ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมก็เชื่อแบบนั้นครับ เพียงแต่การดูดซึมสารอาหารอาจจะใช้เวลาไม่เท่ากัน เพราะเมื่ออยู่กับว่างไปนานๆก็จะรู้เองว่ามันก็ว่างอยู่อย่างนั้นหันมาอยู่กับความจริง ลองมาพิจารณาของเดิมๆซ้ำในธรรมชาติ อาจจะเปลี่ยนไปเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นนะครับ ถ้าเราลองมองอีกหลายๆมุม อาจจะมีมุมที่ Yes!!! ก็ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2016
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ลองพิจารณาในมุมใหม่ๆมั่งเช่น หลาย คนอาจจะเคยลองพิจารณาธาตุ 4 เพื่อละสักกายะ หรือ พิจารณาธาตุ เพ่งธาตุเพื่อเอากสินต่างๆ ลองหันมาพิจารณาธาตุ 4 ใน คุณค่าของมัน เช่นน้ำมีคุณค่าอย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง มีประโยชน์ แค่ไหนกับตัวเราผู้อื่นอย่างไร จนกว่าจะเข้าใจรู้สึกว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์แค่ไหน ให้มันเข้ามาภายในจริงๆเห็นคุณค่าของมันจริงๆในความรู้สึกไม่ใช่ความคิด ให้เหมือนกับตอนที่เรารู้และเข้าว่ากายไม่ใช่ของเราจริงๆตอนละสักกายะ จากนั้นก็ไล่พิจารณาไปเรื่อยๆ เห็นอะไรก็พิจารณาสิ่งนั้นจนกว่าจะเห็นคุณค่าของมันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า มนุษย์ สัตว์ กิเลส ทุกตัว เก้ารอเก้า เพราะทุกอย่างคือธรรม คือธรรมชาติ จะได้รูว่าเราเมตตาต่อธรรมชาติไม่ได้เพราะธรรมชาติมีแต่ให้ ให้คุณให้โทษ ให้เรียนรู้มากมาย เราจึงทำได้แค่รัก รัก รักธรรมชาติให้มากๆ เมื่อรักธรรมชาติแล้วเราจะทำอะไรให้เขาได้มั่งครับ
    ถ้าใครลองพิจารณาแล้วได้ความว่ายังไง ลองมาระบายในนี้ก็ได้ครับจะได้แบ่งปันกัน
    รูปแบบนี้พอเป็นไปได้ไหมครับท่านดอกไม้ ใครสงสัยก็ถามท่านดอกไม้เลยครับเวลากอบโกย ศักศรี ความกลัวทิ้งมันไป มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันซิครับอย่าเก็บไว้คนเดียว ผมหิว ..!!!??
     
  3. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ข้างบนเป็นธรรมเด็กเสริฟธรรมดา เสนอตัวอย่างอาหารให้ลองชิม ท่านใดมีเมนูอะไรแนะนำติชมเสนอมาได้ครับเดี๋ยวผมส่งให้พ่อครัวปรุงให้ ไม่ต้องเกรงใจครับผมเป็นแค่เด็กเสริฟในร้านอาหารธรรมดาๆคนนึงครับ ทำอะไรผิดพลาดต้องขออภัยพี่ๆทุกคนนะครับ
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ~ ธรรมะ ก็เป็นภาระอย่างหนึ่ง ~


    ก่อนจะมีธรรม ไม่รู้ ก็อยากมีธรรม
    เมื่อมีธรรมแล้ว จึงรู้ ถึงภาระที่แบกไว้

    ก็ธรรมนั้นไม่อาจขาดหายได้ดุจธรรมชาติ
    ไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ในจักรวาลนี้

    เมื่อบุคคลหนึ่งบรรลุธรรมแห่งพระอาทิตย์
    เขาก็จะต้องแบกภาระหน้าที่ของพระอาทิตย์

    ยาวนานนับกัปกัลป์อันมิอาจจะนับได้นั้น
    จนกว่าจะมี "ธรรมทายาท" มาแทนที่เรา

    เช่นนี้ ผู้มีธรรมทุกคนล้วนไม่มีใครอยากปิดบัง
    พวกเขาล้วนอยากได้ "ตัวตายตัวแทน" ทั้งนั้น

