นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

สาธุๆครับ

 

ของครึ่งหนึ่งอยู่กับท่านqcรึเปล่าครับเยอะสุดเบย

 

QC บอกพลาดไม่ได้ครับ ไม่มีโอกาสแบบนี้รอบ 2 ครับ 555

 

ผมปูเสื่อ อยู่ริงไซค์ ก็ได้องค์เดียว

จะขอเพิ่มก็หมดแล้ว

 

รอ QC พิมพ์การสัมผัสกระแสแบบละเอียดพรุ่งนี้ครับ ยาวอีกแน่นอน....

 

สาธุ..

 

สาธุ

 

รอฝ่าย QC Review กระแสพลังครับ ... ผมฝังคร่าว ๆ เมื่อคืน หายสงสัยทำไม หมดเร็วมาก

 

สำหรับชุดมหาลาภ-เสน่ห์หน้านางนี้ ถือเป็นการเปิดโลกของกระแสในอีกรูปแบบ ที่ผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้เกิดความคาดหมาย ทั้งด้านมวลสาร และกระแสพลังงานในการปลุกเสก โดยผลตอบรับก็คือการบูชาหมดภายในเวลาอันสั้นมาก โดยการวิเคราะห์กระแสนี้ขอเริ่มที่ "พระสีวลีมหาลาภ" กระแสจะเป็นมี 2 ลักษณะคือ กระแสของทางด้านเสน่ห์ที่อยู่ภายนอก กับกระแสความชุ่มเย็นที่แกนภายใน โดยกระแสทางด้านเสน่ห์นั้นเกิดจากวิชาที่ปลุกเสก ซึ่งจะเป็นเหมือนออฟชั่นเสริมแต่จะไม่ถึงขนาดเสน่ห์หลงใหลแบบขุนแผนนะครับ ส่วนกระแสแบบชุ่มเย็นจะส่งผลต่อจิตของผู้ใช้ให้บังเกิดความร่มเย็นภายใน โดยในความร่มเย็นนี้จะช่วยในเรื่องของการดำเนินชีวิตในทางโลกได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์คนในปัจจุบันที่มีความวุ่นวาย ความสับสน ความเร่งรีบ ซึ่งการที่เราเป็นเช่นนั้น ก็เป็นธรรมดาของโลกที่เราอยู่ แต่ความวุ่นวายดังกล่าวจะส่งผลด้านลบต่อจิตใจของเรา เป็นการสะสมความขุ่นมัวให้เกิดในจิต พอนานวันเข้าจิตก็จะเสื่อมลง มองอะไรไม่ชัดเจน แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย สำหรับบางคนที่รู้ตัวแล้ว ก็จะเร่งรีบบริหารจิตใจให้เกิดความสงบ โดยจะต้องหาเวลาในเจริญกรรมฐานบ้าง ฝึกเจริญสติบ้าง นั้นก็เป็นทางออกที่ถูก เพราะเป็นชำระล้างจิตให้ใสขึ้นนั้นเอง แต่ในการฝึกฝนเพื่อความสงบสำหรับคนในยุคนี้แล้ว ถือได้ว่ายากมากจริงๆ เพราะด้วยปัญหาภายนอกที่รุมเร้า ทำให้การฝึกแต่ละที แทบจะต้องปลีกวิเวกกันเลยทีเดียว บางครั้งเสียเวลาเป็นสัปดาห์ไม่ได้ผลลัพธ์ตามแบบที่อยากให้เป็นก็มี ดังนั้นสำหรับพิมพ์พระสีวลีนี้ ให้ประโยชน์ได้ทั้ง 2 ทางคือ ไม่ว่าคนนั้นจะเน้นในการใช้ในทางโลก และในทางธรรม ซึ่งสามารถทำให้เจริญได้ทั้ง 2 ทางเลย เพราะจุดสำคัญอยู่ที่หัวใจของกระแสพระธาตุ นั่นคือ "หัวใจพระสีวลี" ซึ่งมีอยู่ในองค์พระทุกองค์ อีกทั้งยังมีเทวดาคอยปกปักรักษาคุ้มครอง แต่สิ่งหนึ่งที่จะฝากไว้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ผู้บูชาจะต้องตีความให้ออก เพราะถ้าหากตีความได้แล้วลงมือปฏิบัติตามที่ตีความได้นั้น จะทำให้พระธาตุพระสีวลีแสดงผลแบบเท่าทวีเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการตีความของคำว่า "หัวใจพระสีวลี" ฝากทิ้งท้ายไว้ให้เป็นการบ้านกับผู้บูชาแต่ละท่านเองนะครับ **เพราะแม้หากผู้ใดก็ตามที่เข้าถึงหัวใจพระสีวลีได้แล้ว ต่อให้ไม่มีพระธาตุหรือพระพิมพ์พระสีวลีองค์นี้ ก็เหมือนมีครับ**

