แจ้งเตือนเรื่อง ฝนที่ตกโปรยปรายอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ ฝนตามฤดูกาล แต่เป็น ฝนนิรมิต

สำหรับเรา ฤทธิ์ ก็เป็นแค่ มีดปอกผลไม้ เท่านั้น
เป็นแค่อุปกรณ์ติดตัวอันหนึ่ง
ยามทั่วไป ก็ใช้มีดไว้ทำอาหาร
ยามคับขัน ก็ใช้มีดทำอาวุธป้องกันตัว
ยามว่าง ก็วางมีดลง จะไปถือไว้ทำไมให้เหนื่อยเปล่า

ฉนั้น การใช้อภิญญา จึงเป็นมุมมองของคนที่มอง
หากใครมองว่า มันมีผลเสียอย่างเดียว
ก็แสดงว่า เค้าคนนั้น ชอบมองมุมเดียว
โลกทัศน์ จึงคับแคบมาก และ ชอบมองผู้อื่นในแง่ร้าย

ปรับปรุง มิจฉาทิฏฐิ ให้ดี ให้ตรงทาง จะไม่หลงทางอีก

 

ขออภัยด้วย เห็นจะปฏิบัติตามคำขอของท่านไม่ได้
เพราะว่าทางเว็บเขาจำกัดการเปลี่ยนชื่อไว้ไม่เกินห้าครั้งต่อคนเท่านั้น
ในเมื่อใช้สิทธิ์ในการเปลี่ยนชื่อครบแล้ว ก็จำต้องใช้ชื่อนั้นตลอดไป คำว่า บุคคลว่างเปล่านั้น คงจะต้องส่งคืนกลับไปให้ท่าน หากเห็นว่าดี ก็ควรจะพิจารณานำมาใช้ต่อไป

 

มันเป็นความไม่รอบคอบของตัวคุณเองมากกว่า
เพราะไม่มีคำไหนที่บอกว่ามีผลเสียอย่างเดียว
มีแต่คำว่า โลกได้รับความเสียหายมากกว่าผลดี

 

คนเราจะฝึกละอะไร ก็จะต้องได้สิ่งนั้นมาก่อน
หากยังไม่ได้สิ่งนั้นมา และจะมีอะไรให้ละ

คนเราถ้าอยากจะปล่อยวางฤทธิ์
ก็ต้องฝึกใช้ฤทธิ์ ให้ได้เสียก่อน
แล้วค่อยไป ปล่อยวาง มัน
หากท่าน ไม่เคย เล่นฤทธิ์ ด้วยตัวท่านเอง
แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า
แบบไหนกันที่เค้าเรียกว่า ติดฤทธิ์
และแบบไหนกันที่เค้าเรียก ปล่อยวางฤทธิ์

 

ท่านเป็นผู้ที่ชอบศึกษา
เราเห็นว่า นี่เป็นส่วนดีของท่าน
เราจึงเตือนท่าน ยอมมีบุพกรรมร่วมกัน
ทีแรก จะปล่อยวางแล้ว
แต่พอมาคิดว่า เราน่าจะให้ข้อคิดท่านก่อน
เผื่อท่านคิดได้ภายหลัง
หลังจากที่กลับไปศึกษา มโนมยิทธิ
ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ให้มากๆจะเข้าใจได้เอง ในภายหลัง

ส่วนที่ท่าน ได้รับการสอนจาก สายพระป่าที่ไม่มีฤทธิ์
หรือ พระสายปัญญาอย่าง ท่านพุทธทาส
แล้วมาแอนตี้ว่า ฤทธิ์ ไม่ดีอย่างเดียว
อันนี้ เรียกว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

แปลว่า ถ้าชาตินี้ผมมาเล่นอินเตอร์เน็ต เล่นคอมพิวเตอร์ได้ ก็เพราะชาติก่อน ผมเคยเล่นอินเตอร์เน็ต เล่นคอมพิวเตอร์มาก่อน อย่างนั้นหรือ
มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่ออินเตอร์เน็ต และคอมพิวเตอร์ เพิ่งจะมาเฟื่องฟูในไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง

อีกประการหนึ่ง การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ต่างๆ ท่านบรรลุครั้งเดียวเท่านั้น
ทุกองค์ไม่เคยบรรลุในชาติอดีตแล้วมาบรรลุใหม่
มีแค่การบรรลุครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง

ถ้ายึดหลักตามที่คุณว่ามา ว่า การทำสิ่งใดๆ ต้องเคยทำสำเร็จมาก่อนในอดีต แล้วการบรรลุธรรม
ของพระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ทั้งหลายจะทำอย่างไร
ในเมื่อทุกท่่าน ก็บรรลุกันเป็นครั้งแรกทั้งนั้น ไม่เคยมีท่านใด เคยบรรลุมาก่อนในอดีตชาติ

 

เหอะๆๆ ข้อนี้ ผมว่าคุณเองต่างหาก ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
จึงได้ไปกล่าวปรามาส บรรดาพระป่า และพระสายหลวงพ่อปัญญาว่าไม่มีฤทธิ์

คุณมีความคิดเห็นว่า ใครที่อออกมากล่าวติเตียนการใช้อิทธิฤทธิ์
ก็จะหาว่า เขาคนนั้นไม่มีฤทธิ์ มีครูบาอาจารย์ที่ไม่มีฤทธิ์
ข้อนี้ ผมเห็นว่า คุณยังมีมิจฉาทิฏฐิอยู่มาก

ผมได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า พระพุทธองค์ ทรงไม่สรรเสริญการติดอยู่ในฤทธิ์
ข้อนี้ คุณจะเหมารวมเอาพระพุทธองค์เข้าไปด้วยหรืออย่างไร ?

 

ที่ผมจะบอกก็คือ
ผมกำลังเตือน เพื่อนร่วมโลก
ที่อธิษฐานจิตมาคอยช่วยเหลืองานของ
พระโพธิสัตว์ศรีอาร์ย ที่เคยรับปากกับ
พระสมณโคดมพุทธเจ้า ว่า
เมื่อถึง ยุดกึ่งพุทธกาล หรือ ครึ่งยุคพุทธกาล
เมื่อ พระสัทธรรมปฏิรูป หรือ ธรรมะปลอมปน
หรือ เปลือกพระธรรม หรือ พิธีกรรมมากไป
ท่านจะอาสา ลงมาช่วยกัน ฟื้นฟูพระศาสนา
ให้คงอยู่จนถึง 5 000 ปีมนุษย์

บัดนี้ถึงเวลาแล้ว
ขอให้เรารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
ร่วมกันจัดการกับ ดินฟ้าอากาศ
ให้เข้าที่เข้าที่เข้าทางก่อน
จะเราจะคอยบอกว่า
จะต้องทำอะไรต่อไป

ส่วนท่าน จะคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้
มันก็เป็นสิทธิของท่าน
เพราะเราเอง เราก็ยังคิดว่า มันเป็นไม่ได้
แต่เราก็จะทำ สำเร็จหรือไม่ ก็ไม่ใส่ใจแล้ว

 

ความจริง การที่ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้ของคุณนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์
ที่จะเข้ามาตำหนิเตียนคุณ
แต่มีความประสงค์มาบอกให้บรรดาท่านผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย ได้ทราบว่า
การใช้อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ไปยุ่งกับธรรมชาตินั้น มันมีต้นทุน มันมีค่าใช้จ่าย ไม่ใช่การใช้ฟรีๆ เหมือนกับการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์

ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ ก็คือ พลังบุญบารมี ที่แต่ละคนสะสมเอาไว้นั่นเอง
ซึ่งเมื่อใช้ไปมากๆเข้า วันหนึ่งมันก็จะหมดลง

