เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

รับครับ โอนเงินและแจ้งคุณน้ำฝนแล้วครับ

 

พระผงรุ่นคลาสสิคพิเศษ หลวงพ่อผาง ถูกนำกลับแผ่นดินที่ราบสูง ดินแดนมาตุภูมิของหลวงพ่ออีกองค์ เป็นชุดหลวงพ่อที่แยกย้ายไปตามจังหวัดต่างๆของอีสานเป็นที่เบิกบานใจ ทั้ง บุรีรัมย์,มหาสารคาม,สุรินทร์...หลวงพ่อได้กลับไปดูแลลูกหลานเต็มที่

จัดส่งคุณเทพวันศุกร์ครับ เพราะพักนี้ กทม.หลายพื้นที่น้ำท่วมน่ากลัว พาหนะม้าด่วนของเรามีหลายแรงม้าก็จริงแต่ต้านน้ำไม่ไหว

 

อีกหนึ่งชุดใหญ่-เล็ก เหรียญ"สหชาติ" ที่งดงามมาก ก็ถูกนำกลับอีสานพร้อมกัน เหรียญชุดนี้ผมทำบุญมาเมื่อหลายสิบปก่อนหลายอยู่ แต่ทยอยมอบให้สมาชิกทำบุญหลายหนจนหมดแล้วสำหรับเหรียญใหญ่ เหลือเหรียญเล็กอยู่จำนวนหนึ่ง อีกไม่นานก็คงเดินทางกลับถิ่นฐานตามๆกันไป

โมทนาคุณเทพ บารมียิ่งใหญ่ หลวงพ่อผาง ปกปักรักษาดูแลลูกหลานครับ

 

เรื่องเล่า ประสบการณ์
"แชร์ลูกโซ่"ยุคปฐมบท
ตั้งแต่'ตัวแม่-แม่ชม้อย'
================

ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์...ฉาวลั่นสนั่นเมืองยุคนี้ เห็นจะไม่มีเรื่องใดเป็น"พระเอก-นางเอก" เกินหน้า "แชร์ลูกโซ่" วิธีการต้มตุ๋นคนทั้งเมืองของ "โจรใส่สูท" ยันไปถึง "นังโจรสาวใส่กระโปรง" หน้าหวานปานตาลเฉาะ ฉอเลาะทางสื่อโซเชี่ยลพักเดียว..."เหยื่อ" ก็เต็มใจบินว่อนเข้ามาติดกับราว "แมงเม่าบินเข้ากองไฟ"

--ฟอเร็กซ์ 3 ดี
--นัง'นัตตี้'เทรดหุ้น
--ซื้อ-ขายบิทคอยส์

มันต้มแหลกแหกกลางเมือง ปล้นกันดื้อๆยิ่งกว่า "โจรวิ่งราวกลางตลาด ใส่เสื้อแดง แขวนกระดิ่ง" ใช้ "ความโลภ" ของมนุษย์เป็นเหยื่อล่อ ใช้คนมีชื่อเสียง โปรไฟล์ดีหาลูกค้า แบ่งส่วนแบ่งชนิดหมายังตาค้าง ลิงยังตกต้นไม้ด้วยความโลภถ้ารู้เรื่องเงิน

สำมะหาอะไรกะคน จะไม่ตาโต เมื่อเห็นผลประโยชน์ที่ "แชร์ลูกโซ่" ยื่นให้ ด้วยการปันผล "ทุกเดือน เดือนละ 40-60 เปอร์เซ็นต์ของเงินต้นที่ลงไป...

สมมุติคุณลงเงิน 10,000 บาทก็จะได้คืนเดือนละ 4-6,000 บาท แค่ 2 เดือนก็ได้เงินคืนทั้งหมดพร้อมกำไร และ"เงินต้น"ยังอยู่ ได้รับปันผลเหมือนเดิม ถ้าการต้มตุ๋นลูกโซ่ ไม่ขาดกลางเพราะ หาเงินใหม่มาจ่ายเงินเก่าไม่ทัน

วิธีการนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็น "ของเก่า" ที่ต้องย้อนรอยไปถึง "ตัวแม่"!!!