 

สาธุๆ

 

การวิเคราะห์กระแสขุนแผน / ลูกอมมหาเสน่ห์หน้านาง โดยพิมพ์ขุนแผนแบ่งออกเป็น แบบฝั่งตะกรุดหัวใจช้างโขลง กับแบบฝังพลอย+เทียนเสก โดยกระแสแรกเริ่มเลยซึ่งทาง Admin ได้ส่ง Cap หน้าจอไลน์มาให้ชมกันบ้างแล้วคือ หลงใหล ซึ่งถูกว่าถูกต้องทีเดียว เรียกได้ว่าขนาดไม่ใช่ QC มาจับยังต้องเจอกระแสแบบนี้กันทุกคนครับ ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เพราะขุนแผนนี้ถือได้ว่าเป็นการจัดสร้างไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหนือว่าขุนแผนที่มีผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะโดยส่วนตัวผมเองเป็นคนที่ชอบสะสมขุนแผน โดยจะมีขุนแผนทั้งสายร้อนและสายเย็น คนทั่วไปถ้านึกถึงขุนแผนพรายเป็นอันดับต้นๆ เพราะผมเองก็ในช่วงที่เล่นเครื่องรางสายเสน่ห์แรกๆ ก็ตะเวนหาเช่าขุนแผนพรายมาให้บูชาก่อน เพราะเชื่อว่ากระแสของพรายจะช่วยในการเรียกจิต ทำให้เป็นเสน่ห์อย่างแท้จริง ส่งผลให้บางคนอาจคิดได้ว่า ขุนแผนพราย คือ ขุนแผนที่แท้จริงก็เป็นได้ ซึ่งก็ไม่ได้ถูกหรือผิดแต่ประการใดครับ สำหรับกระแสครั้งนี้ทำให้เปิดมุมมองใหม่ๆ ของผมเเลย เพราะในมุมเสน่ห์สายขาว ผมเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เรียกว่าเป็นเสน่ห์ชั้นสูงก็ว่าได้ เพราะขุนแผนนี้จัดสร้างได้สมกับการรอคอยมาหลายปี ผมจึงไม่แปลกใจที่คนที่ไม่ได้ฝึกจิตจะสามารถสัมผัสได้ครับ กระแสที่ปรากฏในมุมมองของนักอ่านกระแส จะเห็นเป็นการรวมตัวเป็นวังวนของกระแส แล้วดึงจิตของเราให้เข้าไปอยู่ใจกลางกระแสนั้น จะมีอารมณ์ประมาณว่า หลงใหล ถูกใจ ตรึงจิตตรึงใจไม่เสื่อมหลาย ดั่งการได้พบคนรักแรกประมาณนั้น ซึ่งในครั้งแรกที่ผมได้อ่านขุนแผนจากภาพถ่ายที่ Admin ส่งมา ก็มีอาการเหมือนจะร้องไห้ ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก จิตแทบจะคุมไม่ได้ กระแสมีผลต่อจิตใจมากๆ ครับ ครั้งมาเมื่อได้สัมผัสองค์จริง เรียกว่าตกภวังค์กันเลยทีเดียว เหมือนถูกดูดเข้าไปในดินแดนลับแล แล้วไม่อยากออก กระแสภายในเป็นการรวมตัวกันของมวลสารที่บรรจุสร้างขุนแผน เพราะมวลสารที่จัดสร้างนี้ ผมได้ทำการตรวจกระแสมาบ้างแล้วเกือบทั้งหมด