นิพพานไปเเล้ว ทำอะไรต่อ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 6 ตุลาคม 2016.

  1. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    นิพพานไปเเล้ว ทำอะไรต่อ
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    หึหึ!!
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวเห็นด้วยกับคำตอบนี้ครับของท่าน" ธรรมสู่นิพพาน"
    กท.ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้
    ......

    " เมื่อไปถึงนิพพานก็ไม่ต้องทําอะไรแล้วเพราะความทุกข์ทั้งหลายจบสิ้นลงแล้วพร้อมกับ กิเลส ตัณหา ขันธ์ 5 อุปทานทั้งหลายสูญหมดเเล้ว
    ไม่ต้องมาเกิดอีกต่อไป นิพพานเป็นแดนบรมสุขเพราะผู้ที่ได้ไปแล้วสามารถอยู่ได้ตลอดไป นิพพานนั้นก็คือสวรรค์ของผู้ที่สิ้นแล้วซึ่งกิเลสทั้งหลายเป็นนครอมต ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ได้ มีกายทิพย์ มองเห็นได้ ไม่ได้สูญสลายไปไหนเลย 

    เรื่องของนิพพานนี้ใครจะคิดอย่างไรก็คงเป็นเรื่องของแต่ละคนเราไม่อาจจะไปฝืนใจใครได้เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกได้ว่านิพพานมีจริงไม่มีจริง คงต้องอยู่ที่แต่ละคนเลือกครูอาจารย์ที่จะให้คําสั่งสอนที่ถูกต้อง ถ้าใครเลือกผิดก็ไม่มีสิทธิ์บรรลุธรรม เพราะจะบรรลุธรรมได้ต้องไม่สงสัยในคําสอนของพระพุทธเจ้าหรือ เข้าใจคําสอนผิด ดังนั้นคนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่านิพพานมีจริงไม่ได้สูญก็ต้องเลือกเอา 

    ส่วนผมเลือกแล้วที่จะเชื่อว่านิพพานมีจริงไม่ได้สูญเพราะพระอรหันต์ที่ผมศรัทธาคือ สมเด็จโต หลวงปุ่มั่น หลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษี และอีกหลายท่านบอกว่าไม่ได้สูญ ประกอบกับการที่ผมเคยอ่านเจอครั้งที่พระพุทธเจ้าเคยสั่งสอนท้าวผกาพรหม มีอยู่ตอนหนึ่งที่พระองค์เคยพูดถึง อมตนคร อันเป็นแดนบรมสุข ยิ่งทําให้ผมมั่นใจมากยิ่งขึ้น

    และถ้านิพพานสูญจริงแล้วจะเป็นพระอรหันต์ไปทําไมละเป็นพระอนาคามี ไม่ดีกว่าเรอ เพราะ พระอนาคามี ไม่ต้องมาเกิดอีกแน่นอน และดวงจิตก็ไม่ได้สูญ แถมยังมีวิมานอยู่ที่พรหมโลกอีก ถ้าคิดว่านิพพานสูญก็ขัดแย้งกับการเป็นพระอนาคามีอย่างมาก และที่ว่ากันว่า พระนิพพานเป็นแดนบรมสุข มันจะสุขได้อย่างไรถ้า ดวงจิตนี้สูญ ช่วยบอกให้เข้าใจด้วยสําหรับคนที่บอกว่านิพพานสูญ "
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    นิพพานแล้วไม่สูญ เมื่อ"หลวงปู่ชอบ"พบ"พระอรหันต์เถระสมัยพุทธกาล"
     
  5. บุญพลัง

    บุญพลัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1
    คำถามน่าจะถามผิดนะ ความจริงต้องถามว่าทำยังไงถึงจะนิพพาน ไม่ใช่ถามว่านิพพานแล้วทำอะไรต่อ
    ถ้าถามว่าทำยังไงถึงนิพพาน พระพุทธเจ้าชี้ให้แล้วแค่ลงมือทำ คำถามที่ว่านิพพานแล้วทำอะไรต่อก็ไม่มี เหตุเพราะมันมีคำตอบในตัวมันเองแล้ว ลองถามตัวเองใหม่นะ....
     
