อนัตตา เปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 11 สิงหาคม 2018.

  1. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    ไอ้เฒ่าใบลานเปล่ากิเลสภูติ ไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าจะมาเจอไอ้เฒ่ากระจอกที่โง่ดักดานได้ขนาดนี้ โคตรโง่จนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงอาการ ของคนความหยาบยิ่งกว่าพวกที่ไร้การศึกษาต่ำทรามจัด เพียงเพราะอยากจะยกหางตัวเองเป็นอาจารย์เฒ่าโชวโง่ในบอร์ด แต่มีทิฐิมานะเต็มหัวกะโหลกกะลาของมันเลยสั่งสอนใครไม่ได้ เพราะไปสอนใครก็กลายเป็นไปสร้างศัตรูกับคนนั้นแทน

    เพราะความโง่เง่าเต่าตุ่นแต่เสือกอวดฉลาดแบบไร้น้ำยา ท่องจำหนังสือมาทั้งชาติก็หาได้มีความสามารถตามในหนังสือที่อ่านไม่ มีแต่กิเลสหงำเหงือกอยู่เต็มหัวน่าสมเพช มีแต่ความมืดบอดในใจของมึงแท้ๆไอ้เฒ่าใบลานโง่ โง่ชนิดควายลืมตีน ไอ้เฒ่าขี้ตีนมัวแต่จะสั่งจะสอนคนอื่น แต่ไม่ได้สอนกิเลสควายๆที่ฝังอยู่ในสมองของมัน อย่าต้องถึงขั้นจิตเลย ไอ้ตัวนี้กิเลสโง่มันฝังในเซลสมองอันกระจิ๊ดริ๊ดของมัน เกิดมานานซะเปล่าแต่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเพราะหลงความโง่เง่าของมันว่าเป็นของดี มันต้องเจอแบบนี้ถึงจะสาแก่ใจ กิเลสของชอบมึงเลยใช่มั้ยล่ะไอ้ใบลานเปล่าเฒ่ากิเลสภูติ ผู้ทรงตำราชื่อว่าโง่มาทั้งชีวิต

    ไม่ต้องกลัวไอ้เฒ่ากูตามไปสั่งสอนมึงได้ทุกกระทู้ที่มึงตั้งโชวความโง่ดักดานโทษฐานที่ทำตัวอวดเป็นคนฉลาดหน้าส้นตีน จนกว่าจะเลิกยุ่งกับกูโน่นแหละ ทีแรกพูดดีแล้วได้ใจได้คืบจะเอาศอกไม่อยากจบเอง เล่นผิดคนซะแล้ว กูชอบสอนคนโง่ให้มันฉลาดขึ้นอย่างมึงซะด้วยสิ เกิดมาชาตินี้จะได้ไม่เสียชาติเปล่าเอาแต่ความโง่ๆมาใส่หัว ที่แล้วมาไม่ได้เจอคนจริงแล้วทำเหลิงคิดว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่เฝ้าเว็บบอร์ด ถุย ถือว่ากูสงเคราะห์สัตว์โลกโง่ๆตัวหนึ่งให้มีหูมีตาสว่างขึ้น นี่กูได้บุญนะเนี่ย กูจะเอาจนกว่ามึงจะหายโง่โน่นแหละไอ้ฟายโง่ 555

    ไอ้เฒ่ามันไม่ชอบคำหวานน้ำตาลน้ำอ้อยมันชอบแบบหยาบๆ ก็เลยต้องจัดกิเลสหยาบๆต่ำๆให้เป็นของขวัญสำหรับมันทุกๆวัน ดูซิมันชอบนะนั่นกระดิกหางตามมาให้ด่าทุกวัน สะใจ 555

    ปล. เอาธรรมดีๆเป็นแบบผู้ดีไปสอนมันไม่รู้เรื่องมันไม่รับมันเป็นบัวโง่ใต้โคลนตม กร๊าาากกกกๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    ปล2. นี่กูเสียลสะเพื่อคนทั้งเว็บเลยนะเนี่ย ที่ลงทุนมาเกลือกกลั้วกับคนโง่และต่ำช้าอย่างมึง เพื่อด่าสั่งสอนมึงที่เสือกไปทำตัวยกตนโง่ๆข่มชาวบ้านเขาไปทั่ว มึงยอมรับเองนะ กิเลสภูติคนโง่ตัวนี้ไล่ไปสอนคนฉลาดๆให้โง่ตามมาแล้วนับไม่ถ้วนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่ได้ๆ ทำแบบนี้ไม่ดีนะจร้ารู้ป่าวควายโง่ โง่ก็อยู่ส่วนโง่สิ จะเสือกเอาความโง่ไปแปดเปื้อนคนอื่นไม่ได้ 555

    ปกติกูพูดดี๊ดีไม่รู้เหรอ แต่ต้องยอมลดตัวลงมาด่ามึง นี่สิกูทำเพื่อส่วนรวมเลยนะ 555 มึงจะได้ไม่ไปวางกล้ามอวดความโง่ขี้ตีนกระจอกๆกับใครเขาอีกไง เร็วรีบมุดหัวกลับเข้าถ้ำมึงไป ไอ้เฒ่าดักดาน กร๊าาากกกกๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เอร่อออ....ขอวิธีทำหมูกรอบ ด้วยฮับ
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    กระทู้นี้น่าโหนคับ
    ความมีตัวมีตนควรค้นหาให้เจอเพื่อจะได้พบอิสระภาพ และใช้ตัวตนที่มี
    เอามาเป็นเครื่องมือ ในการละตัวตน
    เพื่อการเข้าถึงธรรม
    หากไม่มีตัวตนใครล่ะฮับ
    จะเป็นผู้เข้าใจใน สัพเพธัมมา อนัตตา
    ใครล่ะจะบรรลุธรรม คับ
     