โดยจัดได้ว่าการปลุกเสกครั้งนี้เป็นการชักนำ พลังงานทั้งหมดออกมาแล้วรวมกัน แต่ไม่ได้กลืนกันเป็นเนื้อเดียว เป็นความอัศจรรย์ของกระแสที่ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับการปรุงรสชาติของอาหารเลยครับ เพราะรสต่างๆ ที่ใส่เข้าไป จะสามารถแยกแยะได้ด้วยลิ้นของเรา ว่ามีเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หรือหวาน แต่ไม่รวมกัน เพราะลิ้นของเรามีปุ่มรับรสที่ต่างกันตามจุดของลิ้นได้ จิตตอนเห็นกระแสที่รวมกันนี้ก็เช่นกันครับ รวมกันแต่แยกได้ว่ามีอะไรบ้าง เป็นความวิเศษของวิชา+มวลสารครับ ครั้งเมื่อในช่วงเวลาที่ผมอยู่ในภวังค์นั้น ผมได้อธิฐานจิตถึงครูบาอาจารย์ว่าขอให้ก้าวพ้นกระแสดังกล่าว เพราะด้วยว่าจะต้องพึงพิจารณาในแง่มุมที่ลึกเข้าไปอีก ก็พบว่ากระแสที่เป็นวังวนนั้นสลายไป ปรากฏว่าขุนแผนที่ถือไว้ในมือสั่นขึ้นมาเอง เหมือนดั่งมีชีวิต จึงกำหนดจิตถาม ได้ความว่าครูบาอาจารย์ที่ปลุกเสกท่านได้ตั้งธาตุขึ้นให้ขุนแผนมีจิตมีธาตุขึ้นมาเป็นตัวตนได้ แล้วผู้ที่ปกปักรักษาขุนแผนก็มาไขกระจ่างความสงสัยนี้ว่า ก็คือ ทิพยาธร ซึ่งท่านคือเทพที่สถิตย์อยู่ในขุนแผนนั่นเอง เรียกได้ว่าครบสูตรจริงๆ แลได้พบวิธีบูชาแบบคาดไม่ถึง เพราะกระแสวังวนนี้จะเป็นกระแสที่จะเป็นการเรียกและดึงดูดให้เข้าหาผู้บูชา เป็นทั้งมหาเสน่ห์ และความร่มเย็น ผนวกกับผู้สวมใส่จะมีราศีดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะพูดจากับใครก็ได้หมด เป็นเมตตามหานิยม ใครจะโกรธเราก็จะไม่โกรธ ต่อให้โกรธจริงๆ ก็จะเหมือนมีอะไรมาต้องมนต์ให้เขายอมสยบและจางคลายจากความโกรธในตัวเราไปเอง ........

มาถึงคำถามสำคัญที่ผมได้โจทย์มาว่า ขุนแผนทั้ง 2 แบบ กับลูกอมต่างกันอย่างไร

1.สำหรับ "ขุนแผนฝั่งตะกรุดหัวใจช้างโขลง" ผมยกให้เป็นขุนแผนฝ่ายรุกครับ เพราะกระแสของตะกรุดจะส่งผลไม่ใช้ในเรื่องของเสน่ห์อย่างเดียว ยังส่งผลในเรื่องของอำนาจบารมีอีกด้วย จะทำให้หนุนนำในด้านการรุก แบบหน่วยบุกทะลวงได้เลย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกรบแนวหน้า กล้าลุยกล้าเสี่ยง ไม่กลัวครับ ใช้ในด้านการเจรจาค้าขายดีมาก เสนองานผ่านสบายครับ

