ไขปริศนา เงื่อนงำ ที่ตั้ง "ชมพูทวีป" และ "ลังกาทวีป" ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่?

<img src="http://palungjit.org/attachments/a.3653185/">

จะบอกให้ เอกไม่ได้รอบังองบังเอิญอะไรหรอก พูดไปงั้นแหละ ที่เอกไม่ได้บอกก็คือ ข้อความของเอกข้างบนที่เอามาแปะ มันมาจากเอกมโนเอาเองว่าโลกจะแตก ถ้าไม่มีใครมามโนตามเอกว่าพุทธเกิดในไทย ทีนี้เอกก็เอาไปโยงมั่วเรื่องวันสิ้นโลก โลกจะแตกแล้วโบราณวัตถุ สังเวชนียสถานในไทยตามความฝันของเอกจะโผล่ขึ้นมาเอง แล้วก็แป่ว มีการขอโทษว่าจะไม่ทำงี้ทำงั้นอีกแล้ว

จะบอกอะไรก็บอกให้หมดสิเอก

 

ใช่เลย ครับ ต้องยอมรับ ว่าในช่วงเวลานั้น "โหนกระแสภัยพิบัติ 2012" จนหน้าแหก หน้าแตกจริงๆ ครับ และหวังว่า ถ้า เกิดอะไรขึ้น รุนแรงดัง ที่มีการประโคมข่าว แผ่นดินจะไหว เขื่อนจะแตก คงจะได้มีโอกาส จะได้เห็น โบราณวัตถุ โบราณสถาน ที่ฝังจมอยู่ใต้พื้นดิน...

แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามคิดครับ..เพราะไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น...

เวลานี้ จึง ยังคาดหวังอยู่ว่า ในพื้นที่เป้าหมาย..จะมี การขุดค้นพบ โดยบังเอิญ แต่อย่างว่าครับ คงต้องรอให้บังเอิญจริงๆ เพราะคงไม่มีหน่วยงานไหน จะเห็นด้วย และสนับสนุน ในการขุดค้น หรือเสาะหาหลักฐานครับ

และจากข้อมูล ที่ประมวลมา ผมยังมีความเชื่อมั่นครับ ว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดขึ้นที่อินเดีย....สังเวชนียสถานทั้ง 4 ไม่ได้อยู่ที่อินเดีย...

มีแต่คนในภูมิภาคนี้ ไทย มอญ ลาว ที่รู้เรื่อง ประวัติของพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนา ที่อยู่นอกเหนือจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา ซึ่งประวัติศาสตร์ ที่อินเดีย คงไม่มี...(เพราะสูญหายไปหมด หรือ เพราะ สิ่งเหล่านี้ ไม่เคยอยู่ในความรับรู้ของคนแถบอินเดีย-เนปาล เลย) ดังเช่น ตัวอย่างนี้..

“พระยาประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค) กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสนา ของท่านว่า
ก่อนเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติเล็กน้อย ที่กรุงเทวทหะมีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าอัญชนะ มี
พระขนิษฐาพระองค์หนึ่งไปเป็นพระมเหสีพระเจ้าสีหหนุแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ส่วนพระองค์ก็ได้พระ
ขนิษฐาของพระเจ้าสีหหนุมาเป็นพระมเหสี ส่วนที่กรุงราชคฤห์มีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าพาทิ
ยะ กษัตริย์ทั้งสามนครสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้ามหาสมมติตั้งแต่ครั้งปฐมกัลป์และเป็นพระสหายกัน

พระเจ้าอัญชนะนั้นมีพระอนุชาพระองค์หนึ่งถือเพศเป็นดาบส พระนามว่า กาลเทวิลดาบส
ครั้งหนึ่ง กาลเทวิลดาบส ได้ชักชวนให้กษัตริย์ทั้งสามนครลบศักราชเก่าเสียแล้วตั้งศักราชของตนเอง
ขึ้นมาใช้ใหม่เรียกว่า อัญชนะศักราช แต่ในบางแห่งก็เรียกว่าศักราชของพระเจ้าสีหหนุ