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    มีตัวตน เพราะก็เป็นคนธรรมดานี้คงไม่เป็นไร

    หากแต่ว่าใช้ระบบ
    คำพูด > สัญญา > ผู้ดู + ผู้กระทำ(ตัวตน) > ดำเนินไปจนกว่าจะได้ตามสัญญาที่พูดไว้

    คนถือคำพูดตัวเองเป็นสำคัญแนวๆจะมาสร้างสัจจะทางคำพูด หากนำไปอวยพรผู้อื่นก็พอว่า

    แต่ทีนี้นำไปใช้ในทางดูถูกผู้อื่น หากผู้ที่ถูกดูถูกไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ
    คือเขาไม่ได้ต่ำตามที่ถูกดู ก็จะกลายไปเป็นดึงของสูงลงมาต่ำไปโดยปริยาย

    และในขณะเดียวกัน เวลาทำบุญกับพระ พระก็ให้พร เวลากราบไหว้พ่อแม่ พ่อแม่ก็ให้พรอีก


    แต่ทีนี้ผู้ที่ดูถูก หากดูแบบถูกจริงไม่เป็นไร หากแต่ว่าดูผิดไป จะได้รับแรงต้านทานประมาณไหน
    กับการกล่าวหาแบบไม่ได้เป็นไปตามจริง

    เช่น บุคคลหนึ่งทำฌานได้ แต่มีผู้ถือคำพูดตัวเป็นสัญญา บอกว่าเขาทำไม่ได้ทำไม่เป็น
    ใช้คำพูดไปกดเขา ผลกระทบก็ย่อมเกิดกับตัวผู้พูดเองนั้นหละ

    ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือบลาๆๆ ให้กับตัวเองและผู้อื่นและกลายเป็นว่าคนรอบข้างเห็นอวยไปด้วย
    ก็จะกลายเป็นผลพวงตามๆกันไปด้วย

    เป็นการปะทะย่อมๆ ระหว่าง สัญญาญาณ vs บลาๆๆ

    สัญญาถูก ความหมายถูก ปฏิบัติถูก

    หากไปสร้างสัญญาผิดๆด้วยการดูถูกตั้งแต่เริ่ม ใครจะลงหลุมไปก่อน ?

    Lord-of-the-Rings-Sauron-and-Frodo-ring.jpg

    เคยดูหนัง lord of the ring แหวนไปไหน ดวงตาก็จะติดตามดูไปทางนั้น

    ในทำนองเดีวกัน หากแหวนเป็น สัญญา ผู้ดู + ผู้กระทำ ก็จะเฝ้าติดตามไปอย่างนั้น

    ผมเคยเป็นอยู่กระบวนการนี้เลยพอมีอะไรให้สังเกตการณ์

    หากเวลาทำได้ตามสัญญานี้จะสบายใจ เพราะมีรักในสัญญา

    หากเวลาไม่ได้อะไรตรงตามสัญญาจะเกิดความชัง พลิกมาเลยทีเดียว

    มันเลยกลายเป็นการไปสร้างนิสัย หากรักก็รักจริง หากจะเกลียดก็เกลียดจริงๆ ไปโดยปริยาย

    หากเอาแต่พอดีๆ มันก็จะกลางๆ จะไม่สุดโต่งไปในแง่ รัก และ ชัง

    เรื่องทุกเรื่องที่เรากล่าวจะมาเอาไปเป็นสัจจะไปเสียหมดเลยไม่ได้หรอก
    เพราะเราไม่ได้ไปมี สติ+ปัญญา แบบแน่แท้ไปแล้วซะทุกเรื่อง

    อันนี้ผมถือว่าฝากไว้เป็นข้อคิดเฉยๆนะครับ
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ผมนี่ จะไม่ยอมให้ใครมารักผูกขาด หรือชังผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว
    เพราะผมชอบแจกรัก(เมตตา) ไปทั่วๆ
    แต่ลด ละ เลิกแจกชังลงไปเรื่อยๆ ฮับ
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    55555+

    ถ้าซื้อหวยคงถูกรังวัลใหญ่ไปแล้ว

    ถามไปว่า ยกตนข่มท่านตรงไหน? เสือกไม่ตอบเอาแต่ด่า ก็ว่ากันไป

    ถ้าด่าสบายใจแล้วทำให้ใกล้มรรคผลนิพพาน ก็เชิญด่าต่อไป อันนี้เชิญจริงๆ

    เพราะเห็นในบอร์ดนี้มามาก ร้อยทั้งร้อยเหมือนกันอย่างกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน

    แอบเนียนอยากตั้งตัวเป็นอาจารย์ทั้งนั้น โดยชอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาบังหน้า

    พอโดนเตือนเข้าหน่อย ทำเป็นรับไม่ได้ นี่แหละคือความหน้าสังเวชใจจริงให้ดิ้นตายสิ

    แทนที่จะสำนึก ออกมารีหรอบเดียวกัน ใช้คำพูดแบบถ่อยสถุลหาสกุลรุนชาติไม่ได้เลยจริงๆ

    ส่วนอีกแบบดีหน่อย พูดจาพอฟังได้ แต่ไร้สาระสิ้นดี เอาแต่พูดในสิ่งตนเองอยากพูดเท่านั้น