  6. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    นิพพานให้ได้ก่อน แล้วจะรู้เอง
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    หลังจากพ้นพรรษาที่ถ้ำดอกคำ หลวงปู่ชอบมีความตั้งใจว่าจะธุดงค์เข้าพม่าให้จงได้ แม้จะทราบว่า เส้นทางป่าเขาฝั่งพม่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก และถูกทัดทานจากสหธรรมิกหลายรูปก็ตาม  ท้ายที่สุด หลวงปู่ชอบจึงเดินธุดงค์เข้าเขตป่าพม่านานถึง ๓ ปี  ท่านเล่าว่า

    “เมืองพม่านั้นมีมนต์เพรียกให้ไปเยี่ยมให้ได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรขวางกั้นก็ต้องไปให้ได้”

    ซึ่งเสียงเพรียกที่เรียกนี้ก็มาจากส่วนหนึ่งในอดีตชาติของท่านที่เคยอยู่ในพม่านั่นเอง

    หลวงปู่ชอบเดินธุดงค์ตามแนวป่าเขาในเขตแดนพม่า  ตลอดเส้นทางแทบจะไม่พบเจอผู้คนเท่าใดนัก 
    ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เทวดาที่มาฟังธรรมในยามค่ำคืน  คราวใดที่ท่านปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเดินจงกรม ทำสมาธิภาวนา หรือเจริญพระพุทธมนต์ กระแสแห่งธรรมเหล่านี้ก็จะแผ่กระจายสะเทือนไปทั่วทั้งไตรภูมิ รับรู้ได้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้า

    ในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังแห่งนี้เองได้บังเกิด “บทเพลงอรหันต์” อันเป็น “ธรรมสากัจฉา”
    คือ “ปุจฉา-วิสัชนา” อันลือลั่น
    ระหว่างหลวงปู่ชอบกับพระพากุลเถระและพระมหากัสสปเถระ สองพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล
      บทเพลงเสวนาธรรมในนิมิตนั้นเป็นบทจารึกธรรมที่ถูกบันทึกถ่ายทอดให้ลูกหลานชาวพุทธเข้าใจหลักธรรมได้กระจ่างชัดอีกครั้ง
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    บทสนทนาธรรมแห่งอรหันต์เริ่มต้นขึ้น
    เมื่อหลวงปู่ชอบได้เดินธุดงค์มาพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
    และได้ทำบริขารชิ้นหนึ่งหายไปในช่วงกลางวัน
      ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ จนเลิกล้มการค้นหา 
    พอพลบค่ำ ท่านนั่งสมาธิเจริญภาวนา
    กระทั่งยามดึกสงัดก็ปรากฏนิมิตแจ่มกระจ่างขณะที่ดำรงในองค์ภาวนา
      ในนิมิตมีพระอรหันต์เถระท่านหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ลอยเหาะตรงมายังถ้ำแล้วหยุดอยู่ที่หน้าหลวงปู่ชอบ
    ทราบได้ทันทีว่ามีนามว่า “พระพากุละ”
    รูปร่างสูงขาว สวยงาม 
     
  9. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ขอร่วมวิเคราะห์ว่า นิพพานแล้วก็นิพพานไม่ต้องทำอะไรหรือเป็นอะไร เพราะเป็นวิมุติ พ้นสมมุติแล้ว และขอหนุนแนวคิดนิพพานไม่ใช่ดับสูญ เพราะถ้าดับสูญพระพุทธองค์ต้องตรัสว่านิพพานังสุญญัง ไม่จำเป็นต้องขยายการสูญว่านิพพานังปะระมังสุญญังอะว
     
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ถามได้ดี น่าสนใจ

    นิพพานพรหม

    นิพพานนัง

    นิพพานพวกนอกศาสนา..
     
  11. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    แนวนี้แหละ "โลกอุดร" อยากให้เข้ามาถกกันเรื่องนี้ ความรู้มาเร็วๆหน่อย
     
  12. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ไปค้นมาเรื่อง "บทเพลงพระอรหันต์" อ้างอิงจาก panyayan.tnews.co.th/contents/198617/
    พระอรหันต์เข้ามาสอบถามว่า

    “ท่านกำลังมองหาบริขารที่หายไปในช่วงกลางวันใช่หรือไม่” (พลางชี้มือไปแล้วบอกว่า) “อยู่ที่นั่น มิได้หาย ... ท่านลืมไว้ต่างหาก”

    เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงปู่ชอบเดินไปดูยังตำแหน่งที่พระพากุละบอก ซึ่งก็เห็นบริขารอยู่ตรงนั้นจริงๆ สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมาก

    ในคืนวันนั้นเอง ทันทีที่หลวงปู่ชอบเข้าสมาธิก็เกิดนิมิตกระจ่างใสดังจันทร์เพ็ญ ในนิมิตเห็นพระพากุละเหาะมาเยี่ยมท่านเหมือนคืนที่ผ่านมา พระอรหันต์ได้สรรเสริญว่า ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมเป็นพุทธทายาทของอริยวงศ์ จากนั้นจึงได้แสดงธรรมแก่ท่านโดยเน้นข้อ “ธุดงควัตร” โดยมีความดังนี้

    “จงพยายามรักษาธุดงค์ไว้ให้มั่นคงต่อไป อย่าให้เสื่อมร่วงโรยไปเสีย ธุดงควัตรเสื่อมเท่ากับศาสนาเสื่อม แม้คัมภีร์ธรรมทั้งหลายยังมีอยู่ก็ไม่อาจทรงคุณค่าแก่ผู้สนใจเท่าที่ควร ธุดงควัตรเป็นธรรมขั้นสูงมาก ผู้รักษาธุดงค์ได้ต้องเป็นผู้มีจิตใจสูง

    ท่านควรทราบว่า พระอริยเจ้าทุกประเภทไปจากธุดงควัตรนี้ทั้งนั้น เพราะธุดงค์เป็นธรรมเครื่องทำลายกิเลสได้ทุกประเภท ธุดงควัตรจึงเป็นทางเดินเพื่ออริยธรรม อริยบุคคล คนไม่มีธุดงควัตรคือคนวัตรร้าง เช่นเดียวกับบ้านร้าง เมืองร้าง อะไรก็ตาม ถ้าลงได้ร้างแล้วไม่เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาเลย



    ท่านจงรักษาธุดงควัตรอันเป็นเครื่องทำลายกิเลสไว้ให้ดีและมั่นคง อย่าให้เป็นพระวัตรร้าง เพราะจะเป็นทางรั่วไหลแตกซึมแห่งมรรคผลนิพพานที่ควรจะได้จะถึง พระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายบรรดาที่เลิศแล้วล้วนแต่รักษาธุดงควัตรกันทั้งนั้น ใครประมาทธุดงค์ว่าไม่สำคัญ ผู้นั้นคือผู้หมดสาระสำคัญในตัวเอง ท่านจงรักษาความสำคัญของตนไว้ด้วยธุดงควัตร

    ผู้ที่มีธุดงควัตรเป็นผู้มีอำนาจทั้งภายนอกภายในอย่างลึกลับจับใจที่บอกใครไม่ได้ เป็นผู้เด่นในวงทวยเทพชาวไตรภพทั้งหลาย มนุษย์และเทวดาทุกชั้นภูมิเคารพรักผู้มีธุดงควัตรประจำตัวอยู่ และไปที่ไหนไม่เป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น มีแต่ความเย็นฉ่ำภายในทั้งกลางวันและกลางคืน

    ธุดงควัตรเป็นธรรมลึกลับ ยากที่จะมองเห็นความสำคัญ ทั้งที่ธุดงควัตรเป็นธรรมสำคัญในศาสนามาดั้งเดิม ธุดงควัตรเป็นหลักใหญ่แห่งพระศาสนา ผู้ที่มีธุดงค์ประจำตัวคือผู้รู้ความสำคัญของตัวและรักษาถูกจุดแห่งความสำคัญได้ดี เป็นที่น่าชมเชยอย่างถึงใจ ผู้ที่มีธุดงควัตรดีเป็นผู้มีจิตใจเมตตาอ่อนโยนในสัตว์ทั้งหลาย ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติธุดงควัตรอยู่ตราบใด ศาสนาก็ยังทรงออกทรงผลอยู่ตราบนั้น เพราะธุดงค์เป็นทางที่ไหลมาแห่งมรรคและผลทุกชั้น ไม่มีสถานที่ กาลเวลา หรือสิ่งใดๆ มาเป็นอุปสรรคกีดขวางทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพานได้ ถ้าธุดงควัตรยังเป็นไปอยู่กับผู้ปฏิบัติทั้งหลาย