อีกอย่างหนึ่ง การไปยุ่งกับธรรมชาติ มันมีกรรมติดตามมา
เพราะคุณไม่สามารถจะทราบได้ว่า ในการใช้อิทธฤทธิ์ครั้งหนึ่งๆนั้น มันมีผลกระทบกับอะไรบ้าง
มีคนเจ็บคนตายไปเท่าไหร่ มีคนเดือดร้อนไปเท่าไหร่
มีสัตว์ตายไปเท่าไหร่ ? ซึ่งการนี้ ผู้กระทำจำต้องรับผิดชอบ
ซึ่งมันก็คือ การแส่เอาบาปเข้าหาตัวนั่นเอง
สิ้นเปลืองบุญบารมียังไม่พอ ยังได้บาปติดตัวอีกด้วย
และถ้าใช้จนมีผู้เดือดร้อนมากๆ อาจถูกพิจารณาลงโทษ ไม่ให้ใช้ฤทธิ์นั้นได้อีกต่อไป
ที่สำคัญคือ คนที่ใช้ไม่ระวัง ธรรมชาติก็ปั่นป่วน เกิดความเสียหายให้แก่บ้านเมือง

 

หากผมบอกว่า ถ้าหากว่า ชาตินี้ผมเป็น พระโสดาบัน
พอเกิดมาชาติหน้า ผมจะยังไม่รู้ว่า ตัวผมเองเป็น พระโสดาบัน
ต้องมีการเตือน หรือ เห็นนิมิต เสียก่อน
จึงจะได้ เป็นพระโสดาบัน ความเป็นพระโสดาบัน
จะเงียบๆ อยู่ช่วงหนึ่ง คุณคิดว่าไง

 

กระนั้น ถ้าต่อไป ปรากฏว่า มีพายุฝนเข้ามา พัดท่วมบ้านเรือนจนเสียหาย
ผู้คนและสัตว์พากันล้มตาย ผมควรจะไปโทษใครดี ??
หรือว่า ต้องเข้ามาเว็บพลังจิต แล้วโพสต์ด่าพวกท่าน ??

หรือ ถ้าเกิดภัยแล้งจนผู้คนเดือดร้อน ผมก็ต้องเข้ามาโพสต์โทษพวกท่านกระมัง
เพราะพวกท่านออกมาบอกเองว่า เป็นผู้ทำ ??

ฉะนั้น ความผิดทั้งมวล ก็ต้องโยนให้พวกท่าน

 

เหอะๆๆ ความรู้เหล่านั้น เป็นปัจจัตตัง ไม่มีใครตอบแทนใครได้

 

พระสายป่าศิษย์หลวงปู่มั่น ที่เป็น พระอริยะเจ้า
มีทั้งที่เป็น ผู้มีฤทธิ์เต็ม เช่น หลวงปู่เสาร์
ที่เป็นอาจารย์ด้านฤทธิ์ คอยสอนหลวงปู่มั่นให้ใช้ฤทธิ์
และได้ติดอยู่ในฤทธิ์อภิญญา จนบรรลุธรรมไม่ได้
ต้องรอให้หลวงปู่มั่น มาแนะนำ การปล่อยวางฤทธิ์
แล้วจึงได้บรรลุธรรม ตามลูกศิษย์ไป

ต่อมา ลูกศิษย์ชั้นหลัง เช่น พระอาจารย์บางรูป
ที่สอนเรื่องการดูจิต เป็นพระสายปัญญาวิมุตติ
หลุดพ้นได้ด้วยปัญญาตนเอง ไม่มี อภิญญา
หรือ พระอาจารย์ที่สอนเรื่อง การพิจารณาเกิดดับ
ก็เป็น พระสายปัญญาวิมุตติ เช่นกัน
แต่น่าเสียดาย โดนผู้ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ขับท่านออกจากสำนัก นี่ก็เป็น บุพกรรมของท่าน

หรือจะเป็น หลวงพ่อพุทธทาส
ที่เป็นพระสายปัญญา เน้นเห็นทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมุติ
ท่านสำเร็จจิต ด้วยการพิจารณา อนัตตาธรรม
ทำให้ท่านสามารถอธิบาย ธรรมะฝ่ายมหายานที่เน้นสอนหลักอนัตตาได้อย่างคล่องแคล่ว
ควรแก่การที่ วัดจีน ในประเทศไทย
ต้องมาศึกษาธรรมะของท่าน

ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า
หากเรามีฤทธิ์ เราก็ควรจะใช้ฤทธิ์
เพื่องานฟื้นฟูพระพุทธศาสนา
เหมือนอย่างที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
และ เหล่าลูกศิษย์ของท่าน ช่วยกันทำ