2. และสำหรับ "ขุนแผนฝังพลอย+เทียนเสก" ผมยกให้เป็นขุนแผนฝ่ายรับครับ เพราะจะมีความนิ่มนวลของกระแสอย่างไม่มีประมาณ เรียกว่าอยู่เฉยๆ ก็มีคนเข้าหาเองครับ เป็นเมตตามหานิยมแบบไม่มีประมาณ เพราะจะเข้าหาใครก็จะได้รับการยอมรับ เหมาะกับการเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อให้ได้รับความเมตตา ดีมากครับ โดยในตัวอย่างของทั้งขุนแผนฝายรุกหรือรับนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จะใช้ได้มากขนาดไหนขึ้นอยู่กับผู้บูชาเป็นหลักครับ

3. สำหรับลูกอมทั้งสองแบบถือได้ว่ามีความเป็นกลางของพลังงาน เพราะเป็นกึ่งกลางของกระแสขุนแผนทั้งด้านรุกและรับ เรียกว่าได้ใช้แบบรวดเร็วทีเดียว กระแสไม่หนักแบบรุกเกินไป และก็ไม่อ่อนโยนเกินไป เป็นสภาวะสมดุลครับ เรียกว่าเป็นของดีที่เป็นอีกกระแสหนึ่ง

3.1 ส่วนลูกอมโบราณจะมีกระแสที่นิ่มนวลกว่าลูกอมยุคใหม่นิดนึงครับ เพราะด้วยลูกอมยุคใหม่มีการฝังพลอยเสก เลยเป็นการเร่งกระแสให้แรงขึ้นกว่าลูกอมโบราณครับ แต่ลูกอมโบราณทำให้สำหรับกระแสของมวลสารแบบดั่งเดิมได้ชัดมากที่สุด

ถ้าเป็นเรื่องกระแสดั้งเดิมของมวลสาร+การเสกผมยกให้ลูกอมโบราณครับ

สำหรับกระแสพลังงานหลักไม่ว่าจะเป็นขุนแผน หรือลูกอมก็ยังคงมีต้นกำเนิดเดียวกันครับคือเป็นกระแสแบบ ณ หลงใหลกันเลยทีเดียว สำหรับในด้านวิธีการใช้ที่ผมได้ให้ตัวอย่างบ้างแล้ว ก็พอจะให้ผู้บูชาได้เข้าถึงได้อยากไม่ยากนัก อีกมุมนึงที่ผมสัมผัสด้านการใช้งานแบบนอกเหนือคือในกรณีที่บ้านใครเป็นร้านค้าขายของ สามารถตั้งวางขุนแผน/ลูกอมไว้แทนเครื่องรางเรียกลูกค้าได้สบายๆ สามารถบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิ่ทธิ์ที่อยู่ในขุนแผน/ลูกอมได้

**ข้อควรระวัง** ผมขอให้ทุกท่านที่ไม่ว่าจะได้บูชาขุนแผน/ลูกอม ขอให้ระวังเพียง 2 เรื่อง 1.การผิดศีลธรรม 2.การผิดสัจจะวาจา เพราะทั้ง 2 ลิ่งนี้จะสามารถส่งผลทำให้เราดีหรือแย่ลงได้ เรื่องศีลธรรมในสายของผมเอง ยอมรับเลยว่า ได้รับการตักเตือนมาจากครูบาอาจารย์หลายครั้ง เพราะการผิดศีลผิดธรรม จะทำให้ชีวิตของเราไม่เจริญ มันอาจเป็นความุสนกชั่วครู่ชั่วคราว แต่ผลที่ตามมามันเอาคืนแบบไม่ลดละ จึงควรระวังข้อนี้ไว้ให้มาก ต่อให้มีตะกรุดปราบพิภพหรือฟ้าสะท้านก็ช่วยไม่ได้ครับ ถ้าทำผิดศีลธรรม ยังส่งผลทำให้เราไม่สามารถใช้พลังงานของตะกรุดได้เลย แต่ตะกรุดไม่ได้เสี่อม คนเราต่างหากที่เสื่อม แลในเรื่องของสัจจะวาจาก็เช่นกัน ถ้ารับปากใครแล้วควรทำให้ได้ตามที่พูด เพราะเรื่องของการพูดจา ถ้าเราเป็นคนมีสัจจะบารมีในตัวแล้ว ต่อให้ไม่มีขุนแผน/ลูกอม ไปพูดกับใครคนไหน เขาก็เชื่อและไว้ใจครับ หรือต่อให้มีขุนแผน/ลูกอม แต่ก็โกหกเป็นนิจ ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้หรอกครับ

