ใครลดละการเข้าห้องนี้แล้วรู้สึก ว่าตัวเองสงบขึ้น... เอ้า ขอให้ยกมือขึ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 30 กันยายน 2016.

  1. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ก็ตามแล้วแต่ถ้าเห็นว่าทำแล้วมันจะต้องก่อเกิดผลนั้นก็ดีแล้วที่ยังรู้่และยอมรับวิทยาศาสตร์อาจพิสูจน์ได้หลายอย่างแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดทุกอย่างที่จะตอบออกมาได้อย่างที่ต้องการถ้าว่าด้วยเรื่องกฏของธธรรมชาติ...อาจจริงหรืออาจลวงก็ได้มีแต่เราเองตัวของเองที่จะรู้หรือบางทีอาจไม่รู้...เพราะทั้งหมดก็เป็นธรรมชาติของตัวมันเอง ขอให้สมหวังในสิ่งที่กำลังคิดแล้วกัน...
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ถูกวิจารณ์ด่าว่า

    ก่อนอื่นต้องเปิดใจก่อนว่าคำวิจารณ์ด่าว่านั้น มีส่วนจริงบ้างหรือไม่ ถูกต้องและมีเหตุผลเพียงใด หากจริงมีเหตุผลถูกต้อง ควรนำคำวิจารณ์นั้นไปแก้ไขปรับปรุง โดยเลือกเอาแต่สาระ พระพุทธองค์ตรัสว่าผู้มีปัญญาที่ชอบชี้โทษหรือตำหนิเราคือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์

    มองให้ดีจะพบว่าในคำตำหนินั้นมีของมีค่ามากมาย ที่หาไม่ได้จากคำชมหรือคำสรรเสริญ เช่น ทำให้เราเห็นความจริงอีกด้านหนึ่งของตัวเราที่แม้แต่เพื่อนๆ ก็ไม่กล้าบอกและคุณเองก็มองไม่เห็น หรือไม่ก็ทำให้เรารู้จักนิสัยใจคอของผู้พูดดียิ่งขึ้น ช่วยให้เรารู้ว่าจะวางตัวหรือเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไรดีในคราวต่อไป

    เครดิตhttp://palungjit.org/threads/ฉลาดทำใจ-หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์.570579/
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ต้องเพิ่มเติม สัทธรรม เข้าไปด้วยฮับ ไม่เช่นนั้น จิตจะไม่กำลังพอ
    จะรับอรรถสาระ ในการถูกชี้ขุมทรัพย์ ให้ลงใจได้

    ถ้าจิตขาดกำลัง ก็จะ กระฟัดกระเฟียด ก่อหวอด หาก๊วน ไล่จับสึกพระ


    สัทธรรม ที่ควรรับไปพร้อมๆกันด้วย เวลากล่าวถึง การชี้กิเลส

    ต้อง พิจารณาให้เป็นเรื่องของ ธาตุ สสังขาริกัง อสังขาริกัง

    อย่ารับฟังเรื่องการ จี้ ชี้กิเลส ขุดกิเลส ให้เป็นเรื่องของ ตัวบุคคล
    เรา เขา

    พระ หรือ คนสอน เวลา จี้กิเลส เอาเข้าจริงๆ เขาไม่ได้ไปนั่ง
    ดูกิเลสของคนกำลังรับฟังธรรม แต่ เขาจะอาศัย ประสบการณ์
    ของตน ที่เคยฟัดกับ กิเลส ในฐานะ เห็น ความเป็นปัจจัยการ
    เห็นอิทัปปัจจัยยตา เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

    กล่าวไปตามเหตุผล กลไก ของ ธาตุ

    แต่เวลาพูดให้ฟัง ต้องสื่อสารกัน

    ภาษาพูดของมนุษย์ จะต้องมี สรรพนาม ประทาน กรรม มารองรับ
    โครงสร้างภาษา เลยทำให้เวลาพูด อาจจะมีเงื่อนเวลา เงื่อนของ
    เหตุการณ์ แล้วก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพาดพิงเป็นบุคคล