หากเราไม่มีฤทธิ์ เราก็ใช้ด้านปัญญาของเรา
ในการเผยแพร่ศีลห้า ที่ใครก็ตามที่ถือได้
จะไม่มีทางตกอบายภูมิเลย
เผยแพร่เรื่อง นรก สวรรค์ บาปบุญคุณโทษ
เรื่องกตัญญู การรักษาคำพูดตนเอง

และถ้าหากใครไม่มีทั้งฤทธิ์ ทั้งปัญญา
ที่จะช่วยพระพุทธศาสนา ก็ยังมี ด้านวิริยะบารมี
คือ คอยอาสาลงแรง หรือ คอยช่วยเหลือด้านทรัพย์
โดยไม่ต้องไปใช้ทั้ง ฤทธิ์ และ ปัญญา
แต่อาสาทำงาน ตามกำลังความสามารถที่ตนมี

 

อันนี้ก็เป็นจริง หากเรา ด่าว่าใครแล้ว
เขาไม่รับ หรือ ไม่รับรู้ หรือว่า เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น
คำด่า มันก็ย่อมต้องตกอยู่กับ ผู้ที่กล่าว
เรียกอีกอย่างว่า เข้าตัวหมด
ผมก็ขอรับไว้ใช้งานเอง ก็แล้วกัน
เราก็เป็น บุรุษว่างเปล่า มาก่อน

 

ของฟรี ไม่มี ในโลก
ไม่มีอะไรได้มา โดยที่เราไม่เสียอะไร
ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน ทั้ง 3 โลกนี้
คือ อบายภูมิ มนุษยภูมิ เทวโลกภูมิ

ข้อนี้ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว
ผู้ที่ใช้ฤทธิ์ ไม่ว่า ในทางไหน
หากต้องรับกรรม จะต้องแลกมา
กับการสูญเสีย อายตนะรับรู้
ในการรับในชาติต่อไป เช่น
หูหนวก ตาบอด จมูกดมกลิ่นไม่ดี
ลิ้นรับรสไม่ดี กายสัมผัสด้านชา

โดยเฉพาะ พวกหมอดู
ที่ใช้ฤทธิ์ รับดูดวงให้คนอื่น
หากว่า ทำด้วยเมตตาสงสาร
ก็จะเป็น บุญกุศล แต่ก็ต้องแลกกับ
การเปิดเผย ความลับสวรรค์
ชาติต่อมา อาจจะเป็น คนขี้เรื้อน พิการ
และถ้าทำเพราะต้องการเงินทองเลี้ยงชีพ
ไปเบียดเบียนให้เค้าเดือดร้อน
เรียกรับเงินทอง มากเกินไป
อันนี้กรรมหนัก เกิดมาชาติหน้า
ต้องกลับมาเกิดเพื่อรับกรรม
เป็น ลูกน้อง เขา จะต้องถูกคนอื่นรังแกบ้าง

 

เทพ และ มาร เป็นเพียงปถุชนคนธรรมดา
อาจมีบางครั้ง ที่ได้รับหน้าที่แล้ว
อาจจะทำผิดกฏสวรรค์ได้ ด้วย โทสะบันดาล
บางครั้ง เดือดร้อนชาวบ้าน ไปทั่ว
พวกเราที่อาศัยอยู่ใน มนุษย์โลก
ก็ต้อง คอยควบคุม ไม่ให้เกิดสิ่งใดร้ายแรงจนเกินไป
จน ผู้ที่ฝีกปฏิบัติจิต ที่ไม่มีฤทธิ์จะเดือดร้อนได้
ก็ต้องมีการกล่าว เตือนสติ เทพ มาร กันบ้าง

ส่วนเรื่องภัยพิบัติต่างๆ มันเกิดเพราะ
กรรมเก่า ที่พวกเขา เหล่านั้น
ได้เคยทำกับคนอื่น ร่วมกันมา
ชาตินี้ เลยจะต้อง มารับกรรมหมู่
ตายหมู่ เพื่อชดใช้กรรม
หากว่าเค้า สำนึก กล่าว อโสิกรรมแก่กันเรื่อยๆ
แล้วส่งบุญกุศลไปให้ เจ้ากรรมนายเวร บ่อยๆ
เวรกรรมต่อกัน ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
ไม่ได้เกิี่ยวกับการ เล่นฤทธิ์ ซํกเท่าไหร่