พระเจ้าสีหหนุมีโอรสพระองค์หนึ่งคือพระเจ้าสุทโธทนะ มีพระชายาคือพระนางสิริมหามายา
และต่อมามีพระชายาอีกองค์คือพระนางปชาบดี ทั้งสองเป็นพระธิดาของพระเจ้าอัญชนะ ต่อมาเมื่อ
อัญชนะศักราชได้ ๖๘ ปี พระโพธิสัตว์ได้ถือปฏิสนธิในครรภ์พระนางสิริมหามายา และมีพระ
ประสูติกาลเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๖๙ ปี ครั้งเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๙๘ ปี พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรง
ออกผนวช และได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๑๐๓ ปี จนถึงอัญชนะ
ศักราชได้ ๑๔๘ ปีก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน”

....

ผมเชื่อว่า สำหรับ ผู้มีปัญญา ด้วยการพิจารณาจากหลักเหตุและผล ก็อาจจะสามารถ ที่จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ใช่หรือไม่ใช่ ตามที่ผมเชื่อ

แต่แน่นอน สำหรับ ผู้ที่ยังมีความยึดติด กับ สิ่งที่ถูกทำให้เชื่อว่า "อยู่ที่อินเดีย" ต้อง มีหลักฐาน ที่จับต้องได้ เท่านั้น ที่อาจจะเปลี่ยนความคิดได้ครับ...

ขอบคุณนะครับ 12qv ที่ยังติดตามกันด้วยดี เสมอมา

 

ตอนนั้นหน้าแหกมาครั้งนึง ใครยกอะไรมาเอกไม่ฟังทั้งนั้น แล้วก็เงิบกินหายบ้ากันไปเอง
คราวนี้ก็แหกอีกนั่นแหละเอก ปัญหาของเอกคือเอกไม่สนใจประวัติศาสตร์ โบราณคดี เอกไม่สนใจว่าโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับพุทธของเราที่มีมา มันเก่าเท่าเขาไหม เอกว่างๆก็ไปคณะโบราณคดี ม.ศิลปากรที่วังท่าพระก็ได้ ไปคุยกับอาจารย์ดู

เอกยกวัตถุอะไรมาที่หาเอาจากกุ๊กเกิลเช่นก้างปลาช่อน มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับพุทธเลย แค่สักแต่ยกมาแก้ขวย

เอกก็รู้ดีถึงความสำคัญของสังเวชนียสถาน เห็นยกมาอ้างบ่อยๆ ถ้าไม่เป็นไปตามที่เอกคิดนี่ งานเข้าเลยนะ ไหนจะปรามาสมาเป็นเวลาหลายๆปี โบราณสถานต่างๆที่น่าจะสร้างโดยพระเถระหรือผู้ทรงศีลระดับสูง เอกก็บอกสร้างโดยอลัชชี เอกคิดเอาเองแล้วกันว่าปรามาสกันแบบนี้มันจะมีผลอะไร

http://palungjit.org/threads/อยากรู...านไปสร้างไว้อินเดีย.259052/page-9#post4084630

 

"ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม" ครับ

แล้วเราจะได้เห็น ว่า กรรมในการ เหยียบย่ำคำของบรรพบุรุษ คำของพระอรหันต์ คำของพระพุทธเจ้า จะส่งผลเช่นไร....กับประเทศไทย และคนไทย นะครับ...

อย่าไปคิดว่า นักวิชาการที่เดินตามก้นกันมาผิดๆ สถาบันทางวิทยาศาสตร์ จะรู้ไปเสียทุกสิ่ง พิสูจน์ได้ทุกอย่างในพระไตรปิฎกและอรรถกถา..

