่ 18 สิงหาคม 2557

    #เข้าพิธีวัดสันพระเจ้าแดง 3 เดือน

    เครดิตข้อมูล : คุณวุฒิพงษ์


    = Sold Out

    2/4/2566 EMS : ED 4140 8122 6 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2023
  17. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +639
    ขอจองครับ
     
  18. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  19. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    A2.jpg
    A3.jpg
    A4.jpg
    A5.jpg
    A6.jpg
    A7.jpg
    A8.jpg

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่พิศดู รุ่น2 เนื้อผงมวลสาร ฝังตะกรุด
    หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี วัดเทพธารทอง จังหวัดจันทบุรี

    #พิเศษองค์นี้มีเกศา (ชัดเจน)


    #พระผงรูปเหมือน รุ่น2 ของหลวงปู่พิศดู สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2547 โดยคณะศิษย์สาย หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถือได้ว่าสร้างได้ดีมากๆอีกรุ่นหนึ่งทีเดียว เพราะมีมวลสารต่างๆที่หลวงปู่มอบให้ไป รวมทั้งมวลสารที่ทางคณะนี้ได้นำมาใส่ไว้ด้วย อาทิ ผงวิเศษของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ผงหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ฯลฯ
    โดยรูปแบบนั้นหลวงปู่ท่านสั่งให้ทำเป็นรูปใบโพธิ์ ด้านหลังหลวงปู่เป็นผู้เขียนยันต์ให้ไปเป็นแบบแกะบล็อคใส่ที่ด้านหลัง ส่วนใต้ฐานได้บรรจุตะกรุดที่หลวงปู่จารอักขระด้วยองค์เอง โดยท่านจารใส่แผ่นใหญ่ๆ แล้วให้ตัดซอยออกมาได้หลายดอก แล้วจึงม้วนห่อไว้ด้วยเกศาของหลวงปู่พิศดูท่าน แล้วจึงบรรจุไว้ใต้ขอบล่างทุกองค์ เป็นชุดเล็กที่สุดยอดจริงๆ และสร้างอย่างพิถีพิถันมาก

    #จำนวนสร้างทั้งหมดเพียง 1,000 องค์ อธิษฐานจิตอยู่ข้างพระประธานกุฏิหลวงปู่หลังเก่าอย่างน้อย 2-3 ปีครับ

    #ส่วนยันต์ด้านหลัง.. คือยันต์พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เป็นยันต์ที่มีพุทธานุภาพสูงสุดยิ่งกว่ายันต์ทั้งหลาย เป็นการเขียนด้วยลายมือของหลวงปู่พิศดู เพื่อให้มาประทับไว้ด้านหลังพระชุดนี้โดยเฉพาะ (ตั้งใจสุดๆ)

    #ด้วยความที่พระผงชุดนี้แก่มวลสารประเภทผงวิเศษจำนวนมาก การกดพิมพ์พระบางองค์อาจจะมีรอยรานบ้างก็เป็นธรรมดา แต่ว่าจะไม่แตกร้าว คณะผู้สร้างนำพระชุดนี้ถวายหลวงปู่ทั้งหมดโดยไม่ได้ขอกลับ ด้วยใจเคารพบูชาศรัทธาอย่างสูงสุด หลวงปู่อธิษฐานจิตที่ข้างพระประธานที่กุฏิหลังเก่าเป็นเวลาถึง 2 ปีเต็ม จึงค่อยเริ่มแจก พระชุดนี้จึงน่าบูชาเป็นที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง..

    เครดิตข้อมูล : คุณสิรภพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2024
  20. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,297
    ค่าพลัง:
    +4,562
    วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2566 เลขพัศดุไปรษณีย์ไทย (EMS)
    พื้นทราย = ED 1336 4457 5 TH ขอบพระคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...