 

ผู้ฉลาดในการตอบ ตอบว่า ไม่รู้
ในสิ่งที่ไม่รู้ ยังจะดีกล่าว กล่าวโจมตีสิ่งที่ไม่รู้

 

แจ้งเตือนข่าว การบรรลุพระอรหันต์

สำนักสันติอโศก ซึ่งเป็นอาจารย์ของ
พลตรีจำลองศรีเมือง นั้น
ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้
เพราะว่า เจ้าสำนัก
ยังมีจิตใจยังไม่แน่วแน่พอ
สะสม มรรควิธี น้อยเกินไป
การสอนก็ผิดเพี้ยน ไม่ตรงทาง
ทำให้ลูกศิษย์ หลงทางไปไกล

แต่ ท่านจันทร์ สามารถที่จะบรรลุธรรมได้
หากได้พบอาจารย์ที่ดี ที่เป็น พระอริยะเจ้า
หากยอมออกจากสำนักตนเอง
ยังมีโอกาส บรรลุถึง พระอนาคามี
อยู่ที่ว่า จะลดมานะทิฏฐิ
ยอมให้เด็กสอนได้ไหม
หากยอมให้สอนได้ ก็มีโอกาสเหมือนกัน

 

เตโชวิปัสสนา อันโด่งดัง

เตโชวิปัสสนา คือ การใช้ไฟในกาย
เพียร เผากิเลส ที่มีอยู่ให้หมดไป
ยังไม่สามารถ สอนคนให้บรรลุธรรมได้
เมื่อ บรรลุธรรมแล้ว ตกต่ำกว่าชั้นเดิม
อันนี้ไม่จริง คำสอนเริ่มผิดเพี้ยน

เค้าไม่ควรใช้คำว่า เป็น พระอริยะเจ้า แล้ว
ถ้าปฏิบัติไม่ดี ก็จะตกต่ำกว่าชั้นเดิม
ควรจะใช้คำว่า ในระหว่างที่
พระอริยะเจ้าที่ยังไม่จบกิจ
เมื่อไปเกิดใหม่ จะยังไม่รู้ตัวเองว่า
ตัวเองเป็นพระอริยะเจ้า ชั้นนั้นชั้นนี้
ต้องพบเห็น นิมิต เสียของตัวเอง เสียก่อน
หรือ บวชเสียก่อน แต่ส่วนมาก
จะมีอาจารย์ของแดนนิพพานคอยดูแล
หรือ มีอาจารย์ที่มีชีวิต คอยดูแล
จะไม่เกิดมาโดดๆ เด็ดขาด

เหมือน ข้าพเจ้า มี พระนารายณ์
หลวงปู่ทวด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
พระสายป่า พระสายท่านพุทธทาส
พระยานาค พระยาลิง พระพิรุณ และอื่นๆ
คอยช่วยเหลือ เวลาที่ติดขัดอะไรก็ขอเอา
แต่ นิสัยข้าพเจ้า เหมือน พระปัจเจกะพุทธเจ้า
คือ ไม่ชอบให้ใครช่วยเหลือ ชอบช่วยตนเอง
ซึ่งผิดหวังบ่อยๆ

 

น้ำจะท่วม จนกระทั่ง ล้นเขื่อนทุกเขื่อน
ใครที่อยู่พื้นที่ใต้เขื่อน ให้ระวังตัวให้ดี
น้ำจะกวาดทุกสิ่ง ที่ไปสร้างขวางทางน้ำ
เวลานี้ ทางที่ดี ควรไปรักษาศีล
อยู่ที่ วัดตามป่าเขา จะปลอดภัยกว่า วัดบ้าน
จงระวัง รักษาศีลห้า อย่าให้ขาด จะพ้นภัยภิบัติได้
ใครสร้างบ้าน อยู่ในที่ ราบลุ่ม
ควรย้ายออกเสีย ให้ไปอยู่บนเนินเขา