คนรุ่นก่อนๆ รู้ประวัติพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า มากกว่า "นักวิชาการในตำราเยอะ" ครับ โดย เฉพาะ ฐานความรู้ ก่อนที่ "นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี จะเปลี่ยนความเชื่อ ของคนในภูมิภาคนี้" อย่างเช่น ประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า ที่อินเดีย อาจไม่มี และไม่เคยรู้เลย ตัวอย่างย่อๆ ว่า

“พระยาประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค) กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสนา ของท่านว่า
ก่อนเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติเล็กน้อย ที่กรุงเทวทหะมีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าอัญชนะ มี
พระขนิษฐาพระองค์หนึ่งไปเป็นพระมเหสีพระเจ้าสีหหนุแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ส่วนพระองค์ก็ได้พระ
ขนิษฐาของพระเจ้าสีหหนุมาเป็นพระมเหสี ส่วนที่กรุงราชคฤห์มีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าพาทิ
ยะ กษัตริย์ทั้งสามนครสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้ามหาสมมติตั้งแต่ครั้งปฐมกัลป์และเป็นพระสหายกัน

พระเจ้าอัญชนะนั้นมีพระอนุชาพระองค์หนึ่งถือเพศเป็นดาบส พระนามว่า กาลเทวิลดาบส
ครั้งหนึ่ง กาลเทวิลดาบส ได้ชักชวนให้กษัตริย์ทั้งสามนครลบศักราชเก่าเสียแล้วตั้งศักราชของตนเอง
ขึ้นมาใช้ใหม่เรียกว่า อัญชนะศักราช แต่ในบางแห่งก็เรียกว่าศักราชของพระเจ้าสีหหนุ

พระเจ้าสีหหนุมีโอรสพระองค์หนึ่งคือพระเจ้าสุทโธทนะ มีพระชายาคือพระนางสิริมหามายา
และต่อมามีพระชายาอีกองค์คือพระนางปชาบดี ทั้งสองเป็นพระธิดาของพระเจ้าอัญชนะ ต่อมาเมื่อ
อัญชนะศักราชได้ ๖๘ ปี พระโพธิสัตว์ได้ถือปฏิสนธิในครรภ์พระนางสิริมหามายา และมีพระ
ประสูติกาลเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๖๙ ปี ครั้งเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๙๘ ปี พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรง
ออกผนวช และได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่ออัญชนะศักราชได้ ๑๐๓ ปี จนถึงอัญชนะ
ศักราชได้ ๑๔๘ ปีก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน”

หรือ ประวัติศาสตร์ หรือตำนานท้องถิ่น เชียงตุง เชียงรุ่ง ...เอาน่า ไหนๆ ผมก็รอมา 13 ปีแล้ว จะรออีก 2 ปี 3 ปี จะเป็นไรไป...เพื่อจะล้างความลวงที่ครอบงำโลกนี้อยู่....

 

มันก็มาแนวเดิมๆแบบเอกๆแหละ แต่ก่อนใครไม่เชื่อแบบเอก เอกบอกก็คอยดูโลกจะแตก แล้วที่แตกก็คือหน้าเอก ทั้งแตกทั้งแหก คราวนี้แช่งประเทศไทย คนไทย ใครไม่เชื่อแบบเอก ล่มจมแน่

เชื่อแบบเอกคือ สังเวชนียสถานที่เก่าแก่มาเป็นสองพันกว่าปีสร้างโดยนักบวชนอกรีต พระอลัชชี


เชื่อแบบเอกคือ โบราณสถานที่ลุมพินีวันที่อินเดีย สร้างโดยนักบวชนอกรีต พระอลัชชี
เชื่อแบบเอกคือ โบราณสถานที่พุทธคยาที่อินเดีย สร้างโดยนักบวชนอกรีต พระอลัชชี
เชื่อแบบเอกคือ โบราณสถานที่สารนาถที่อินเดีย สร้างโดยนักบวชนอกรีต พระอลัชชี
เชื่อแบบเอกคือ โบราณสถานที่กุสินาราที่อินเดีย สร้างโดยนักบวชนอกรีต พระอลัชชี

 

<img src="http://palungjit.org/attachments/a.3658270/">

 

แนะนำให้ไปขอขมาพ่อแม่ จะได้หายอาการเหล่านี้ ครับ

 

ยังยืนยัน ครับ...ว่า เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ชำระเสี้ยนหนามพระพุทธศาสนา ในอาณาจักรแล้ว..