ครับ เธอเป็น "ตัวแม่"ของจริง...เรียกขานกันว่า "แม่ชม้อย" สร้างนิยายขายน้ำมันได้กำไรมหาศาลมีเงินปันผลให้ผู้ลงทุนทุกเดือน ด้วยกำไรเดือนละ 5 % ต่อมาค่อยเขยิบขึ้นเป็น 10 % เพื่อจูงใจลูกค้า และมี "แม่ข่าย" ช่วยหาลูกค้าเหมือน ยุคปัจจุบันเปี้ยบ หรือจะเรียกว่า "โจรใส่สูท" ยุคใหม่ ถอดแบบลอกคราบ"แม่ชม้อย" เอาวิธีการมาดัดแปลงก็ว่าได้ เพราะโจรยุคใหม่เล่นจ่ายถึง40-60% บ้าหนักกว่าของเก่าหลายสิบเท่า

วกกลับมาที่ต้นตำรับ "กิน(เกือบ)ทั้งเมือง" แม่ชม้อยกันดีกว่า

แชร์นี้กำเนิดขึ้นราวๆปี 20-23 แต่วันเดือนไม่ระบุ ชื่อ "แม่ชม้อย" โผล่ขึ้นมาเงียบๆไม่มีสื่อประโคมข่าว ไม่มีโซเชี่ยลชักจูงลูกค้า เรียกว่า "ปากต่อปาก"ไฟลามทุ่งของแท้ !!!

มันโตจากในแวดวงผู้รู้จักสนิทสนมกับคนใหญ่คนโตใน "กองทัพอากาศ" ยุคนั้น ซึ่งบารมีผู้ใหญ่บางคน ทำให้วงแชร์ "แม่ชม้อย" เบ่งบาน มีผู้คนเชื่อถือว่า เธอทำมาหากินจริงร่ำรวยจริง มีทัพฟ้าตัวเบ้งหนุนหลัง

แม่ชม้อยจึงโตวันโตคืน ทุกคนที่รู้เรื่องต่างดิ้นรน "กำเงิน" ขอเข้าหุ้นเล่นแชร์น้ำมันอันหอมหวนนี้ แทบไม่ต้องชวนเพียงได้ยินชื่อ "แม่ชม้อย" ก็อยากกระโดดใส่ ทูนหัวเอาเงินไปให้ ขอแค่ได้ร่วมลงทุนด้วย

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับรู้เรื่องนี้จากเพื่อนที่เจ้าตัวสนิทกับผู้ใหญ่ แต่เป็นช่วง "ยุคกลาง" ค่อนมาทางยุคปลาย "แม่ชม้อย" แล้ว หลังจากได้ฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องราว ผมก็ตาโต รีบกำเงิน 15,000 บาทก้อนแรก ยัดใส่มือเพื่อนทันที ขอร้องให้มันเอาไปลงเล่นให้ที

ได้ผล เดือนแรก ได้ดอกเบี้ย 5 %...โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เท่ากับว่าถ้าครบปีได้ดอกเบี้ย 60% มีธุรกิจไหนในโลกที่ทำได้อย่างนี้ แถมแบ่งทุกเดือนสดๆ ไม่มีติดไม่มีค้าง เรียกว่า...จ่ายคืนสดๆ งดเชื่อ เบื่อทวง!

ผมรีบหาเงินอีกก้อน ยัดเยียดเพื่อนฝากเพิ่มไปอีก คราวนี้ฝากไป 100,000 บาท(อย่าลืมสมัยนั้นมีแต่ใบละร้อยกับใบละห้าร้อย) แต่เจ้าเพื่อนอิดออดบอกว่า มีคนฝากเยอะเหลือเกิน เอางี้ มรึงกะกรูสนิทกัน เอาไปเพิ่มอีกแค่ 30,000 ก็พอ ช่วยได้แค่นี้แหละ

แค่นี้ก็เป็นพระคุณหลาย อยากจะถอนเงินทุกแดงในธนาคารมอบให้มันทั้งหมดด้วยซ้ำ ไม่คิดเรื่องเหตุและผลกันแล้ว "ความโลภ" มันบังตาบอด มืดสนิท...!