    เพื่อปลดปล่อยตัวเองให้ออกจากภาระนั้นๆ
    พวกเขาจึงต้อง "ถ่ายทอดธรรม" ของตนไป

    เพื่อแสวงใครสักคนที่จะเป็นธรรมทายาทของตน
    มาแบกรับภาระหน้าที่แทนตน เพื่อตนจะได้หลุดพ้นไป

    การได้พบ "ผู้มีพรสวรรค์" อันสามารถสำเร็จธรรมของตน
    จึงเป็นการค้นพบทางไปสู่อิสรภาพจากภาระทางธรรมนั้น

    ~~ ซึ่งผู้ไม่เคยมีธรรม ย่อมไม่รู้เท่าถึงกฎธรรมชาตินี้ ~~
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การบรรลุธรรม


    การบรรลุธรรมไม่ใช่การหายต๋มไป ว่างเปล่า สูญไปซะเฉยๆ อะไรแบบนั้น แบบนั้นจะบรรลุไปทำไม? ปล่อยให้มารมาทำลายจิตวิญญาณให้แตกสลายไปเลยดีกว่าไหม? ง่ายดี การบรรลุธรรม เข้าสู่ภาวะธรรมชาติอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็มีหน้าที่กันทั้งนั้นละครับ ธรรมะ ธรรมชาติทุกอย่างมีหน้าที่ของมัน ไม่ใช่อยู่อย่างว่างเปล่าไร้เหตุผล ธรรมชาติทุกอย่างในโลก มันไม่ใช่สิ่งเดิมที่มันเคยเป็นมา โลกเดิมเป็นแค่ลูกไฟ เพราะมีการสร้าง มันจึงเป็นได้อย่างทุกวันนี้ แม้แต่ดิน, หิน, น้ำ, แสงแดด, ต้นไม้ ฯลฯ ต้องมี "ผู้สร้าง" ทั้้งสิ้้น เมื่อสร้างแล้วก็ต้องมี "ผู้รักษา" ไว้จนกว่าจะถึงกาลแตกดับจึงจะส่งต่อให้ผู้ทำลายในท้ายที่สุด นิพพานเป็นเพียงประตู ให้เราก้าวผ่านสมมุติหนึ่งได้อย่างดับสนิทเพื่อไปสู่สมมุติใหม่เท่านั้นเอง

    แม้แต่ธรรมะ ธรรมชาติของพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน
    ต้องมีผู้สืบทอดพุทธะต่อไปเรื่อยๆ เฉกเช่นกัน
    ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายได้ดุจสายธารธรรม
     
  6. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๕๑

    อ้าว..ไม่รู้จะทำทำไม แล้วจะพูดทำไม ไม่เข้าใจ
    ถามหัวใจตัวเองดิ อยากทำป่าว ง่ายจะตาย
    เราไม่คิดมาก ก็แค่ทำไป ตามหัวใจ

    แล้วไอ้ดาบปืนระเบิดนี่มาไงหว่า
    ย่อหน้านี้ขอผ่านละกัน นะ

    เอ้า..ขำเป็นเพื่อนก็ได้ ๕๕๕ แต่ข้างงงง

    น่าจะเป็นแบบไหน สำหรับคำคมนี้
    อยากรู้ ก็ต้องถามเจ้าของ ว่า

    [​IMG]

    จากต้นฉบับ อ่านหัวใจของเค้า แล้วน่าจะแปลได้ว่า
    เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความรู้จะตัน มันไปต่อไม่ได้อ่ะ
    ต้องไปต่อด้วยจินตนาการ ไร้สาระบ้าง
    ให้มันนำทาง เปิดทาง ชี้ทางไป
    เค้าน่าจะซ่อนไว้แบบเนี้ย
    แบบส่วนต่อขยาย
    ของรถไฟฟ้า
    ล่ะมั้ง นะ