    รู้จักมั้ย "คำว่าสนทนาธรรม" นั้น จำไว้นะ ไม่ใช่บรรยายอะไรก็ไม่รู้ (รู้อยู่คนเดียวก็เอา)

    โดยที่ตนเองคิดเองเออเองว่าลึกซึ้ง ถ้าลึกซึ้งจริงคิดว่ากำหนดรู้แล้ว

    ป่านนี้ทิ้งบ้านหนีไปบวชหมดไม่เหลือหรอก

    ที่ยังเหลือเข้ามาเล่นก็กิเลสหยาบบาปหนาอุนจิเหม็นด้วยกันทั้งนั้น

    ไม่มาวนเวียนเป็นสัมภเวสีหาเพื่อนคุยอยู่ในนี้หรอกจะบอกให้ (ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น)

    แต่ก็นึกเสียดายคนเก่าๆที่มีคุณภาพทุกวันหายหน้ากันเกือบหมด

    จำไว้นะการสนทนาธรรมเพื่อเข้าถึงและรู้จักธรรมมากยิ่งๆขึ้นนั้น

    ต้องชี้ชัดๆลงไปว่า ผิดๆตรงไหน? ไม่ใช่เพราะอะไร? ใช่เพราะอะไร? แจ้งรายละเอียด

    ไม่ใช่แค่อยากจะคุยอวดในสิ่งที่อยากอวดเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์โภชน์ผลอะไร

    แผ่บุญ บอกตรงๆนะไม่ต้องอวดหรอกว่าลดตัวลงต่ำเพื่อช่วยคนในนี้

    ช่วยตัวเองก่อน ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ สงสัยโง่ดักดานจริงๆ

    ทุกวันนี้ก็ทำตัวต่ำเตี้ยติดดินจมอยู่กับมูตรคูถอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ

    แบบเรียกว่า "โง่ไม่รู้ตัวว่า โง่" อะไรก็ช่วยไม่ได้จริงๆ อย่าเพิ่งถอดใจนะ สู้ๆ

    ว่าไปแล้วก็ดีไปอย่างนะที่มีคนยังคิดถึงอยู่555+

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สัทธัมมัปปฏิรูปกสูตร ว่าด้วยสัทธรรมปฏิรูป
    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
    บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปะเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
    พระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ เมื่อก่อนสิกขาบท
    มีน้อย ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผลมีมาก และอะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ บัดนี้
    สิกขาบทมีมาก แต่ภิกษุตั้งอยู่ในอรหัตตผลมีน้อย”

    สาเหตุที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญ
    เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการนี้ เป็นไปเพื่อความเลือนหาย เพื่อความเสื่อมสูญไป
    แห่งสัทธรรม เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการอะไรบ้าง คือ
    ๑. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา
    ๒. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรม
    ๓. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระสงฆ์
    ๔. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในสิกขา

    ๕. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในสมาธิ
    เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการนี้ เป็นไปเพื่อความเลือนหาย เพื่อความเสื่อมสูญไปแห่งสัทธรรม

    http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=16&siri=151
    ^
    ^
    รู้จักหาความรู้จากพระธรรม หรือจากการสนทนาธรรมเพื่อค้นหาธรรมที่สนควรแก่ธรรม

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  9. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    คำพูดสถุนๆของไอ้เฒ่ากิเลสภูติในกะลา ที่ยกตนข่มกับคนที่เข้ามาเว็บนี้ทั้งหมด เหมือนตัวเองหล่อว่างั้น ไอ้ฟายต่ำอยู่ในกะลาแล้วไม่เจียม

    " ส่วนอีกแบบดีหน่อย พูดจาพอฟังได้ แต่ไร้สาระสิ้นดี เอาแต่พูดในสิ่งตนเองอยากพูดเท่านั้น

    รู้จักมั้ย "คำว่าสนทนาธรรม" นั้น จำไว้นะ ไม่ใช่บรรยายอะไรก็ไม่รู้ (รู้อยู่คนเดียวก็เอา)

    โดยที่ตนเองคิดเองเออเองว่าลึกซึ้ง ถ้าลึกซึ้งจริงคิดว่ากำหนดรู้แล้ว

    ป่านนี้ทิ้งบ้านหนีไปบวชหมดไม่เหลือหรอก

    ที่ยังเหลือเข้ามาเล่นก็กิเลสหยาบบาปหนาอุนจิเหม็นด้วยกันทั้งนั้น

    ไม่มาวนเวียนเป็นสัมภเวสีหาเพื่อนคุยอยู่ในนี้หรอกจะบอกให้ (ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น)

    แต่ก็นึกเสียดายคนเก่าๆที่มีคุณภาพทุกวันหายหน้ากันเกือบหมด

    จำไว้นะการสนทนาธรรมเพื่อเข้าถึงและรู้จักธรรมมากยิ่งๆขึ้นนั้น

    ต้องชี้ชัดๆลงไปว่า ผิดๆตรงไหน? ไม่ใช่เพราะอะไร? ใช่เพราะอะไร? แจ้งรายละเอียด

    ไม่ใช่แค่อยากจะคุยอวดในสิ่งที่อยากอวดเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์โภชน์ผลอะไร "