(((หมายเหตุ...การลงทุนต่อมา จะกำหนดให้ลงทีละคันรถ ก็คือคันละ 60,000 บาท ซึ่งสามารถลง "เป็นล้อ" ก็ได้...ล้อละ 15,000บาท ของผมลงไปทั้งหมด 45,000 บาท = 3 ล้อ ยังไม่ครบคัน แต่ก็โอเค อย่างเท่แล้วสำหรับการลงทุนในช่วงนั้น)))

แต่อย่างว่า...ของเก๊มันก็คือของเก๊ สิ่งใดที่ผิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือการเงิน ไม่ต้องใช้เวลานาน ซึ่ง "แชร์ลูกโซ่" จะโดนตัวมัน "กัดกลืนกิน" ตัวเอง เมื่อลูกค้ามากเข้า เอาเงินใหม่ประเคนจ่ายเงินเก่า แถมต้องจ่ายคนเงินใหม่เมื่อครบรอบเดือนด้วย ไม่กี่เดือน "หายนะ" ก็มาเยือน

ผมได้รับดอกงามๆอีก 2-3 เดือน จากนั้นก็ช้าลงเหมือนหนังสโลว์โมชั่น และเดือนถัดมา ทวงแทบตายก็ไม่ได้ พร้อมกับข่าวคราว "แม่ชม้อย" เป็นแชร์ลูกโซ่ ใช้วิธี "งูกินหาง" เอาเงินลูกค้าใหม่จ่ายลูกค้าเก่า ทับซ้อนวนเวียนไปเรื่อย ข่าวร้ายแบบนี้เริ่มปรากฏหนาหูตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งรายวันและรายสัปดาห์

คนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ผมอ่านหนังสือพิมพ์ตามคอลัมน์ซุบซิบ มีบางเล่มเขียนวิธีการ "เล่นแชร์ลูกโซ่" " ทำให้ผมตาสว่าง รู้เลยว่าสิ่งที่นักเขียน นักข่าวสาธยายอย่างเกรงใจ ไม่กล้าเอ่ยชื่อ"แม่ชม้อย"ตรงๆในช่วงนั้น เป็นเรื่องจริง...!

ผมจัดการ"เค้นคอ" เจ้าเพื่อนเกลออย่างหนักว่า เอาเงินกรูคืนมา ดอกดวงไม่เอาแล้วเฟ้ย ขอเงินต้นคืนก็พอ เจ้าเพื่อนก็เสียงอ่อย บอกว่า พรุ่งนี้ไปบ้านพี่ชม้อยกัน นัดกับผู้ใหญ่ไว้ เอ็งติดตามไปด้วยก็ได้...

ผมจึงมีโอกาสเหยียบเคหาสถานบ้าน "แม่ชม้อย" เป็นหนแรก นาทีที่ถึงหน้าบ้านปรากฏว่าไม่มีที่จอดรถ เพราะผู้คนเข้าแถวหน้าประตูเนืองแน่น มีแต่คนหิ้วของกิน ผลไม้ กระเป๋าข้าวของสารพัด มาฝากเจ้าแม่!

พวกเขาและเธอ หิ้วของกิน ของใช้มากำนัล "แม่ชม้อย" ในฐานะผู้มีพระคุณ ภาพตรงหน้าเล่นเอาผมกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะมันตรงข้ามกับข่าวคราวที่ปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์หน้ามือเป็นหลังมือ...

ผู้คนเหล่านี้ ไม่ได้อ่านข่าว อ่านหนังสือพิมพ์กันเลยหรืออย่างไร?

นี่คืออีกประเด็นที่ทำให้ แชร์ลูกโซ่มโหฬาร "แม่ชม้อย" ไม่ล้มง่าย เพราะผู้คนจำนวนมาก เชื่อมั่นในตัวเธอมากกว่า เชื่อข่าวที่เขียนจากปากกานักหนังสือพิมพ์ และในความเป็นจริงสมัยนั้น...