    ใครมาตอบไม่ทราบได้ / สภาหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  7. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ครับผม ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรง่ายๆแน่นอนเพื่อให้ธรรมนั้นสืบทอดต่อไปย่อมต้องมีผู้สืบทอดธรรมนั้นตามที่ท่านดอกไม้กล่าว ไม่งั้นเราจะเรียนรู้ไปทำไมถ้าเรียนรู้แล้ว ไปว่างเฉยๆ และผมไม่ได้เป็นผู้ที่มีความปราถนายิ่งใหญ่อะไรแค่ทำในสิ่งที่เราทำได้ เป็นใบหญ้าก็ทำแบบใบหญ้าครับผม และในธรรมชาติย่อมมีผู้ดูแลสมมุติในระดับต่างๆกัน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปโดยปรกติ จึงต้องให้ความเคารพผู้ดูแลทั้งหลายเหล่านั้นที่เสียสละมาทำหน้าที่ครับผม
     
  8. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ก็คิดองค์ประกอบไว้ก่อนครับเผื่อซักวันต้องใช้จะได้ทำเป็นครับ -0- เผื่อซักวันได้งานไล่จับพวกนี้ครับ
    ในความคิดผมคือความรู้ไม่มีขีดจำกัดครับ เพียงแค่เรายังไม่รู้ในทุกสิ่งเอง คงต้องรอถึงวันนั้นแหละ * *
    และจินตนาการก็คือการนำความรู้มาเป็นองค์ประกอบกันครับ เช่นรู้เนื้อดิบ+รู้ความร้อนลองทำ ได้เนื้อสุก+รู้เกลือ อร่อย อันนี้ก็เป็นแค่ความคิดของผมนะครับอาจจะไม่ตรงกับท่านกระต่ายป่าครับผม
     
  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๓.๕๒

    ในความคิดผมคือความรู้ไม่มีขีดจำกัดครับ

    ผิดแล้วม้างงง คนเรารู้ ก็แค่ที่เรารู้
    สิ่งที่ไม่รู้ ก็ยังมีอีกมากมาย นะ
    ไม่เคยรู้ ยังไม่รู้ ไม่อยากรู้

    นอกจากจะขึ้นยานได้อ่ะ
    ถึงจะข้ามขีดจำกัดได้ อีกแยะ
    แต่ต้องใช้จินตนาการ ถึงจะขึ้นได้
    บนยาน มีไอเท็มแสนรู้ ใช้รู้อะไรก็ได้


    จากหน้าแรก ของนักรบแสง เค้าเคยเดินผ่านทางนี้อ่ะ


    และจินตนาการก็คือการนำความรู้มาเป็นองค์ประกอบกันครับ


    อันนี้ก็ไม่น่าใช่นะ เนอะ
    พลังด้านเด่นของจินตนาการ
    คือ พาจิตออกไป ในจุดที่ไม่รู้จัก
    ที่ท่านยกมา มันคือความคิดสร้างสรรค์
    ต้องไปต่อ อีกสองสามขั้นล่ะมั้ง นะ
    วัดจากข้อความข้างบนนั่นน่ะนะ
    ยังต้องปรับแต่งอีกหลาย


    ดร.ดิเรก ผ้วประภาพี่ประไพ / เราเจ๋ง เราแจ๋ว เราแนวใหม่

    .
     
  10. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ก็นั่นละครับพอเราจินตนาการเสร็จมันก็กลายเป็นรู้ เป็นพื้นฐานให้รู้ขั้นต่อไป จินตนาการมันก็คือการ + ไปเรื่อยๆ จินตนาการจากความว่างไม่ได้ครับ
    อ้าาาา จะถกกันทำไมหว่ามันก็คือนำความรู้มาสร้างสรรค์ธรรมดานี่เอง ทุกคนก็มียานแต่ต้องถึงจุดหนึ่งก่อนนะครับ ยานนั่นก็คือแหล่งรวมทุกๆอย่างของเราแหละครับทั้งเทคโนโลยีความรู้ แต่บนยานไม่มีความรู้ด้านนอกไงเลยต้องมาเรียนรู้ของใหม่ๆครับธรรมใหม่ๆ ใช้แต่ของเดิมๆมันก็เบื่อแย่เลยครับ
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ทุกคนเป็นธรรมะในตัวอยู่แล้ว แล้วแต่ว่าจะเป็นธรรมะอะไร