    กูก็สมเพชกับคำที่มึงสร้างภาพตอแหลขากถุยออกมากับจิตใจทิฐิผยองของมึงจริงๆ จงโง่ต่อไปไอ้ควายเฒ่าในกะลา คนอื่นๆเขาก็เห็นความระยำ ที่สร้างภาพตอแหล ยกตนโง่ๆ กระจอกๆขี้ตีน ลูกเจี๊ยบของมึงกันทั้งนั้น หมดแล้วภาพขี้ที่อุตส่าห์ปกปิดไว้ตั้งนานแสนนาน ต้องมาแตกกระจายซะแล้ว ขี้ภูติเฒ่าในกะลาซะด้วยสิ 555

    ไม่ต้องกลัวกูจะถอดใจไปไหนหรอก กูกำลังโปรดสัตว์โคตรโง่ตัวหนึ่งที่มันลำพองใจมันนักว่ามันฉลาด(น้อย)ให้มันหายโง่ซะบ้าง กูได้บุญ ของชอบของกูอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาเรื่องเข้าถึงธรรมอะไรมาอ้างหรอก สำหรับคนโง่ๆอย่างมึง แค่ด่านกูมึงก็ไม่ผ่านแล้ว กิเลสโง่โผล่เต็มหัวดอ มึงลืมถอกดูได้ไงไอ้เฒ่าสันดอสั้น อะจ๊าก

    อนัตตาเปรียบเหมือนยาขม คงไม่ใช่แล้ว ไอ้เฒ่าขี้ตีนภูติคือเสนียดยาขม อันนี้ใช่เลย กร๊าาากกกกๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ฮา ฮา ฮา

    เฮ้อ!!! เออเองเก่ง กรูก็ลองพิจารณาดูว่าเอ็งจะด่าได้ขนาดถ่อยสถุลขนาดไหน

    ก็เห็นวนเวียนอยู่ไม่กี่คำนี้ ที่คิดเองเออเองกระแทกถูกหูแล้วรู้สึกว่าอารมณ์พาไปเลย

    พยายามพูดไงก็ได้ยัดคำหยาบคำด่าลงไป โดยคิดว่าจะยัดเยียดอารมณ์ร่วมให้คนอื่นได้

    แบบนี้ต้องถือว่า "ถ่อยแผ่บุญ" คำนี้อาจฟังแล้วกระแทกหูอีกเช่นกันนะ

    แต่คำนี้ก็มีใช้ตั้งครั้งพุทธกาล พวกชอบโชว์ความเขลาเบาปัญญาที่เรียกว่า "ไร้สมอง"นั้น

    ก็ได้แค่นี้
    "ทำเป็นพูดถ่อมตนเดี๋ยวผมลบที่เขียนไว้ก็ได้" แล้วเป็นไงโชว์ควายซะแล้ว เฮ้อ !!!

    จำไว้นะ
    การสร้างภาพคือ อาการที่แสดงด้วยคำพูดข้างต้น ทำเหมือนถ่อมตน 5555+ ไอ้ถ่อย

    พอมีคนรู้ทันว่าทำไปเพราะมีอะไรแอบแฝงเท่านั้นก็เกิดอาการเหมือนกันหมด หึ หึ

    นี่แหละพวกที่อยากตั้งตัวเป็นอาจารย์ ความเป็นอาจารย์นั้นไม่ต้องอยากตั้งตัวหรอก

    ถ้าสามารถทำให้พวกมืดบอดตาสว่างได้ ความเป็นอาจารย์มันจะปรากฏในตัวมันเอง

    แปลกด้วยนะ ในบอร์ดนี้ มีพวกอยากเป็น "อาจารย์" เยอะมากจริงๆ จนนับไม่ไหว

    พยายามพูดอะไรก็ได้เยอะๆ ฟังแล้วงงๆ ใช้ศัพท์แสงเยอะวกวน และเปรอะไปหมด

    พอเจอการถูกจี้ถามแบบตรง เพื่อตามหาความจริงที่ถูกต้อง ก็กล่าวหาว่าเค้าหยาบคาย555

    ตอบไม่ได้กลับออกอาการเดียวกันหมด "ด่าแหลก" ไว้ก่อน อันนี้เป็นสันดานพวก "อาจม"จร้า

    ด่าโดยไม่มีสำนึก และความละอายเลย ก็ไม่แปลกใจก็มันไม่มีอยู่แล้ว เพราะความอยากบังตาไว้

    ก็ไม่มีอะไรหรอกกะว่า จะให้ด่าเล่นไปซะเดือนสองเดือน

    เชื่อมั้ยว่าทำไรไว้ต้องได้รับคืนในสิ่งนั้นแน่นอน (เวรกรรมมีจริง) 5555

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

    ปล. ทำเสียสถาบันคนใต้หมด
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สาระธรรมวันนี้

    สภิยสูตรที่ ๖

    พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า
    ผู้ใดลอยบาปทั้งหมดแล้ว เป็นผู้ปราศจากมลทิน มีจิตตั้งมั่นดี
    ดำรงตนมั่น ก้าวล่วงสงสารได้แล้ว เป็นผู้สำเร็จกิจ (เป็น
    ผู้บริบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป็นต้น) ผู้นั้นอันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว
    เป็นผู้คงที่ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ผู้ใดมีกิเลสสงบแล้ว
    ละบุญและบาปได้แล้ว ปราศจากกิเลสธุลี
    รู้โลกนี้และโลกหน้าแล้ว ล่วงชาติและมรณะได้ ผู้คงที่ เห็นปานนั้น

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=8782&Z=9006&pagebreak=0

    ^
    ^
    เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว ดำรงตนมั่น ใช่ดำรง"จิตของตน"ไว้มั่นใช่หรือไม่?