พระราชาทรงทราบว่า "พวกนี้ เป็นอัญญเดียรถีย์ไม่ใช่พระ-
ภิกษุ" เพราะพระองค์ได้ทรงศึกษาลัทธิมาก่อนนั่นแหละ จึงทรงพระ-
ราชทานผ้าขาวแก่พวกเดียรถีย์เหล่านั้นให้สึกไปเสีย. อัญญเดียรถีย์
ทั้งหมดที่สึกออกไปมีถึง ๖๐,๐๐๐ คน.

...

อาณาจักรของพระเจ้าอโศก มีศูนย์กลางอยู่แผ่นดินไทย..ขอบเขตด้านตะวันตก พิจารณาจาก แว่นแคว้นที่ มีการส่งพระสมณฑูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา อยู่พม่าตอนเหนือจรดบังคลาเทศ ไปถึงเชียงตุง เชียงรุ่ง (สิบสองปันนา) ...ผมจึงกล่าวในความเห็นว่า เดียรถีย์บางส่วน จะอพยพเข้าไปยังอินเดียตอนเหนือ แล้วไปบวชและเผยแผ่ศาสนา ที่ไม่ใช่แบบเถรวาท ซึ่ง ในคัมภีร์อรรถกถา เรียกว่าเป็น "กาฝาก" จึงเกิดนิกาย ต่างๆ มากมาย ที่ต่างไปจากเถรวาท ครับ

และคงจะได้ให้คำแนะนำ แก่ "ผู้ปกครอง หรือกษัตริย์ ในแถบนั้น" สร้าง เจดียสถานขึ้น...สืบต่อมา แต่เนื่องจาก เป็นสถานที่จำลอง..จึงไม่มีความสัมพันธ์ทั้งระยะทางและทิศ ตำแหน่งที่ตั้งที่สอดคล้องกับ คัมภีร์พระไตรปิฎก และอรรถกถา ของฝ่ายเถรวาทครับ..ดังที่ ผมได้ยกตัวอย่าง และชี้ให้เห็น ครับ..

ตัวอย่าง ที่ จะแสดงให้เห็นเพิ่มเติม อีก เช่น แคว้นโกสัมพี กับแคว้นพาราณสี ซึ่ง อนประวัติพระพากุลเถระ กล่าวว่า 2 เมืองนี้ อยู่ห่างกัน 30 โยชน์ 480 กิโลเมตร (ยกเว้นแต่เชื่อตามฝรั่งว่า 1 โยชน์ ยาว ตั้งแต่ 1.3-13 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้น)

แต่ ที่อินเดีย ระยะจาก ศูนย์กลาง ถึง ศูนย์กลาง ของ 2 แคว้น ห่างกัน ประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นต้น

เพราะ ฉะนั้น ถ้ายังเชื่อตาม Chart ฝรั่งตั้งสมมติฐาน และลงความเห็นมา ซึ่ง มีถูกแค่ สุวรรณภูมิ ที่เหลือผิดหมด..นั้น ก็เชื่อกันไปก่อนครับ....จนกว่าจะพบเจอหลักฐาน เพราะ หลายแคว้น ที่คนโบราณยุคเก่าของมอญ พม่า ไทย บันทึกไว้ มันคนละที่กับ "ฝรั่งชี้" ครับ