    สรรพสิ่งเป็นธรรมะ ธรรมชาติ คนเราทุกคนก็เป็นธรรมะ ธรรมชาติในตัวอยู่แล้ว แม้ไม่ได้รู้ ไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลยก็ตาม เพียงแต่เป็นธรรมชาติที่แตกต่างกัน เรียกว่า "ความหลากหลายทางธรรมชาติ" เช่น บางคนเป็นธรรมชาติแบบพุทธะ, บางคนเป็นธรรมชาติแบบปุถุชน ฯลฯ ดังนั้น จึงไม่มีใครหรือสิ่งใดเลย ที่ไม่มีธรรมะ ธรรมชาติ หรือไม่ใช่ธรรมะ ธรรมชาติ

    แลธรรมะ ธรรมชาตินั้น อนิจจัง ไม่เที่ยง ได้แปรเปลี่ยนเกิดดับไป เรียกว่า "การดำเนินไปของธรรม" เมื่อธรรมดำเนินไปผ่านความดับ สู่การเกิด คนเราก็เปลี่ยนไป เช่น เจ้าชายสิทธัตถะดับลง เกิดเป็นพระสมณโคดมขึ้นมาในวันวิสาขบูชานั้น ก็คือ การดำเนินไปของธรรมะ ธรรมชาติอย่างหนึ่ง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็เช่นกัน สามารถดำเนินไปตามรอยพระสมณโคดมได้ เมื่อจิตปุถุชนดับไปสนิทนั้น โพธิจิตแท้ก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ โพธิจิตแท้นี้ มิได้เกิดจากความดับสนิทเพราะความดับสนิทนั้นย่อมไม่มีการเกิดอีก แต่เป็นการกำเนิดใหม่ จาก "เหตุปัจจัย" ที่เหลืออยู่ทำหน้าที่ "สืบต่อชีวิตินทรีย์" เช่น หากจิตวิญญาณของท่านนิพพานลง โดยยังเหลือ "สังขารดำรงอยู่นั้น" สังขารที่เหลืออยู่ก็เป็นเหตุปัจจัยในการสืบต่อชีวิตินทรีย์เท่านี้เอง เมื่อนั้น จิตวิญญาณก็มาจุติ โดยอาศัยสังขารนี้เป็นเหตุได้ แลการกำเนิดใหม่นี้ ท่านได้ผ่านนิพพานมาแล้ว ท่านไปสุดสายแห่งสาวกยานมาแล้ว จึงไม่มีสาวกยานให้ท่านอีก ท่านจึงเป็นโพธิแท้ "โดยไร้เจตนาที่จะเป็น" ไร้การกำหนดที่จะเป็น โพธิจิตที่แท้จริงจึงเข้าถึงได้ โดยไร้เจตนาจะเข้าถึงดังนี้

    การเคลื่อนดำเนินไปแห่งธรรมนี้ เกิดขึ้นเป็นวัฏจักร ครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกว่า "ธรรมจักร" แลธรรมจักรนี้ก็หมุนครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านความเป็นกลางไปตลอดสาย จึงไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง อยู่ด้วยฝั่งซ้ายและขวา ไม่ติดทั้งฝั่งรูปและนาม ไม่ติดทั้งฝั่งรูปและความว่าง ผ่านจากธรรมะ ธรรมชาติหนึ่งที่ดับลง ไปสู่อีกธรรมะ ธรรมชาติหนึ่งที่เกิดขึ้นมาแทนที่ เกิดดับอยู่อย่างนี้ ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นตัวตน บุคคลใดๆ ได้ เมื่อตัวตนเก่าของเจ้านิพพานไป แล้วตัวตนใหม่กำเนิดขึ้นจากเหตุปัจจัยส่วนเหลือ แล้วเจ้าจะเป็นใครหรือ?