    อย่าลืมนะ ใช่เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะอะไร

    ระวังนะ อย่าด่าเพลินจนไปถูกพระพุทธพจน์เข้าละ


    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  12. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    ฮา ฮา ฮา

    เฮ้อเออไอ้โง่ กรูก็ลองพิจารณาดูว่าเอ็งจะด่าได้ขนาดถ่อยสถุลขนาดไหน
    ก็เห็นวนเวียนอยู่ไม่กี่คำนี้

    แบบนี้ต้องถือว่า "ถ่อยเฒ่าภูติ" คำนี้อาจฟังแล้วกระแทกหูอีกเช่นกันนะ
    แต่คำนี้ก็มีใช้ตั้งครั้งพุทธกาล พวกชอบโชว์ความเขลาเบาปัญญาที่เรียกว่า "ไร้สมอง"นั้นก็ได้แค่นี้ แล้วเป็นไงโชว์ควายซะแล้ว เฮ้อ !!!

    จำไว้นะไอ้เฒ่าสถุนภูติ การสร้างภาพคือ อาการที่แสดงด้วยคำพูดข้างต้น ทำเหมือนถ่อมตน 5555+ ไอ้ถ่อย

    พอมีคนรู้ทันว่าทำไปเพราะมีอะไรแอบแฝงเท่านั้นก็เกิดอาการร้อนตัว หึ หึ
    นี่แหละพวกที่อยากตั้งตัวเป็นอาจารย์ ความเป็นอาจารย์นั้นไม่ต้องอยากตั้งตัวหรอก
    ถ้าสามารถทำให้พวกมืดบอดตาสว่างได้ ความเป็นอาจารย์มันจะปรากฏในตัวมันเอง

    แปลกด้วยนะ ในบอร์ดนี้ มีไอ้เฒ่าสถุนภูติไม่เจียมกะลาอยากตั้งตัวเป็น "อาจารย์" จนตัวสั่น
    พยายามพูดอะไรก็ได้เยอะๆ ฟังแล้วงงๆ ใช้ศัพท์แสงเยอะวกวน และเปรอะไปหมด
    พอเจอการถูกจี้ถามแบบตรง เพื่อตามหาความจริงที่ถูกต้อง ก็กล่าวหาว่าเค้าหยาบคาย555
    ตอบไม่ได้กลับออกอาการ "ร้อนตัว" ไว้ก่อน อันนี้เป็นสันดานพวก "อาจม"จร้า

    ถุยมาโดยไม่มีสำนึก และความละอายเลย ก็ไม่แปลกใจก็มันไม่มีอยู่แล้ว เพราะความอยากบังตาไว้ ก็ไม่มีอะไรหรอกกะว่า จะให้ด่าเล่นไปซะปีสองปี
    เชื่อมั้ยว่าทำไรไว้ต้องได้รับคืนในสิ่งนั้นแน่นอน (เวรกรรมมีจริง) อย่าแพ้กูล่ะ 5555 ไม่ใช่สิ

    ปล.รวดเร็วทันใจ คริๆ ไม่ต้องเน้นเนื้อหา สั่งสอนคนโคตรโง่ไม่จำเป็นต้องมีสาระ ไอ้เฒ่ากระจอกๆบ่มในกะลา กร๊าาาากกกกๆๆๆๆๆ
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ฮับ ....รอดูการออกหมัด
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หวดเข้าไป "ยกที่เท่าไรแล้วเนี๊ยะ" ลุงแมว ย้ายไปนั่ง Rim side ดีก่านะ จาได้เห็นชัด ๆ ...
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    5555+

    ว่าแล้วเล่นกับหมาๆเลียปาก เล่นกับสากๆตำมือ

    เล่นกับคนถ่อย เป็นอะไรดีวะ มันก็ยังคงถ่อยเหมือนเดิม

    กรูก็ว่าแล้ว ทำได้แต่ย้อนคำ เพิ่มคำที่คิดว่าเจ็บลงไม่อีกนิดหน่อย เป็นกระสาย

    คำที่คิดว่าหยาบลงไปอีกนิดหน่อย แค่นี้นึกว่าเจ๋ง เรียกพวกหางเครื่องได้

    ไอ้คั้นจะไม่เข้ามาตอบ ก็กลัวหน้า มรึงนี่เป็นคนใต้ที่สวะ (ทำได้แค่นี้)

    ที่กรูปล่อยให้มรึงด่าแบบไร้สาวะแบบที่มรึงชอบ

    ก็เพราะเชื่อแบบเต็มหัวใจว่า "เวรกรรมมีจริง กรูรับได้"

    ขนาดตอนเข้าไปที่พันทิปใหม่ๆ(48) เจอคนถ่อยที่หยาบยิ่งกว่ามรึงอีก

    แต่เชื่อหรือไม่? เฮ้ย!!! มันกลับตัวทันวะ รู้ว่าตัวเองโง่ มันเลยฉลาดขึ้นได้

    แต่สำหรับมรึง กรูก็จะเบิ้งไปเรื่อยๆเช่นกันว่า เมื่อกาลเวลาย้อนกลับมาที่มรึง

    กรูบอกได้เลยโดยไม่ต้องรอเวลานั้น มรึงรับไม่ได้อย่างแน่นอน

    ขนาดแค่ "เตือน" มรึงยังดิ้นรนได้ยังกะ ไส้เดือนที่เจอขี้เถ้า น่าเวทนาสงสารจากใจจริง