หรือแม้แต่จะเชื่อว่า "กระดูกเหมือนอย่างคนธรรมดา ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า" ที่ มิสเตอร์วิลเลียม เปปเป ขุดพบ ที่อินเดีย และที่ผอบใบที่บรรจุอัฐิธาตุนั้น มีข้อความจารึกด้วยอักษรพราหมีโบราณ ระบุว่า

“ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของตระกูลศากยราช ผู้มีเกียรติงาม กับพระภาตา พร้อมทั้งพระภคินี พระโอรส และพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวายไว้”

ก็เชื่อไปก่อนเถิด...แต่ ให้รู้ว่า ความอันนี้ สามารถแยกความเป็นสัมมาทิฏฐิ กับมิจฉาทิฏฐิ ได้เลยครับ

เพราะถ้าจะให้เชื่อตามนั้น ผมเชื่อไม่ลงครับ

 

ในขณะที่ทางอินเดียมีทั้งหลักฐานทางพุทธศาสนาที่พิสูจน์แล้วว่าเก่าแก่กว่า2000กว่าปี วัดวาอารามวิหารต่างๆที่ขุดค้นพบ ยังมีอีกทั้งวัดถ้ำที่สร้างมานับพันๆปี นายเอกผู้ไม่เคยแม้แต่จะเหยียบอินเดียสักครั้งในชีวิต ไม่มีแม้แต่หลักฐานชิ้นเดียวในมือมีแต่การคิดเองเออเอง กล้าบังอาจกล่าวหาว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นสร้างโดยคนนอกรีต อลัชชี เดียรถีร์ ขอชาวพุทธพิจารณาเอาเถิดครับ



<img src="http://palungjit.org/attachments/a.3658270/">

 

แล้วถ้า พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่อินเดีย แล้วใครมาสร้าง สังเวชนียสถาน "สถานที่ปรินิพพาน และ มกุฏพันธนเจดีย์- เขาถวายพระเพลิง" ที่ พระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี????

มาลองเสี่ยงอธิษฐานกันมั๊ยหล่ะครับ...คุณ 12qv ว่า "พระพุทธเจ้าสมณโคดม ปรินิพพานที่ไหน ระหว่าง อินเดีย กับ พระแท่นดงรัง ที่ไทย" ?

[๑๔๕] เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้ว พร้อมกับการเสด็จ
ปรินิพพาน ได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เกิดความขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้ง
กลองทิพย์ก็บันลือขึ้น ฯ

....

คุณ 12qv จะลองรับคำท้ากับผมมั๊ยหล่ะครับ...เรามาอธิษฐาน เช่นเดียวกัน ด้วยคำอธิษฐานเดียวกันว่า..."บัดนี้ ข้าทั้งสอง ระหว่างนายธนบดี กับ นาย 12qv ได้มีข้อสงสัยขัดข้องใจ ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ถึงสถานที่ดับขันธ์ปรินิพพาน ของพระพุทธเจ้าองค์พระสมณโคดม จึงขอให้แม่พระธรณีเป็นสักขีพยาน มาตรแม้นว่า เมื่อ 2559 ปีที่ผ่านมา พระพุทธเจ้าองค์พระสมณโคดมได้ทรงดับขันธ์ปรินิพพาน ณ สถานที่แห่งใด ขอ แม่พระธรณีจงได้ สำแดงอาการให้ลูกได้รู้แจ้ง ด้วยการบันดาลให้ แผ่นดินไหวใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันวิสาขปุรณมี ดุจเดียวกับเมื่อครั้งองค์พระสมณโคดมได้ทรงดับขันธ์ปรินิพพาน นั้น"

ถ้าตกลง คืนนี้ เรามาอธิษฐานกันทั้ง 2 ฝ่าย เกิดอะไรขึ้นมา จะได้ ไม่ใช่เป็นเพราะ ผมอธิษฐานฝ่ายเดียว...รับผิดชอบร่วมกัน

 