    แลโพธิจิตแท้จึงบังเกิดขึ้นได้เมื่อผ่านนิพพาน สละนิพพานนั้นเอง
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้้นในหัวใจของเราได้อย่างไร?


    เมื่อ "ความรักแบบปุถุชน" เกิดขึ้นนั้น จิตปุถุชนของเราก็ไม่เปลี่ยนไปเลย จนเมื่อเรามีความรักที่เหนือกว่านั้นขึ้นไป คือ ความรักขั้นเทพ หรือความรักแท้ ความรักแท้นี้นำทางเรา ให้เราหลุดพ้นไปจากความเป็นปุถุชน ทำให้เราหลุดออกจาก "กรอบกรงขังแห่งความเป็นปุถุชน" และเมื่อนั้น เราก็จะค้นพบ "อิสรภาพที่แท้จริง" ซึ่งเกิดขึ้นจากภายในของเราเอง (Inner) โดยไม่ต้องเรียกร้องจากใคร

    เมื่อความรักแท้ได้บังเกิดขึ้นในหัวใจของเรานั้น มันทำให้เราเห็น "คุณค่าของคน" เริ่มต้นจากคนที่เรารัก เราเห็นคุณค่าของการลาจาก, การสูญเสีย และการไม่ได้เคียงข้างกับคนที่เรารัก เราจึงได้เรียนรู้ "คุณค่าของผู้อื่น" จากจุดเริ่มต้นนั้น เหมือนประกายแสงที่ถูกจุดขึ้นมาแล้ว เมื่อเรามองไปถ้วนทั่ว เราจะเห็นคุณค่าของผู้อื่นด้วย เราจะเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน เมื่อนั้นเราก็จะเข้าถึง "ความเสมอภาค" กันของมนุษย์ทั้งหลาย เราจะเห็นมนุษย์ทั้งหลายมีคุณค่าไม่ต่างกัน เท่าเทียมกัน ความเท่าเทียมกันนี้ มิใช่ความเท่าเทียมกันตามอุดมคติของใคร ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ "โลกในอุดมคติหรือโลกในความฝัน" ของใคร ในแบบที่เรียกว่า "ยูโทเปีย" ก็หาไม่ เพราะมันไม่ได้เกิดจากความคิดฝัน แต่มันเกิดจาก "ความรักแท้" ที่เปิดโลกทัศน์ เปิดดวงตาให้เราเห็นความจริง คือ คุณค่าของเพื่อนมนุษย์ ที่มีความเท่าเทียมกัน ไม่ต่างกันเลย

    เมื่อความรักแท้นั้นได้ดำเนินไปอีก เราจึงเห็น "มนุษย์ทั้งโลก" เป็นดั่งพี่น้องกันทั้งนั้น กำแพงกีดกั้นใดๆ เป็นเพียงสมมุติทางโลก ที่ไม่ได้มีสาระที่แท้จริง และเราต้องก้าวข้ามกำแพงแห่งความแตกต่างนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางเชื้อชาติ, ศาสนา, สีผิว, การศึกษา, วัฒนธรรม ฯลฯ ความรักแท้ทำให้เราดำรงอยู่ วางตัวอยู่ในฐานะ "พี่น้อง" มันคือความรักแท้ที่ไม่จำเป็นต้องครอบครองเป็นเจ้าของอีกต่อไป เพราะในความเป็นพี่น้อง (ภราดรภาพ) ก็พอเพียงแล้ว เมื่อนั้น ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็เกิดขึ้นในหัวใจของเรา

    แลมันไม่ได้เกิดขึ้นจากการใช้คนหมู่มากเรียกร้องเอาจากใครเลย
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความรักแท้เท่านั้นที่จะนำเสรีภาพมาสู่คุณ