**ขอทุกท่านที่ได้บูชาขุนแผน/ลูกอมพึ่งพิจารณาให้ดีนะครับ เพราะในขุนแผน/ลูกอมมีผงพระธาตุพระสีวลีอยู่เป็นมวลสาร จึงควรระวังให้มากในการบูชา**

 

ทำบุญตามสัจจะวาจา ค่าครูคาถาและวิธีใช้แบบพิสดารครับ... (มอบให้เฉพาะผู้บูชาขุนแผนและลูกอมเท่านั้น แบบลับ ๆ ไม่ออกอากาศ)

เป็นที่รู้กันในวงการ ว่าคาถาอาคมที่ขลังต้องมีครู หลายท่านคงเห็นซื้อมาอ่านมาสวด แม้บทสวดมนต์ยังเงียบ สวดมหาลาภ ก็ไม่เห็นผล แต่ปรมาจารย์หลายท่าน สวดในใจ กลับขลังจนไม่น่าเชื่อ

ครูบาอาจารย์ได้มอบคาถานี้แบบลับ ๆ ให้หลายท่านไปแก้ปัญหาชีวิตก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตามแต่กำลังจิตเราอีกที จะให้ขลังแบบท่านขุนพันธ์ฯ ก็คงยาก ต้องฝึกจิตอีกที

ค่าครูนี้ จากยอดค่าบูชาวัตถุมงคล เพราะท่านสอนแบบไม่อั้น... ในวงการรู้อีกเช่นกัน รวมทั้งสำนักหลวงปู่โนด้วย ว่าต้องมีการอั้นคาถา กันศิษย์คิดล้างครูวันหน้า จริง ๆ ยุคปัจจุบันไม่ต้องวันหน้าหรอกครับ เรียนเสร็จก็คุยโม้โอ้อวดกันแล้ว ข่มครูบาอาจารย์คนอื่นอาจารย์เราขลังกว่า(ตัวอาจารย์เองไม่รู้เรื่องเลย .ระดับครูบาอาจารยมีแต่ยกย่องกัน ท่านนั้นเก่งกว่าฉันอีก) ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง เห็นมากะตาก็มีครับ อวดว่าชั้นไปเรียนวิชา ๆ ๆ ฯลฯ

คาถาวิธีใช้แบบพิสดารนี้ ท่านถ่ายทอดแบบไม่อั้นเลย ให้เกิดผลอย่างเต็มที่ ค่าครูนี้ท่านก็ไปใช้จ่ายในกิจการงานสำคัญ ๆ ส่วนรวมต่อไปครับ...