    ท่านจงจดจำให้ถึงจิต คิดไตร่ตรองให้ถึงธรรม ถือธุดงควัตรดังกล่าวมา อยู่ที่ใดไปที่ใดจะชุ่มเย็นอยู่กับตัวท่านเอง ธุดงควัตรนี่แลคือบ่อเกิดแห่งธรรมทั้งหลายดังนี้”

    ในนิมิตนั้น หลังจากพระพากุละแสดงธรรมเทศนาเป็นที่เรียบร้อยก็ได้จากไป แต่ถึงแม้พระอรหันตเถระจะจากไปแล้ว ข้อธรรมที่ท่านได้แสดงไว้ก็ยังจารึกอยู่ในใจไม่รู้ลืม หลวงปู่ชอบนำข้อธรรมที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกนั้นมาพิจารณาและรู้สึกว่า

    “การดำเนินของเราคงไม่เป็นโมฆะในวงพระศาสนา มิฉะนั้น พระอรหันต์องค์วิเศษคงไม่เหาะมาโปรดเมตตาให้เสียเวลา”

    คิดได้ดังนี้ก็รู้สึกมีกำลังใจ เร่งความเพียรภาวนาอย่างเต็มที่



    [ เพิ่มเติม ]

    พระพากุลเถระ ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ไม่มีโรคาพาธ
    เมื่อท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านได้ช่วยแบ่งเบาภาระทางพระพุทธศาสนาใน
    การอบรมสั่งสอนพุทธบริษัท และท่านเป็นผู้ปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงค์ ข้อ “เนสัชชิกธุดงค์” คือ การสมาทานธุดงค์ด้วยการอยู่ในอิริยาบท ๓ คือ ยืน เดิน และนั่งเท่านั้น ไม่นอน และข้อ “อรัญญิกธุดงค์” คือ การสมาทานธุดงค์ด้วยการอยู่ป่าเป็นวัตร ดังจะเป็นได้ว่า ตั้งแต่ท่านบวชมานั้น ท่านไม่เคยจำพรรษาในบ้านเลย นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ที่ไม่มีโรคเบียดเบียน ไม่เคยให้หมอรักษาพยาบาล ไม่เคยฉันแม้แต่ผลสมออันเป็นยาสมุนไพรแม้แต่เพียงผลเดียว เพราะว่าท่านไม่มีโรคใด ๆ เลยนั่นเอง ทั้งนี้เป็นเพราะด้วยอานิสงส์แห่งการสร้างเว็จกุฎี (ส้วม) แลการถวายยาเป็นทานแก่พระสงฆ์ เหตุการณ์ที่แสดงว่าท่านเป็นผู้อายุยืนยาวนั้น ได้มีเรื่องกล่าวไว้ใน
    กุลัตเถรัจฉริยัพภูตสูตรแห่งคัมภีร์มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ว่า.....
    ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพากุลเถระ พักอาศัยยู่ที่เวฬุวันมหาวิหารเมืองราชคฤห์ ขณะนั้น มี
    อเจลกะท่านหนึ่ง ชื่อว่า กัสสปะ (อเจลกะ คือ นักบวชประเภทหนึ่งที่ไม่สวมเสื้อผ้า ซึ่งเรียกว่า ชีเปลือย) ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของท่าน เมื่อสมัยที่ยังเป็นคฤหัสถ์ ได้มาเยี่ยมเยือนและได้สนทนาไต่ถามพระเถระว่า
    “ท่านพากุละ ท่านบวชมาได้กี่ปีแล้ว”
    “กัสสปะ อาตมาบวชมาได้ ๘๐ ปีแล้ว”
    “ท่านพากุละ ตลอดระยะเวลา ๘๐ ปี ที่ท่านบวชมานั้น ท่านมีความเกี่ยวข้องกับ
    โลกิยธรรมกี่ครั้ง”
    “ท่านกัสสปะ อันที่จริงท่านควรถามอาตมาว่า ตลอดระยะเวลา ๘๐ ปีนั้น กามสัญญา
    คือ ความใฝ่ใจในทางกามารมณ์เกิดขึ้นแก่ท่านกี่หนแล้ว กัสสปะ ตั้งแต่อาตมาบวชมาได้ ๘๐ ปี
    แล้วนี้ อาตมามีความรู้สึกว่า กามสัญญาที่ว่านั้นไม่เกิดขึ้นแก่อาตมาเลย”
    อเจลกกัสสปะ ได้ฟังคำของพระเถระแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ น่าอัศจรรย์ จริง ๆ” และได้
    สนทนาไต่ถามในข้อธรรมต่าง ๆ จากพระเถระ จนหมดสิ้นข้อสงสัยแล้ว ในที่สุดก็เกิดศรัทธา
    ขอบวชในพระพุทธศาสนา และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์อีกรูปหนึ่ง
    ด้วยความที่ท่าน เป็นผู้ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนเป็นเหตุให้ท่านมีอายุยืนยาวดังกล่าวมานี้
    พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้ไม่มีโรคาพาธ
    ท่านพระพากุลเถคะ ดำรงอายุสังขารสมควรแก่กาลแล้ว
     