    ถ้า ไม่ฟังธรรม ให้เป็นธรรม เอาธรรมเป็นใหญ่ ปราศจากตัวตนบุคคล
    เราเขา จิตไม่ตั้งมั่นพอ ไม่เคยสัมผัส สัมมาสมาธิมาก่อน

    จะเผลอสำคัญว่า พระ กำลังประจานตน กำลังทำให้ตนหมดอาชีพ
    โดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวกับสาสนัง คำสอน เป็นที่ปรึกษา หากโดน
    รุกล้ำ สำคัญว่าโดน ลดเครดิต ก็จะ ฟาดงวงฟาดงา ก่อหวอด ไล่จับสึกพระ

    ทีนี้

    คุง จขกท เมื่อนำ เรื่องการชี้ขุมทรัพย์มาแล้ว ลองเอาไปสังเกตุดู

    ถ้า ไม่แนบสัทธรรม กิเลสเป็นของกลาง เป็นเรื่องธาตุ อิทัปปัจจัยตา
    ผนวก กำกับ เอาธรรมเป็นใหญ่ จิตเราจะไม่สามารถตั้งมั่นได้พอ
    ที่ระรับ การถูกชี้ขุมทรัพย์

    ตรงกันข้าม จะเข้าใจว่า อีกฝ่ายกำลังเบียดเบียน ทุบหม้อข้าวของตน

    และถ้า สามารภเอาธรรมเป็นใหญ่ได้ จะเห็นอีกอย่างว่า เขาโดนกิเลส
    กระทำมาอย่างไร( คนสอน ) เพราะ ในพุทธวินัยนี้ ทุกรูปทุกนามจะ
    กล่าวธรรมได้เฉพาะที่ตนเอง โดนกระทำมา และ เห็นการพ้นไปได้ อย่างไร
    จึงกล่าวอย่างนั้น อย่าได้เข้าใจผิดว่า เขากำลังประจานตน

    แต่ให้ทำความเข้าใจใหม่ว่า เขากำลังเอาตนมาตีแผ่ ให้เป็น ธรรม เพื่อ
    ให้เพื่อนไม่พลาดพลั้ง

    มันจึงมีรส ตรงกับคนรับคำสอนบ้าง ไม่ตรงบ้าง(ส่วนใหญ่จะไม่ตรง เพราะ
    ร้อยละร้อย มันเป็น ปัจจัตตังของ คนสอน )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2016
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231

    คล้ายๆเหมือนมีอะไรอยู่ในใจนะครับ
    เหมือนกับคนที่ไปเสนอคำวิพากษย์วิจารณ์เข้าแล้วคนที่ถูกวิจารณ์เขาไม่รับฟังเหตุผล
     
  5. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เหรอ
     
  6. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ขอบคุณคะ
     
  7. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เป็นที่เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจ
    ละกันคะ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าเจ้าของกระทู้ พอเข้าใจ

    ก็ให้ ทำการรู้ลงไปใน ประสบการณ์ตน ที่ จั่วขึ้นเป็นกระทู้

    สังเกตุดีๆ " สภาวะความอยากมีฝา " ตอนนี้ มันแยกออกจาก จขกท

    " สภาวะอยากมีฝา " เป็น วัตถุ สิ่งที่ถูกยกขึ้น กำหนดรู้

    ทีนี้ ถ้ามีจิตตั้งมั่น เพราะอาศัย หมั่นสดับ เสพคบ คนที่มีจิตมีสมาธิ

    " สภาวะอยากมีฝา " จะถูกแยกออก ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงสภาวะ
    ธรรม ของกลาง มีประจำในโลก คนที่ยังติดโลก ขาดการสดับ ย่อมถูกสิ่งนี้
    ครอบงำ นำพาไป แต่ ผู้รู้(ปุถุชนเคยสดับ) หาติดอยู่ไม่

    เนี่ยะ แยกรูป แยกนาม

    พอแยกรูป แยกนาม ถ้าจิตตั้งมั่นพอ ก็จะไม่ คว้ากลับมาเป็นตน

    การรับฟังชี้ขุมทรัพย์ จะรับไปเรื่อยๆ เฝ้นหาธรรมไปเรื่อยๆ โดย
    มีปิติ สุข จากการสดับธรรม หล่อเลี้ยง ดั่ง พระพุทธองค์ทรงยื่นมือ
    มาประครองไว้