 

บุญต่อมาสั่งอาหารแมวถวายวัด ตั้งใจจะทำไปเรื่อย ๆ และอาหารสุนัขด้วยครับ เพราะแถวนั้นค่อนข้างหาให้ยาก และมีชาวบ้านนำมาปล่อยวัดเยอะมาก ๆ แมวก็ประมาณครึ่งร้อยตัวได้เลย

 

อนุโมทนาสาธุบุญด้วยครับ

 

ได้ของดี ด้วย ได้บุญด้วย

ผู้สร้าง สร้างด้วยจิตที่คิดจะให้ บุญจึงเกิดเต็มเปี่ยม

อนุโมทนาสาธุครับ

 

มวลสารตามที่แจ้งไปเป็นของจริงครับ เรียกว่ามีเงินแสนเงินล้านยังไม่ทราบจะหาได้แบบนี้ไหม เพราะ

1.เป็นของมรดกตกทอด ของครูบาอาจารย์ ซึ่งของท่านใดผมไม่อยากเปิดเผย เดี๋ยวคนจะตำหนิเอาได้

สมัยก่อน กว่าจะเป็นระดับครูบาได้ไม่ใช่ครูบาอุกแก๊ส" หรือครูบาบ่มแก๊ส (คำเปรียบเทียบหมายถึง ยังหนุ่มไม่มีบารมีตั้งตัวเป็นครูบากันแล้ว)

ครูบา มีผู้รู้อธิบายว่า มาจากคำว่า "ครูบาอาจารย์" และ "บารมี" ผสมรวมกันเรียกว่าครูบา คือชาวบ้านเรียกขานด้วยความเคารพครับ ไม่ใช่ตั้งชื่อกันเอง

เหมือนดังฆราวาส ปกติเราคงเคยได้ยินว่า "หนาน" แต่ถ้าระดับปรมาจารย์ชาวบ้านจะเรียกว่า หลวง (แปลว่าใหญ่) อย่างหลวงบุญ หลวงตัน หลวงศรีวัน

สมัยโบราณ การเรียนวิชาต้องลองใจกันมาก และก็ไปมาหาสู่ครูบาอาจารย์กันยาวนาน ถึงจะได้เรียน เรียนแล้วก็ไม่ใช่ลาจาก ต้องดูใจ และแสดงน้ำใจไมตรีกันจนเรียกว่า ใกล้ตายแล้วครูบาอาจารย์จึงถ่ายทอดไม้ตายลับให้ เพราะแน่ใจว่าไม่คิดล้างครูแน่

สมัยก่อน ครูบาอาจารย์จะดุ เพราะจะเรียนควบสายฆราวาส และสายพระไปด้วยกันดังเช่นครูบาข่าย สมัยเป็นเณร ก็ได้รับเชิญให้ไปปราบผีกันแล้วจนท่านพบครูบาอาจารย์สายกรรมฐานวิปัสสนาระดับสูง จนท่านเย็นลงเป็นพระใจดี

ทีนี้ ของสะสมต่าง ๆ ที่สะสมมา ตามลงภาพไปแล้ว ก็เป็นของสะสมสมัยร้อนวิชา รักษามายาวนาน จนมาตำบดผสมเป็นชุดนี้...

2. มวลสารผงพระเจ้า ก็ตามหามายาวนานับ 30 ปี หายากมาก ๆ ก็ไม่ใช่จะเสริชเน็ต สั่งพรรคพวกหากันได้ บางที่บอกว่ามีผสม ๆ ก็ไม่เห็นรูปเสียอีกผสมจริงไหม

3. การตำทีละครก กดมือเองจะได้ชัวรว่าใส่มวลสารจริง เพราะผมเคยได้ไปอยู่ในเหตุการณ์สร้างพระจริง ๆ มาแล้วเลยเข้าใจหลาย ๆ เรื่อง 555 ว่าอะไรจริงไม่จริง พระสวยกริ๊บนี่ถอยเลย คนสะสมพระมามากคงส่องดูมวลสารเป็นนะครับ

 

พระสีวลี อยู่ที่ใดที่นั่นจะมีแต่ลาภสักการะ เรียกว่า Hot จนผมเองยังไม่เหลือซักองค์ครับ ตอนแรกก็กะเก็บไว้ซัก 4-5 องค์ แต่ก็ไม่รอดเลยหมดเกลี้ยงจนได้ ดีผงพระธาตุหรือผงพระเจ้ายังมีอยู่ ไว้ทำต่อโครงการหน้า (อีกนาน)