สมัยพุทธกาล กรุงเทพยังอยู่ใต้ทะเลอยู่เลย สอดคล้องกับตำนานพม่าเมืองหงสาวดี ก็เป็นเพียงเกาะกลางทะเล และอย่าลืมว่าตำนานเจดีย์ชเวดากองสร้าง
มาตั้งแต่พุทธกาลจากพ่อค้าชาวมอญ ดังนั้นตำนานพม่าจะยาวนานกว่าไทย

และตำนานพระธาตุพนมที่ ลป.ชอบ ระลึกชาติว่าเคยเป็นเณรเดินทางมากับขบวนพระมหากัสสปะ ..โดย..ใช้อิทธิฤทธิ์ย่นระยะทาง

ดังนั้น ระยะใกล้ไกล ใช้ประเด็นปัญหาใหญ่ของพระพุทธเจ้าเหรอ?

 

เอกรู้ป่าว โลกเราวันนึงมีแผ่นดินไหวทุกวันแหละ เอาไปหลอกเด็กไป 5555+
Earthquakes

คือจะแสดงเป็นผู้วิเศษว่างั้น เอกมีของดีแค่ไหนงัดมาให้หมด 5555+ จะปล่อยแสง พ่นพลังเต่า เอาให้เต็มที่ อยากรู้ว่าคนด่าว่าสังเวชนียสถานว่าสร้างโดยอลัชชีมันจะแน่แค่ไหน

 

ความจริงเอกก็โหยหาหลักฐานทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย แต่มันไม่มีไง เอกเลยหาทางออกแบบพิกลแบบนี้ 5555555


<img src="http://palungjit.org/attachments/a.3653185/%3E%20%3C/div%3E%20%20%3Cdiv%20class=">

 

ไม่โยกโย้ครับ เอาพิกัด 2 ที่ เลย คือที่ กุสินารา อินเดีย กับ พระแท่นดงรัง กาญจนบุรี ไหว 2 ที่ นี่หล่ะครับ...หรือ ท่าน TheVisionMind จะมาอธิษฐานด้วย

 

การเกิดแผ่นดินไหวตอนปรินิพพาน เค้าเป็นกรณีพิเศษ ไอ้นี่ทะลึ่งไม่เข้าเรื่องเอามาเสี่ยงทาย 555+

 

ท่านอเล็กซานเดอร์ เพื่อนบุเรงนองและเจงกิสข่านหายไป..กรุณาแวะมาเติมสีสัน

 

คือผมไม่มีความเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจวิเศษอะไรที่จะอธิษฐานแล้วเกิดแผ่นดินไหว ถ้าเอกคิดว่าแน่ เอกอธิษฐานคนเดียวไปเลย ไม่เห็นต้องรอใคร แล้วมาดูกันพรุ่งนี้

 

ตกลงว่า จะรับคำท้ามั๊ยหล่ะครับ??? พรุ่งนี้ วันสำคัญแล้ว เป็นวันรำลึก คล้ายวันปรินิพพาน..เป็นโอกาสที่ดีแล้ว...ไม่ได้อธิษฐาน พร่ำเพรื่อ ไม่เลือกวัน เพราะจะอธิษฐานวันอัฏฐมีบูชา วันนั้น ก็ไม่มีแผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้น

 

ถามจริง เอกคิดได้ไง อลัชชี เดียรถีร์สร้างโบราณสถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ปรินิพพาน คือมันบังอาจมากหรือคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชจริงๆ



<img src="http://palungjit.org/attachments/a.3658270/">

 

เอกไม่เห็นข้อ77เหรอ อ้อ ต้องเรียกพระเจ้าอโศกเอกดิ555+

เอางี้ก็ดีนะ จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานในเมืองไทยจริง ขอให้แผ่นดินไหวตรงบ้านท่านพระเจ้าอโศกเอกตรงๆที่เดียวเลย อย่างนี้เอาป่าว