ไม่เคยมีนักข่าวคนไหน สามารถ "ถ่ายรูป" แม่ชม้อยลงหนังสือพิมพ์ ให้เห็นใบหน้าค่าตาตัวตนของเธอว่า เป็นอย่างไร? ไม่เคยมีใครสัมภาษณ์เธอว่าทำกิจการอะไร?

เรียกว่า การสื่อ การประโคมโหมข่าว ตีปิ้บ ต้องพึ่ง "หนังสือพิมพ์" อย่างเดียว การหลอกลวงด้วย "ปากต่อปาก" มักจะเดินทางไปได้ว่องไว รวดเร็วกว่าด้วย "ข่าวลือ" อันเกินจริง เข้าตำรา...ปากคนยาวกว่าปากกา!

บทเรียนจาก "แม่ชม้อย" ทำให้ผมไม่เคยเชื่อถือ นิทานหรือนิยายอภินิหารของคนขายพระที่โม้เรื่องพระศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์เกินจริง เพราะผมรู้ว่า มันไม่มีความพิเศษเหนือกว่าที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ จะมีพระที่เก่งมากๆ ท่านก็แสดงให้เห็นประจักษ์ "เฉพาะตน" เป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ประเภทเห็นบ่อย เอามาเขียนนิทานไม่รู้จบ เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงเพื่อขายพระทั้งสิ้น

ชักใบเรือกลับมาที่ "แม่ชม้อย" อีกที แต่ขอพักนิ้ว พักสายตาสักแป็บ...!

(((((ยังมีต่อ)))))

 

แชร์ตัวแม่-แม่ชม้อย(ต่อ)
===============

ผมกับเพื่อนเกลอ เตร่อยู่หน้าประตูอีกพัก ก็มีรถคันยาววิ่งเข้ามาจอด ผู้ใหญ่เปิดประตูหลังเดินอาดๆลงมาอย่างว่องไว เพื่อนผมถลาเข้าไปยกมือไหว้ กวักมือเรียกผมไปวันทาด้วย

เราแหวกผู้คนที่ยืนคิวยาว แต่ไม่ตรงไปทางประตูเข้าบ้านด้านหน้า ท่านผู้ใหญ่ที่ไม่ขอเอ่ยนามเพราะต่อมาท่าน "ใหญ่เบ้ง-คับฟ้า" ตัวจริง พาเดินตรงลิ่วไปเข้าทางประตูหลังบ้านที่เปิดรออยู่แล้ว

"รอตรงนี้"...ท่านบอกเมื่อผมกับเพื่อนนั่งที่ห้องรับแขกเล็กๆ ตบแต่งสวยงาม ตัวท่านก็แว่บไปเข้าห้องน้ำ สักพักก็ออกมาพร้อมกับสตรีนางหนึ่งปรากฏโฉม

แม่ชม้อย ผมเห็นเธอเต็มสองตาหนแรก เธอแต่งชุดขาวสะอาดสะอ้านทั้งตัว เกล้าผมมวยขึ้นสูง ใส่แว่นสายตา ใบหน้าเรียวยาว ริมฝีปากบางเม้มน้อยๆ บุคลิคท่าทางเธอเหมือน นักบัญชีมากกว่าเจ้าแม่แชร์ผู้ลือลั่นที่สุดของเมืองหลวง หรือของเมืองไทยก็ว่าได้

ผมกับเพื่อนสวัสดี ฟังท่านคุยสารทุกข์สุขดิบกับแม่ชม้อย เป็นเรื่องสนทนาพาทีทั่วๆไป สักพักท่านคงนึกขึ้นได้ ก็หันมาหาเพื่อนผม...

"เออ...อุตส่าห์อยากมาพบคุณชม้อย เอ้า...มีเรื่องอะไร ว่าไปเลย"

เจ้าเพื่อนเกลอแสนดี กระแอมในลำคอก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจสุดแสนว่า...