ที่ปรึกษาและหลายท่านบอกตั้งค่าบูชาเบาจัง 550 ผมบอกอยากช่วย ๆ กันอยากให้ผู้ศรัทธาได้ไปแบบสบาย ๆ หากท่านได้ไปแล้วมีลาภจริง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ


ผงพระเจ้าที่ยังมีอยู่ครับ จะนำไปขอครูบาอาจารย์อธิษฐานเพิ่มตามแต่เวลาและโอกาส เพราะมีภาระส่วนตัวหลายเรื่องครับ

 

นี่คือสิ่งที่ดีใจมาก ให้คนอื่นมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ไม่ใช่บูชาไปแล้วต้องมาถามผู้ผลิต ผู้จำหน่าย 55 แบบที่เห็นบางที่

อีกไม่กี่วันขอให้มีบางท่านมาเล่าเรื่องโชคลาภให้ฟังนะครับ เพราะทุกข์ภัยที่ปัจจุบันน่ากลัวที่สุดคือ ...."ไม่มีเงิน" ครับ จะพึ่งบัตรทอง ก็คงไม่พอแน่ใจยุคนี้

ยุคปัจจุบันอยู่บ้านเฉย ๆ ก็เสียเงินแล้วครับค่าน้ำ ค่าไฟ ขนาดวัดยังต้องจ่ายค่าไฟค่าน้ำ ไม่นับ ค่าเดินทางไปหาหมออีก

ขอให้คำกล่าวในหนังสืออานุภาพพระสีวลีที่ผมยังจำมาจนวันนี้ บังเกิดกับทุกท่าน

ใครได้พระสีวลีจะมีแต่สุข ห่างไข้ไกลทุกข์อุบาทว์ลี้หนีหาย
เงินทองจะไหลมีมามากมาย ขอให้สุจริตใจจะสมมาตรปรารถนา

 

ขอนำคาถาบูชาพระสีวลีของหลวงพ่อกวย ที่ผม หาในเน็ตมาให้นะครับเผื่อบางท่านชอบสวดยาว ๆ ได้บรรยากาศดี

หลวงพ่อดีสุดยอด แต่ศิษย์ที่อ้างชื่อท่านบางคนนะตัวดีเลยคุยโม้โอ้อวดในขณะที่ระดับครูบาอาจาย์มีแต่ยกย่องกันและกัน ว่า ท่านนี้เก่งกว่าฉัน มาหาฉันทำไมหาท่านนั้นดีกว่า คนขายพระท่านรวยหลายคน ถือว่าลาภให้คนขายดีมาก 55

คาถานี้ เคล็ดลับคือนึกถึงบารมีที่พระสีวลีท่านสร้างมาครับ คำว่าหัวใจพระสีวลี ผมพึ่งเข้าใจตามปัญญาน้อย ๆ ที่ผมมี คือการถวายทานที่สมควรแก่เวลาและโอกาสแก่พระพุทธเจ้าและพุทธสาวก

ยุคปัจจุบันพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ย่อมหาท่านยาก หลวงปู่เหิรสอน พระพุทธเจ้าสรรเสริญการปฏิบัติบูชา มากกว่าอามิสบูชา คือ ปฏิบัติธรรมถวายท่าน ไม่ใช่ต้องไปบวช หรือถือศีลที่วัดนะครับ ก็ ทำจิตให้ดีนั่นละครับ

และไม่ใช่ไปสร้างวัตถุ ๆ ๆๆ อะไรให้เสียเงินเสียทองนะครับ กว่าผลบุญจะสนองเราอาจต้องรอชาติหน้า แค่สวดมนต์ ให้ทานสัตว์ตกยาก ตามกำลังก็พอแล้วครับ

ประหยัดเงินไว้มาก ๆ ครับ เพราะเงินมันหายากในยุคปัจจุบัน...

 

สาธุๆครับ