    แต่ก็ปากหมานอีกนะว่า "ไม่ชอบผมจะลบให้ก็ได้" แล้วเป็นไง โชว์ซะกรูยังอายแทน

    แต่มรึงคงอย่างหนาตราช้างแล้ว พยามยามไปเรื่อยๆนะ ไม่ต้องรอไปปีสองปีหรอก

    ชีวิตนี้สั้นนัก เมื่อถึงเวลาก็รู้จักระวังด้วยล่ะ กรรมที่ทำลงไป มันจะโผล่ตามมาทวงแน่นอน

    ยิ่งไม่รู้จักสัมมาสมาธิ(ครุกรรมฝ่ายกุศล) ยังไม่มีฐานที่ตั้งของสติ

    เพราะความเกียจคร้านในความเพียรเพ่งภาวนา ปรามาสในสมาธิ

    มัวแต่เล่นอยู่แต่ในนี้ เพราะความเหงาอยากมีเพื่อน อยากอวด อยากโชว์ ฯลฯ

    เฮ้อ!!! เห็นมาเยอะ อวยกันไปอวยกันมา "หลง" จนคิดว่าตนเองมีภูมิธรรมนั้นจริงๆ

    ยิ่งเมื่อก่อน อริยะตราตั้งเยอะมาก หรือ น้อยกว่า อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ตาม

    เอ็งลองใช้หัวที่มีไว้กั้นหูคิดดู ขนาดแอดที่เค้าดูแลเรื่องคำสอนของครูบาอาจรย์

    ที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับบอร์ดนี้ในตอนใหม่ๆ เค้ายังต้องปิดให้แสดงความคิดเห็นเลย

    เพราะอะไร? เพราะคนอย่างพวกเอ็งยังไง มันเยอะจริงที่ชอบแอบอ้าง ผีเจาะปาก

    ฝากให้อ่านๆก็ได้ไม่อ่านก็ได้ เรื่องของมรึง กรูไม่เกี่ยว

    "เมื่อปิลินทวัจฉะ บวชแล้ว ได้พยายามศึกษาวิชามหาคันธาระ ตามที่พระบรมศาสดา
    ประทานสอนให้ โดยให้ท่านพิจารณาพระกรรมฐานตามสมควร แก่อัธยาศัย ท่านได้พยายามอยู่
    ไม่นานก็ได้สำเร็จวิชามหาคันธาระ ซึ่งก็นับว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา

    มีปกติเรียกคนอื่นว่า “คนถ่อย”
    พระปิลินทวัจฉะ เป็นผู้มีปกติเรียกภิกษุด้วยกัน และคฤหัสถ์ทั้งหลายด้วยถ้อยคำว่า “คนถ่อย”


    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สาระธรรมวันละสูตร

    ภัททาลิสูตร...18
    คุณแห่งการฉันอาหารหนเดียว...(ภิกษุทำให้บริบูรณ์ในสิกขา)

    ดูกรภัททาลิ ส่วนภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา
    เธอมีความดำริอย่างนี้ว่า ถ้ากระไรเราพึงเสพเสนาสนะอันสงัด
    คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง
    บางทีเราพึงทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษ
    คือความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ได้ ดังนี้.

    เธอเสพเสนาสนะอันสงัด
    คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง
    เมื่อเธอหลีกออกอยู่ด้วยประการนั้น แม้พระศาสดาก็ไม่ทรงติเตียน
    แม้เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายใคร่ครวญแล้วก็ไม่ติเตียน
    แม้เทวดาก็ไม่ติเตียน แม้ตนเองก็ติเตียนตนไม่ได้

    เธอแม้อันพระศาสดาไม่ทรงติเตียน แม้เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายไม่ติเตียน
    แม้เทวดาไม่ติเตียน แม้ตนเองติเตียนตนไม่ได้ ย่อมทำให้แจ้งชัดซึ่งคุณวิเศษ
    คือ ความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์.


    ภิกษุนั้นเธอสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
    ศาสดาไม่ทรงติเตียน แม้เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายไม่ติเตียน
    แม้เทวดาไม่ติเตียน แม้ตนเองติเตียนตนไม่ได้
    ย่อมทำให้แจ้งชัดซึ่งคุณวิเศษ
    คือความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์.

    ภิกษุนั้นสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
    มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ดูกรภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา.

    ดูกรภัททาลิ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน
    มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
    เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ดูกรภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา.

    ดูกรภัททาลิ อีกประการหนึ่ง
    ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน
    ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ดูกรภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา.

    ดูกรภัททาลิ อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน
    ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
    มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ดูกรภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา.

    http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2962&Z=3252

    ^
    ^
    "เธอแม้อันพระศาสดาไม่ทรงติเตียน แม้เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายไม่ติเตียน
    แม้เทวดาไม่ติเตียน แม้ตนเองติเตียนตนไม่ได้"

    น่าจะชัดเจนนะ ว่าการภาวนามยปัญญา(สัมมาสมาธิ)นั้น ใครๆก็ไม่กล้าติเตียน

    แม้พระศาสดาเองก็ไม่ทรงติเตียน แม้ตนเองยังติเตียนตนเองไม่ได้

    แม้ตนเอง ใช่"จิตของตน" ตนที่เป็นที่พึ่งได้ใช่หรือไม่?