"พี่ม้อยคงทราบ ผมมีลูกค้าในสายหลายสิบคน บังเอิญเพื่อนผมคนนี้จำเป็นต้องใช้เงินเพราะทางบ้านมีคนป่วย ขออนุญาตถอนเงินต้นออกไป ได้ไหมครับ"

ผมอึ้งเมื่อฟังเพื่อนรัก ด้นกลอนสด นิทานกลางวงขึ้นมาดื้อๆ ได้แต่ทำเป็นก้มหน้ารับกับแม่ชม้อยและท่าน ที่จริงมันตื้นตันใจด้วยที่มีเพื่อนแท้น้ำใจงาม

"โถ...นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร เอาสิ ลงมาเท่าไหร่เดี๋ยวบอกเด็กทำบัญชีเอาคืนไปเลย เราไม่เคยโกงใครอยู่แล้ว"

แม่ชม้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงปราณี เพื่อนรีบสกิดผมลุกยืนร่ำลา พาตรงไปอีกห้อง ท่าทางคุ้นเคยกับสถานที่นี้ ก็เป็นอันว่าผมได้เงินที่ลงทุนคืนทุกบาท ทุกสตางค์ง่ายๆไม่สูญเสียสักสลึง ได้ดอกดวงแถมมาเป็นน้ำจิ้ม ตามอัตราที่กำหนด เป็นการเล่นแชร์ลูกโซ่ ที่อาจเป็นมนุษย์ดวงแข็งหนึ่งในรัอยในพัน ที่ไม่ขาดทุน!

ต่อมาอีกประมาณ 4-5 เดือน แชร์แม่ชม้อย ก็ถึงกาลล่มสลาย อวสานเมื่อ รัฐบาลเอาจริงสั่งปราบปรามการต้มตุ๋นกลางเมือง "แม่ชมัอย" ถูกจับ ทรัพย์สมบัติถูกยึดมาคืนลูกแชร์ได้กันบ้าง ไม่ได้บ้าง ที่คลาสสิคมากก็คือ การ "ฝังเงิน" ไว้ตามที่ต่างๆ และเจ้าหน้าที่ก็สามารถตามทุบ ตามรื้อ ตามควักออกมาจนได้ ทำเหมือนยุคกรุงศรีฯ ที่เอาทรัพย์ใส่ตุ่มฝังดิน

ผมติดตามข่าวคราว "แม่ชม้อย" ตลอด ตั้งแต่เธอล่มสลายและติดคุก เพราะส่วนหนึ่งผมยังฉงนสงสัยไม่หายว่า อะไรหนอเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอคิดวิธีการต้มตุ๋นนี้ขึ้นมา ผู้หญิงซึ่งท่าทางเรียบร้อย แต่งตัวสะอาดสะอ้าน พูดจาพาทีผู้ดี เห็นทีเดียวก็ประทับใจไม่รู้ลืม

หรือว่า เธอทำไปแล้ว ตกกะไดพลอยโจน? ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ต้องเดินหน้าจนกว่าถูกเสือกัด!

ซึ่งจาก "แม่ชม้อย" ที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในห้วงเวลานั้น ยอดเงิน"ไม่เกินห้าร้อยล้าน" ไม่ถึงพันล้าน แต่เป็นเมล็ดเงินยิ่งใหญ่ตามยุคสมัยที่ค่าของเงินสูงลิ่ว ทองคำบาทละไม่กี่บาท หากเป็นวันนี้ืความเสียหายก็คงปาเข้าไปหลายพันล้าน หรือเฉียดหมื่นล้านทีเดียว

จาก "แชร์แม่ชม้อย" ต่อมาก็กำเนิด "แม่นกแก้ว" ซึ่งมีรากฐานมาจากชาวทัพฟ้าเช่นกัน แต่ แชร์แม่นกแก้วเบ่งบานในเวลาไม่นานนักก็ถูกกำจัดเรียบร้อย ไม่ถึงกับเสียหายกันมาก ว่ากันว่าแชร์ตัวใหม่นี้ ก็มาจาก " แม่ข่าย" บางคนของแม่ชม้อยที่ยังเสียดายกลยุทธการหาเงินง่ายๆอย่างนี้ พยายามสืบทอดกลวิธี...ปล้นกลางตลาด ใส่เสื้อแดงแขวนกระดิ่ง เพียงแต่"รัฐบาล" ไม่ยอมหลงกล ไม่ปล่อยเติบโตเกินควร รีบขจัดตัดเนื้อร้าย มะเร็งร้ายเศรษฐกิจตัวนี้ออกไป