    เมื่อคุณเกิดความรักแท้ ความรักแท้จะนำทางให้คุณไปสู่เสรีภาพ เมื่อนั้นคุณจะเห็นโลกที่งดงาม เพราะคุณมีความรัก และเห็นมวลมนุษย์ทั้งหลายล้วนเท่าเทียมกัน และทุกคนล้วนมีคุณค่า มีหน้าที่ มีความสำคัญไม่ต่างกัน เมื่อนั้นแหละ "เสรีภาพที่แท้จริง" จึงเป็นของคุณ นี่ไม่ได้แปลว่าให้คุณไปเรียกร้องเสรีภาพจากใคร ไม่ได้แปลว่าให้คุณไปบงการรัฐบาลในเรื่องนโยบายเสรีภาพ ก็หาไม่ แต่ "คุณต้องมีมันเอง" ไม่ใช่ไปเอาจากใคร และการที่คุณจะมีมันได้ ก็ต้องอาศัย "ความรักแท้" นำทางไปครับ ความรักแท้จะนำทางเราออกไปจากกรงขัง กำแพงใจ และกรอบความคิดต่างๆ ทำให้เราหลุดออกจากโลกแคบๆ โลกเดิมๆ ที่เป็นโลกส่วนตัวของเรา ซึ่งมันไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง มันจะนำทางเราไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ด้วยหัวใจแห่งรัก คุณจะเห็นโลกที่งดงามด้วยคุณค่าของทุกสรรพสิ่ง เท่าเทียมกัน คุณค่าของมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน

    นั่นคือ เมื่อคุณเกิด "ความรักแท้" ขึ้น คุณจะก้าวไปสู่ "เสรีภาพ" หัวใจของคุณจะมีเสรีภาพเต็มที่ที่จะรักใครก็ได้ โดยไม่มีเงื่อนไข และมันจะเปิดดวงตาของคุณให้เห็นคุณค่าของมนุษย์ และนำไปสู่ "ความเท่าเทียมกัน" เป็นประการที่สอง จากนั้น คุณจะเห็นว่ามนุษย์ทั้งหลายก็ล้วนเป็นเหมือนพี่น้องกัน กำเนิดมาจากจุดเดียวกัน ดังนั้น คุณก็จะเข้าถึง "ภราดรภาพ" เป็นลำดับสุดท้าย หรือในอีกกรณี หากคุณเริ่มต้นจากภราดรภาพ จะทำให้คุณเห็นคนเท่าเทียมกัน คุณก็จะได้ "ความเสมอภาค" และเสรีภาพในลำดับสุดท้าย เช่นนี้ก็ได้ ทว่า การเข้าถึง "ความรักแท้" จะเป็นทางที่ตรงที่สุด เพราะมันมีผลต่อจิตใจของคุณมากที่สุด ทำให้คุณเข้าถึงความเป็นประชาธิปไตยจากใจของคุณ ไม่ใช่จากสมอง ไม่ใช่จากความคิด แต่เป็นจาก Inner ของคุณจริงๆ แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่าความรักแท้ นำไปสู่ความรักที่เสรี แต่ไม่ใช่เรื่อง free sex นะครับ

    และเมื่อใดที่คุณได้เสรีภาพแล้ว คุณจะไม่อยากเสียมันไปอีกเลย
     
  14. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป เด็กแนวไม่ได้อยากจะแนวหลอก แค่ไม่อยากเลียนแบบคนอื่นเท่านั้น
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ~ เมื่อดวงใจมีรัก ~


    เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล
    ก็ด้วยความรักนั้นนำมาซึ่งเสรีภาพให้แก่หัวใจของเรา

    ความรักแท้นั้นทำให้เราเข้าถึง "เสรีภาพ" ที่แท้จริง
    นำพาเราออกจากกรงกรอบที่ครอบขังเราทั้งหลาย

    เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่งอย่างแท้จริง สิ่งใดๆ ไม่อาจกั้น
    นั่นไม่ได้แปลว่าเราเอาแต่ใจตัวเอง หลงตามใจตัวเอง

    แต่หมายถึง "อิสรภาพแห่งหัวใจ" ที่จะรักใครก็ได้
    เพราะความรักนั้นไม่มีความผิด และไม่อยู่ในเงื่อนไขใดๆ