    แต่ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นพอ เกิดกลับไปคว้าสภาวะ " สภาวะอยากมีฝา "
    คือตัวตน ตัวเรา ของเรา ก็ จะหันไป กรทืบคนสอนทันที มะอึง
    มาด่ากอสระอูทำไม ทำไมถึงทำกับกอสระอูอย่างนี้

    หนักข้อเข้า ก็โน้น เหมือนในประวัติศาตร์ ไปหา ศาสตรจารย์จุฬาฯ หา
    ก๊วนเสวนาธรรมะ ที่เกลียดคนสอน เป็นทุน แล้วก่อหวอดโน้นนนนน
    แจ้งจับสึกพระ

    แต่ถ้าจิตตั้งมั่น ก็ พิจารณา จิตเจ้าของกระทู้ ใน การมีอิสระ พรากออก
    จากโลก (" สภาวะอยากมีฝา ") ว่ามี ความสงบ เป็นรสของธรรม ให้โน้ม
    ในเห็น ได้อย่างไร สภาวะกิเลสอื่นๆ ก็อย่างนั้น แต่ จะต้องเฝ้นหา
    กันด้วยจิตตั้งมั่น ถึงฐาน ไปเรื่อยๆ ไม่เช่นนั้น กิเลสที่หยิบมาวางเพื่อ
    ละออก จะเป็นเพียงการ สำคัญว่าวาง จะไม่ใช่เห็น ตามความเป็นจริง [ มรรคจึงมีหนึ่งเดียว กิจเดียว รสเดียว แตกต่างกัน เพราะ สัญญา ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2016
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อันนี้ไม่เข้าใจ
     
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อันนี้พอจะเข้าใจ แต่อันเมื่อกี้เข้าใจแค่วรรคสุดท้าย
     
  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ต้องทำใจนะ เพราะนวลเข้าใจอะไรยาก ^~^
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การฟังธรรม เราจะไม่เอา การฟังเพื่อเข้าใจ

    การฟังเพื่อเข้าใจ จะเป็นการ ฟังเพื่อจำ หรือ รู้จำ ไม่ใช่เรื่อง ศาสนา

    การฟังธรรม เราจะฟังเฉพาะที่ ลงใจ มันจะลงก็ต่อเมื่อ อรรถสาระ
    ของธรรมที่ฟัง มันตรงกับ สภาวะที่มีในจิตคนฟัง

    แต่กระนั้น ก็อย่าฟังธรรมด้วยอาการ เอ้ย เขาเทศนามาเพื่อเรา ตรงกับเราเลย

    อย่างที่ มีสมาชิกคนหนึ่ววันนี้ ชื่อ Tบง อะไรนี่แหละ ฟังธรรมพระเทศนา
    เพื่อยักคิ้วหลิ่วตา เอ้ย หลวงปู่เทศนา ตรงนี้เพื่อเรา ตรงกับจิตของเรา

    เนี่ยะ ฟังธรรมแบบนี้ ฟังแบบธรรมลามก เอา ธรรมเข้าตัว ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ

    ฟังให้ตายก็ไม่ได้ ฮา อะไร


    แต่ถ้า ฟังธรรมให้เป็นธรรม ไม่มีของใคร ตรงใคร มันเป็นเพียง ธาตุ
    เป็นเพียงปัจจัยการ จิตตั้งมั่นพอ ก็จะ สดับธรรมนั้นได้ไม่มีวันลืม

    ไม่ใช่รู้จำ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เนี่ยะ ปรารภ ถูก

    แต่ให้เอา คำว่า นวล ออกไปจาก การปรารภ

    ถ้าพูดใหม่ว่า

    " ต้องทำใจนะ เพราะการสดับธรรมนั้นเป็นของยาก "

    ประโยคแบบนี้ ไปเปิด พระไตรปิฏกดู จะตรงกัน เป๊ะ
    จนคนอาจจะเข้าใจผิดว่า เราเก่งตำรา