สำหรับ วันนี้...การต้มตุ๋น กว้างขวางและใหญ่โตเป็นวงกว้าง เพราะมันเล่นกับคนมีเงินระดับบน ระดับกลาง ส่วนรากหญ้าไม่ต้องพูดถึง จะกินไปวันๆยังหายาก ถึงกำเงินไปเล่น ก็คงเข้าไม่ถึงตัว

ภัยเศรษฐกิจยุคดิจิตอล มหันตภัย'โจรใส่สูท' จึงเป็นมะเร็งเลวร้ายรียำตำบอนกว่ายุคเก่าก่อนมาก...เพราะนักต้มตุ๋น มันจงใจ ตั้งใจ เจตนา ปล้น โกง ตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่ำลงบนถนนสายนี้ มีการวางแผน "ผ่องถ่าย" ทรัพย์สินเงินทองไว้เรียบร้อย มีสถานที่ให้เผ่นหนีออกนอกประเทศอย่าง "นังโจรนัตตี้" ที่คงเสวยสุขได้สักพักใหญ่ แต่ไม่ช้า "รางวัลนำจับ" หรือ "ค่าหัว" สูงลิ่วคงทำให้เธอจนมุม มีปีกบินก็หนีไม่พ้น

ผมเขียนเรื่องนี้ เพราะบทเรียนจาก "แม่ชม้อย" เมื่อกว่า 40ปีที่แล้ว ยังตราตรึงใจ ฝังลึกลงในดีเอ็นเอ แม้ตัวเองจะไม่เสียหาย แต่ก็จะไม่มีวันเผลอโง่ซ้ำสอง หรือปล่อยให้เพื่อนฝูงญาติมิตร เป็นเหยื่ออันโง่เขลากับพวกโจรใส่สูท นังโจรนุ่งน้อยห่มน้อย ทำท่ายั่วเป็นลูกแมวยวนสวาททางหน้าจอโซเชี่ยล เพื่อล่อเหยื่อให้ตาพองตาโต

ผมมองปราดเดียวในกรรมวิธีก็รู้ว่า พวกมัน "ต้มตุ๋น" ทั้งนั้น และยังดีที่ได้เตือนเพื่อนพ้องบางคนได้บ้าง ซึ่งขอให้เชื่อเถิดว่า...

กรรมวิธีต้มตุ๋นกลางเมืองง่ายๆ ด้วยการใช้ "ความโลภ"เป็นเหยื่อล่อ จะไม่มีวันล้มหายตายจากไปในสังคมเมือง เพราะมันเป็นบริบทของวิธีการหาเงินที่ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ เมื่อคุณมีเครื่องมือพร้อมในยุคจักรกลดิจิตดอล ซึ่งมันจะพัฒนาวิธีการ "ล่อเหยื่อ" พลิกแพลงรูปแบบไปเรื่อยๆ

แต่มีสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่นักต้มตุ๋น มิอาจพลิกแพลงหลบเลี่ยง...นั่นคือ การ "จ่ายผลประโยชน์กลับคืนเกินจริง"!!!

เพราะนี่เป็น "หัวใจ" ในการล่าเหยื่อ...ดังนั้นเมื่อคุณกำลังเคลิบเคลิ้มและอินกับข้อมูลผลประโยชน์ที่มันป้อน จนแทบเหาะได้ว่า พวกมันเป็นพระอินทร์ลงมาช่วยมนุษย์ชาติ...ก็จงมองไปที่ "คำตอบสุดท้าย"

เพราะการต้มตุ๋นจะเผยโฉม เมื่อ "ตัวเลขตอบแทน" ที่มันเอามาล่อ เปิดออกมาให้ทราบ ด้วยตัวเลขในอากาศเหล่านั้น จะ "บ่งบอกตัวมันเอง" ยิ่งกว่าการเอ็กซเรย์ว่า...