    อย่าเพิ่งรีบกลัวสมาธิ โดยที่ยังไม่รู้จัก "สัมมาสมาธิ" ที่แท้จริง เพราะยังเข้าไม่ถึง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  17. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    5555+

    กูก็ว่าแล้วเล่นกับหมาๆเฒ่าภูติเลียปาก เล่นกับสากๆตำมือ
    เล่นกับคนเฒ่าถ่อยๆ เป็นอะไรดีวะ มันก็ยังคงถ่อยเหมือนเดิม
    กูก็ว่าแล้ว ทำได้แต่ย้อนคำ เพิ่มคำที่คิดว่าเจ็บลงไม่อีกนิดหน่อย เป็นกระสาย
    คำที่คิดว่าหยาบลงไปอีกนิดหน่อย แค่นี้นึกว่าเจ๋ง เรียกพวกหางเครื่องได้
    ไอ้คั้นจะไม่เข้ามาตอบ ก็กลัวหน้าหมาของ มึงนี่เป็นคนเฒ่าระยำที่สวะ (ทำได้แค่นี้)

    ที่กูปล่อยให้ยกตัวตนกระจอกแบบไร้สาวะแบบที่มึงชอบ
    ก็เพราะเชื่อแบบเต็มหัวใจว่า "เวรกรรมมีจริง และมึงกำลังรับอยู่"
    แต่เชื่อหรือไม่? เฮ้ย!!! มึงกลับโง่มาให้กูด่า มึงไม่เคยรู้ตัวเองว่าโง่ และก็ยังโง่ได้ต่อไปเรื่อยๆ

    และสำหรับมึง กูก็จะจัดการไปเรื่อยๆเช่นกันว่า เมื่อกาลเวลาย้อนกลับมาที่มึง
    กูบอกได้เลยโดยไม่ต้องรอเวลานั้น มึงรับไม่ได้อย่างแน่นอน
    ขนาดแค่ "เตือน" มึงยังดิ้นรนได้ยังกะ ไส้เดือนที่เจอขี้เถ้า น่าเวทนาสงสารจากใจจริง

    และก็ปากหมาอีกนะว่า "ใครโดนไอ้โง่ภูตินี้เตือนต้องยอม" ถุย แล้วเป็นไง โชว์ซะกูยังอายแทน
    แต่มึงคงอย่างหนาตราช้างแล้ว พยามยามไปเรื่อยๆนะ ไม่ต้องรอไปปีสองปีหรอก
    ชีวิตนี้สั้นนัก เมื่อถึงเวลาก็รู้จักระวังด้วยล่ะ กรรมที่ทำลงไป มันจะโผล่ตามมาทวงแน่นอน
    ยิ่งไม่รู้จักสัมมาสมาธิ(ครุกรรมฝ่ายกุศล) ยังไม่มีฐานที่ตั้งของสติ
    เพราะความเกียจคร้านในความเพียรเพ่งภาวนา ปรามาสในสมาธิ
    มัวแต่เล่นอยู่แต่ในนี้ เพราะความเหงาอยากมีเพื่อน อยากอวด อยากโชว์ ฯลฯ

    เฮ้อ!!! พึ่งมาเห็นไอ้เฒ่า "หลงตัวเองสุดๆ" จนคิดว่าตนเองมีภูมิธรรมนั้นจริงๆ
    คิดว่าตนเป็น อริยะตราตั้งหรือไง มึงลองใช้หัวที่มีไว้กั้นหูคิดดู ขนาดแอดที่เค้าดูแลเรื่องคำสอนของครูบาอาจรย์ที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับบอร์ดนี้ในตอนใหม่ๆ เค้ายังต้องปิดให้แสดงความคิดเห็นเลย

    เพราะอะไร? เพราะคนอย่างมึงยังไง ไอ้เฒ่ากระจอกผีเจาะปาก

    มึงปกติคือ “คนถ่อย” ไอ้เฒ่าภูติ คนไร้สำนึก คนถ๊อย ถ่อย เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาบี้กูสม กร๊าาากกกกๆๆๆๆๆๆ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ฮา ฮา ฮา

    ไอ้ถ่อยเอ๊ย...มรึงทำได้กรากมาก ทำได้แค่นี้เองหรือ?

    แค่เอาคำพูดคนอื่นที่พูดไปแล้ว ไปเลี้ยเอามันเข้าปากตนเองแล้วก็พ่นออกมาเท่านั้น

    เปลี่ยนแค่ประธาน กรูก็ว่าแล้วคนอย่างมรึงทำไมถึงชอบแอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์

    กรูก็ลองเตือนมรึงดูแค่นั้นเองด้วยคิดว่าหวังดี ไม่ได้มีอะไรในใจเลย

    มรึงกลับสดุ้งแสดงอาการออกมาได้ขนาดนี้ กรูล่ะงงกับมรึงจริงๆ ตามที่เคยเขียนไป

    แต่ก็ดีนะ ได้คนอย่างมรึงมาสอบอารมณ์ อย่าเพิ่งถอยนะ สู้ๆ เอาสาระด้วยสิ

    คิดเสียว่า เหมือนคนที่ชอบหรือติดการเล่นการพนัน(อบายมุข)