  13. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ...นิพพาน มีสองอย่าง ถ้ายังมีชีวิต ท่านเรียกว่า พระอรหันต์ ถ้าสิ้นขันธ์ ท่านเรียกว่าปรินิพพาน

    ...พระอรหันต์มีความสุขหรือไม่ ผมจำไม่ได้ว่าเป็นพระสูตรหรือไม่ ...กาลครั้งหนึ่ง มีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ระหว่าง พระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ไต้โคนไม้ กับพระเจ้า สุทโธทนะ ที่เสวยราชอยู่ในปราสาท บนที่นอนอันอ่อนนุ่ม ใครจะมีความสุขกว่ากัน พระองค์ตอบว่า ปุถุชนผู้ไม่ใช่พระอรหันต์ ย่อมมีใจที่มีแต่กิเลส เปรียบเหมือนกายทีประกอบไปด้วยแผล ต้องแกะต้องเกาอยู่ตลอดเวลา......ส่วนใจพระอรหันต์ไม่มีกิเลส เปรียบเหมือน กายที่ไม่มีแผล ย่อมสุขสบาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็มีสุข

    ....การเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องกลัวตาย ไม่เหมือนปุถุชนอย่างเรา ตายแล้วจะไปเกิดเป็นอะไรยังไม่รู้

    ....เมื่อปรินิพพานแล้ว ยังคงเหลือนิพพานธาตุ จะรับรุ้สิ่งต่างๆ ด้วย อายตนะนิพพาน เป็นอมตะ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีตัวจิตอีกแล้ว ที่เราทำทุกวันนี้ได้ก็เพราะเรามีจิต มี สังขารมาปรุ่งแต่งจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  14. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ทำอะไรไม่ได้เลยหรอครับ เป็นความว่างไปหรือครับ
     
  15. ชายหนุ่ม

    ชายหนุ่ม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2016
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +3
    ไปบ้านแกต่อมั้ง!!
     
  16. ชายหนุ่ม

    ชายหนุ่ม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2016
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาครับ
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    กลั้นไม่อยู่55
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คำถามเหมือนสินค้าแบกะดิน
    แต่คำตอบส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเคารพในธรรม
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็สังเกตเอา แบบคนไม่ประมาท จิฮับ

    สังเกตเอาจากระดับ สำเร็จนิพพาน สอนได้
    พาไปได้

    สังเกตเอาพวกที่เรียนมานาน เข้ามานาน

    จะเหนเลย ว่า เขาทำอะไรกันต่อ

    กินอิ่ม นอนอุ่น

    ท่องเที่ยวเหนือใต้ออกตก เวียดนง ขมง ยุโรป เมกา

    สร้างวัด สร้างวา ศาลา ลูกนิมิต

    เป่ายันต์ กำพระ ตัดแปะกถา

    ทำบุญ ทวงคุณ หาน้ำยาหยอดตา

    เยอะ

    หรือจะเอาแบบไม่หวือหวา ก้ให้หัด ขำเอาไม่อยู่ ก้ได้
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แต่ถ้า จะเอาแนว ตำรา

    เอา สัทธรรม เปนที่พึ่งเถิด อย่าได้เอาสิ่งใดเปนที่พึ่งเลย

    สิ้นตัณหา วางอุปทานขันธ์ จะต้องถามอีกหรือว่า

    มีกิจใดยังไม่ได้ทำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...