มันคือธุรกรรม "แชร์ลูกโซ่" ไม่ว่าพวกมันจะพลิกแพลงตะแคงท่าแต่งองค์ทรงเครื่องสวย-หล่อปานเทวดากับนางฟ้า มีชื่อเสียงที่โฆษณาตัวเองด้วยวิธีการแยบยลอย่างไร...?

แชร์ลูกโซ่...ก็จำต้อง "หาลูกค้า" ด้วย "ตัวเลข" เป็น "เหยื่อล่อชั้นดี" วันยังค่ำ!!!

 

ขอบคุณคุณอาที่นำเรื่องเล่า ประสบการณ์จริงมาถอดบทเรียน อ่านสนุกและเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดีเลย ว่าอย่าละโมบ โลภมาก จงอยู่ในความพอดี ขอบคุณครับ

 

" ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณมีพัสดุปลายทางตกค้าง กรุณาถือสายรอสักครู่" พอได้ยินเสียงแบบนี้ ผมกดสายทิ้ง บล็อคเบอร์ในทันที เจ้าเก่าเจ้าเดิมตามที่เป็นข่าว หากเป็นตาสี ตาสา คุยกับมันต่อไปก็จะเป็นเหยื่อรายต่อไปไม่สิ้นสุด พวกนี้ชีวิตลิขิตมาสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะนะครับ

 

เอาคืนบบนี้ครับ

 

วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีขาล
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่าน

 

เรียนคุณอาวันวิส์
ได้รับพัสดุทั้งสองซองเรียบร้อยแล้วครับ
ขอบพระคุณคุณอามากครับ

 

เรียน น้าวัน ครับ
ได้รับพัสดุเหรียญหลวงพ่อผางเรียบร้อยแล้วครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับน้าวัน

 

ที่เขียนเล่ามานั้น แค่หนึ่งในร้อยของเรื่องจริง ซึ่งของจริงไม่ได้เงินคืนง่ายดายอย่างนั้น แต่ก็ยังมีหลายคนที่ได้กำไร คือคนที่ลงเงินระยะแรก ได้ทุนคืน+กำไรแล้วรีบถอน ซึ่งถือว่าคนเหล่านี้ เป็น "มังกรขอดเกล็ด" นักต้มตุ๋นได้แบบ "โจรปล้นโจร" แต่ต้องเก่งมาก หู-ตาไว เข้าออกรวดเร็ว ขืนลงเงินไปแล้วรอรับแต่ปันผล ไม่ติดตามข่าวคราวให้แม่นยำ เสร็จทุกราย

พวกนี้มันเล่นกับ "กิเลสมนุษย์" เบื้องต้น ไม่ต้องมีอะไรมาก เอา"ความโลภ" เข้าล่อให้ตาโต แล้วลืมตัว ถ้าเราประเภทหูหนาตาเร่อ ไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและสังคมบ้าง เจอ "แม่ข่าย" คารมดีๆกล่อมพักเดียว ควักเกลี้ยงตัวเพราะ อยากได้ของเขา

เปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องพระ เป็นเรื่องเล่าดีๆทันยุคทันสมัยกับเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องที่ผจญมาเอง ไม่ใช่ฟังเขาเล่าว่า แล้วมาเขียนนิยายเป็นตุเป็นตะ นี่เป็น "นิยายต้มตุ๋นอมตะ" จะมีตัวตายตัวแทน โผล่ขึ้นมาในรูปแบบต่างๆเสมอ...พึง "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม" ของจริง!

 

พวกแก็งค์คอลล์ เซ็นเตอร์ ก็เป็นการต้มตุ๋นที่น่ารำคาญ เป็น"ปลิง" หรือเห็บเหาของสังคม ปราบยาก เพราะพวกมันตั้งก๊วน กวนโอ้ยอยู่ริมชายแดนนอกประเทศ แถวบ่อนปอยเปต-เขมร บ้างก็ฝั่งลาว ต่อไปก็อาจลามมาทางทวายของพม่า ที่กำลังสร้างเมืองเปิดบ่อน แต่โควิดมาขวางเอาไว้ 2 ปี จึงยังไม่สำเร็จ

พวกนี้เล่นกับ "ความกลัว+ไม่รู้" เอาเรื่องน่าตกใจ มาเล่นให้สติหลุดแล้วหลงเชื่อ ถ้าเผลอสนทนากับมันนานๆ มีสิทธิ์หลงกล เหมือนอย่างข่าว"ผจก.ธนาคาร" โดนไป 3 ล้าน ไม่กี่วันก่อน อ่านข่าวแล้วไม่น่าเชื่อว่า เป็นถึงผจก.แบ็งก์...เงินตัวเองยังรักษาไม่ได้ จะรักษาเงินชาวบ้านได้หรือนี่?