    มักชอบพูดว่า "เงินทองกินกัน แต่ความสัมพันธ์ยังอยู่" ก็เล่นได้นิหว่าจึงพูดได้5555

    กรูพิจารณาดูแล้วไม่น่าติดใจ มรึงลองพิจารณาดีๆก็จะเห็นว่าที่ร้อนใจไปนะใคร

    นี่แหละธรรมะของจริง ดีกว่าอวยไปอวยมาหาสาระความจริงไม่ได้

    กรูก็เลยเอาที่ลงไว้ที่พันทิพ ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านดู
    โดยถามรัวๆ ตอบแบบรัวๆ ก็มั่วไปบ้าง555 แต่ก็ยังอยู่ในธรรม

    https://pantip.com/topic/37947291

    กรูเองก็พยายามหาเรื่องพูดไปเรื่อยๆ กลัวมรึงจะถอดใจ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สาระธรรมวันละสูตร

    ๔. อนิจจสูตรที่ ๒
    ว่าด้วยความเป็นไตรลักษณ์แห่งขันธ์ ๕

    พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
    สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น
    ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.
    เวทนาไม่เที่ยง ...
    สัญญาไม่เที่ยง ...
    สังขารไม่เที่ยง ...
    วิญญาณไม่เที่ยง...
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
    สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น
    ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.

    เมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้
    ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น (อดีต) ย่อมไม่มี
    เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้นไม่มี ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย (อนาคต) ย่อมไม่มี
    เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลายไม่มี ความยึดมั่นอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี.

    เมื่อความยึดมั่นอย่างแรงกล้าไม่มี จิตย่อมคลายกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น. เพราะหลุดพ้น
    จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่
    จึงยินดีพร้อมเพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น
    ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.

    http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=17&A=1025&Z=1041&pagebreak=0

    *********************************
    ^
    ^
    พระพุทธพจน์ชัดๆไม่ต้องตีความตามมติสาวกภาษิต
    เมื่อไม่มีความยึดมั่นถือมั่นอย่างแรกกล้าในจิตนั้น
    จิตย่อมเบื่อหน่ายในรูปนามขันธ์๕ เมื่อเบื่อหน่ายจิตก็คลายกำหนัดในรูปนามขันธ์๕
    จิตย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย จิตจึงดำรงอยู่ ไม่ได้ดับตายหายสูญใช่หรือไม่?

    เมื่อจิตสามารถปล่อยวางความยึดมั่นในรูป-นามขันธ์ได้แล้ว
    จิตจะหวนกลับมาโง่เขลาเบาปัญญายึดมั่นในตนเองอีกทำไม?
    การปฏบัติอริยมรรคมีองค์๘ เป็นการปฏิบัติทางจิต
    เพื่อให้จิตรู้จักการสลัดคืน การปล่อยวางความยึดมั่นในรูปนามขันธ์๕

    ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.
    เวทนาไม่เที่ยง ...
    สัญญาไม่เที่ยง ...
    สังขารไม่เที่ยง ...
    วิญญาณไม่เที่ยง...
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
    สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น
    ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.

    จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่
    จึงยินดีพร้อมเพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น
    ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.

    พระพุทธชัดๆขนาดนี้ยังจะเอา จิต มายำจะเละเทะไปหมดเลยนะ
    มีตรงไหนในพระสูตรที่ยกมา พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
    จิต ไม่ใช่เรา ไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของ เล่นสอนกันเกินพระบรมครู ก็แย่สิ ธรรมะเสียหายหมด
    กลับทิฐิเสียใหม่ก็ยังไม่สาย หัดยืนอยู่บนหลักเหตุผลตามความเป็นจริงบ้างก็ดีนะ
    ในพระสูตรทรงตรัสว่า ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น
    มีตนอีกและ ใช่ตนคือจิตที่ดำรงอยู่ใช่หรือไม่?
    ใช่ตนเป็นที่พึ่งที่อาศัยดับรอบ๓ อาการ๑๒เแพาะตนใช่หรือไม่?


    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  20. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +308
    ฮา ฮา ฮา

    ไอ้ถ่อยภูติเอ๊ย...มึงทำได้กรากมาก ทำได้แค่นี้เองหรือ?

    แค่เอาคำพูดคนอื่นที่พูดไปแล้ว ไปเลียเอามันเข้าปากตนเองแล้วก็พ่นออกมาเท่านั้นหรือ กรูก็ว่าแล้วคนอย่างมึงทำไมถึงชอบแอบอ้างพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ยกตัวข่มคนอื่นแบบไร้น้ำยา

    กูก็ลองเตือนมึงดูแค่นั้นเองด้วยคิดว่าหวังดีมึงกลับสดุ้งแสดงอาการออกมาได้ขนาดนี้
    แต่ก็ดีนะ ได้คนอย่างมึงมาสอบอารมณ์ อย่าเพิ่งถอยนะ สู้ๆ เอาสาระด้วยสิไอ้ภูติโง่

    คิดเสียว่า เหมือนคนที่ชอบหรือติดการเล่นการพนัน(อบายมุข)
    มักชอบพูดว่า "เงินทองกินกัน แต่ความสัมพันธ์ยังอยู่" ก็เล่นได้นิหว่าจึงพูดได้5555

    กูพิจารณาดูแล้วไม่น่าติดใจ มึงลองพิจารณาดีๆก็จะเห็นว่าที่ร้อนใจไปนะใคร

    นี่แหละธรรมะของจริง ดีกว่าอวยไปอวยมาหาสาระความจริงไม่ได้
    กูเองก็พยายามหาเรื่องพูดไปเรื่อยๆ กลัวมึงจะถอดใจ

    เจ็บใจละสิ ไอ้เฒ่ากระจอกบ่มในกะลา กร๊าาาากกกกกๆๆๆๆๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...