    แต่จริงๆ ไม่เกี่ยว

    ถ้าเอา ตัวตน บุคคล เราเขาออก

    ธรรมของพระผู้มีพระภาค ความสามารถทางนิรุตติ
    จะเป็น ของ ตถาคต วันยันค่ำ
     
  14. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    สมมุติ ว่า สดับธรรมนั้นเเล้วเกิดปิติ ความร่าเริงอาจหาญ

    นี่จัดเป็นธรรม ลามกป่ะครับ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ให้ พิจารณาว่า ปิติ สุข นั้นอาศัยระลึกเห็นความเกิด ความดับ หรือเปล่า

    ถ้าไปเห็น ปิติ สุข แล้วไม่เห็นความดับไปเป็นธรรมดา อันนี้จะเริ่ม
    กลายเป็น เอาเข้าตัว เอาไปสร้างเป็น นามกาย ไปหล่อเลี้ยง
    นามกายให้เกิดการเคลื่อน เกิดความผ่องใส เกิดรอยยิ้ม อันนี้ ธรรมลามก

    แต่ถ้าเป็นเพียงอาศัย ระลึกเกิดดับ ของปิติ ของสุข มันจะเห็น
    อุเบกขาก็เกิดดับ

    ถ้าแทงตลอดไปที่ อุเบกขาดับ จะจัดว่า เกิด สังขารุเบกขาญาณ
    ก็จะ อนุโลม

    แต่ถ้าเป็นสาวก จะไม่หยุดที่ อนุโลม
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้า อาศัย การฟังธรรมเป็น วิหารธรรม เป็นกองสมถะ

    หากฟังจริงๆ จะไม่ติดรสปิติ จะไม่ติดสุข ไม่ติดอุเบกขา

    จิตที่ไม่ติดอุเบกขา การฟังจะไม่ ฟังตลอดกระแสของเสียงเทศนา
    [ถ้าฟังตลอดกระแสเทศนา ย่อมแสดงถึง ความลามก จิตห่างจากฌาณ1-4]

    ดังนั้น การฟังธรรมจริงๆ จะอาศัยแค่เป็นอุบาย

    ไปเห็นความเกิด ความดับ ขององค์ฌาณ

    เห็นความเกิด ความดับขององค์ฌาณ ตรงนี้จึงเรียกว่า การฟังธรรม
    ไม่มีผู้แสดงได้ถึง ไม่มีสัตว์อื่น ไม่ใช่การใช้อายตนะ6 แต่เป็น อายตนะ.....
     
  17. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    เเล้วปิติสัมโพชชงค์ ที่มีอาการทำให้กาย

    มีกำลัง หรือหายป่วย จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเสพปิตินั้นๆ

    โดยไม่ต้องใช้การวางอุเบกขา หรือ พิจารณาเกิดดับ

    หรือว่า ธรรมปิติ นั้นเสพเเก่เห็นความสมควรเพื่อเป็นกำลัง

    จะไม่จัดเป็นธรรมอันลามก รึเปล่าครับ
     
  18. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เหอะๆๆๆๆ ถ้าไม่อยากให้คนรู้ นอกเสียจากอย่ากระทำเท่านั้น
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ปิติ ปรากฏที่จิต เป็น วิบากของจิตที่มี วิตก วิจาร

    การติดในปิติ ปั่นปิติ จัดเป็นการ เมาสังขาร แล้ว เอาความคิด
    มาสำทับหลอกตัวเองว่า หายป่วย หายไข้ ต่อรองเจ้ากรรมนาย
    เวรได้อย่างนั้น อย่างนี้ โดยเอาอาการไหว สั่น เย็น น้ำตาเล็ด
    ซึ่งเป็น อาการสังขาร มาหลอกให้วุ่นไปหมด

    ปิติโพชฌงค์ จะเป็นการเห็น การพ้นกามวิตก เป็นเหตุหลัก

    การพ้นกามวิตก พ้นพยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก เกิดการ ปล่อยวางจิต

    จิตที่พ้นจิต ไม่ยึดถือจิต ไม่เห็นจิตเที่ยง จิตชนิดนี้พ้นโลกธรรม หายป่วย
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    แต่ถึงไม่ปั่นปิติ สายมโนมยิทธิก้อสามารถต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรได้นี่คะ นวลฟังยูทูบคนธรรมดากับมารน้อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...