น้องเดฯทำถูกแล้วที่กดทิ้ง บล็อคเบอร์ คุยกะพวกมันเสียเวลาในชีวิต

 

อย่างนี้ต้องมีอารมณ์สุนทรีย์ในการโต้ตอบให้พวกคอลล์ เซ็นเตอร์ เมาหมัดกลับไป พักหลังมีคนเล่นวิธีนี้บ่อย เรียกว่าแก็งค์ชักหากินยาก แต่ก็ไม่แน่ ยังคงมี "เหยื่อตาฟาง" หูหนาตาเร่อ เผลอเดินไปสะดุดตีนพวกมันอยู่เหมือนกัน

 

คุยเรื่อง "คนบาป" หลายกระทู้ หันมาดู "คนบุญ"กันบ้าง บุญยามเช้าถนนเปียก แต่ก็ยังอิ่มบุญกับหลวงพ่อ ร่วมอนุโมทนาบ่าย ฝนตกพรำไม่หยุดหย่อนในวันนี้...กรุงเทพ "เปียกหนัก" อีกแล้ว ผู้ว่าฯคนใหม่สมควร ทำบุญให้ตัวเองมากๆ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ยังไม่สำแดง "ฝีมือ" ดังราคาคุยสักเรื่องเดียว!!!

 

น้องปรายฯหายไป3-4 วัน คงยังไม่จมน้ำ แต่ควรระวังไว้บ้าง ช่วงนี้ ฝนแรง น้ำมากหลายแห่ง แถวระยอง-ตราด ดูน้ำป่าหลากลงถนน เกือบเล่นงานรถนักเรียนทั้งคัน ดีที่ร่วมแรงร่วมใจ "กู้" ช่วยกันได้หวุดหวิด

ที่เกาหลีใต้ น้ำก็แรงขนาดถล่มที่จอดรถใต้ดิน คนติดข้างในตายเป็นเบือ เหลือเชื่อมาก..เม็กซิโก ก็แผ่นดินไหวรุนแรง ตึกถล่ม บ้านทลาย พอกับ"จีน" ที่เสฉวน

ภาวะโลกร้อนเล่นงานมนุษย์ทั้งโลกเจียนบ้าไปแล้ว ยังไม่นับ "สงคราม" กับ"เชื้อโรค"ที่บังเกิดตรงโน้นมาก ตรงนี้แรงทุกแห่งหน เหลืออีกก้าวเดียวก็ "สงครามโลก" ถ้า "มนุษย์ป้ามหาภัย-นังนายกฯอังกฤษคนใหม่" ทำอย่างปากพูดหาเสียง...กดปุ่มนิวเคลียร์!!!

รับทักน้องปรายฯ แล้วร่ายยาว ถือว่าเอาสถานการณ์รอบโลกมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อจะได้ไม่ประมาท อย่าขาดคุณพระรัตนตรัย และวัตถุมงคลที่ดี เป็นที่พึ่งในยามคับขัน

 

หลวงพ่อผางคืนถิ่นดินอีสาน แถมด้วย หลวงพ่อเกษม จากเมืองเหนือ ไปดูแลลูกหลานที่เคารพนับถือ ขอบคุณน้องศิวะ ให้มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ด้วยพลังบารมีอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ในทางธรรม

 

"เสือนอนกิน" เดินทางถึงหมายอย่างว่องไว บารมี "หลวงพ่อผาง" ขจรกำจายทุกทิศ ปิดเรื่องร้าย มอบหมายแต่สิ่งดีงาม ความเป็นศิริมงคลให้น้องบัวฯกับครอบครัว