    หากเราคิดจะรักใครสักคน เราต้องกล้าที่จะเป็นทุกข์
    ทุกข์เพราะรัก ทุกข์เพราะเขาคนนั้น ทุกข์จนใจสลาย

    เมื่อนั้น หัวใจของเราจะได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการ
    เพราะหัวใจที่สลายนั้น ไม่อาจถูกกางกั้นด้วยกรงขังใดๆ อีก

    บางครั้ง เราอาจมืดมนเมื่อดวงใจของเราแหลกสลายดับไป
    ก็เมื่อเรามี "พลังแห่งรัก" ที่ก้าวข้ามจุดนี้ไปได้แล้วนั่นแหละ

    หัวใจของเราก็จะสุขสว่างอีกครั้งด้วยพลังแห่งรักแท้นั้น
    แลเสรีภาพที่แท้จริง ก็จะบังเกิดขึ้นแก่เราโดยมิต้องเรียกร้อง

    ~ หัวใจของเราก็เต็มบริบูรณ์ โดยไม่ต้องเติมเต็ม ~
     
  16. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ทำนองว่าถ้าคุณยังไม่โดนสิ่งนี้ก็จะไม่เข้าใจถึงสิ่งนี้ และจะไม่มีวันรู้สึกได้ว่ามันเป็นยังไง
    และเมื่อมันตั่งอยู่ก็จะรู้ว่ามันตั่งอยู่ ความรู้สึกมันจะบอกเองเลยว่า ใช่เพราะมันไม่ใช่ความคิดมันจึงไม่มีลังเลสงสัยอะไร
    คล้ายๆกับคนเคยกินพริกน้าปล่าย่อมรู้รสชาติของมัน คนที่ไม่เคยกินก็ไม่รู้จะอธิบายรสชาติของมันว่ายังไง แบบนี้เหรอครับ
     
  17. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    ความรักแท้ อาจจะเป็น คลื่นความถี่ใดๆ ที่ส่งออกไปสู่บรรยากาศของโลก จักรวาล ดาราจักร เอกภพ มิติซ้อนทับนับอนันต์ และเปิดสวิตซ์รับในสิ่งที่ส่งออกไปด้วยความรักแท้

    เมื่อถูกเปิดสวิตซ์ ก็จะได้รับคลื่นความถี่ใดๆเข้ามา ทำให้ชีวิตเปลี่ยน (กาย วาจา ใจ ) ไปจากเดิมในทางที่ดีขึ้น

    ปล. จากจินตนาการผมครับ จิตตะดาราจักร คลื่นความรักแท้จงบังเกิดแก่โลกใบนี้
     
  18. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๒.๓๑

    ท่านดอกไม้แข็ง ธรรมบัวบานเนี่ย
    มีแบบบานๆ หุบๆ ด้วยป่าวครับ
    หรือบานแล้วบานเลย ไม่หุบ

    แบบว่า รมณ์บูด ก็หุบบัวไว้ก่อน แล้วเพี๊ยนไปได้แป๊บนึง
    แล้วค่อยบาน ตอนหายบูดแล้ว มีสวิทซ์ลับรึป่าว
    เพราะโลกนี้มันบ้าบอเกินจะบานตลอด

    อีกอย่างแก๊งค์นี้ เค้าไม่ค่อยรับกฏเกณฑ์นี่หน่า เนอะ
    ทำไรไม่แคร์ชาวบ้านด้วย ใช่ไม๊ อ่านที่ท่านเขียนมาน่ะนะ
    ไม่ต้องแบกแพเดินไปมาตลอดตลอด เค้าเป็นอิสระ จากทุกกฏ

    "วิธีการที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป"


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722


    ไม่รู้สิ ผมไม่ใช่คนฉลาดจะรู้หรอก
     
  20. than930

    than930 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +38
    ธรรมบัวบาน. จะมากำเนิดในประเทศไทย. เต็มรูปแบบ
    ที่ไหน. อย่างไร. เมื่อไร โดยผู้ใด
    คุณ frozen flower. ทราบไหมครับ

    ขอบพระคุณในคำตอบครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...