ปัจจุบัน ท่านพ้นทุกข์กันหรือยัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xtrem, 18 พฤษภาคม 2016.

  1. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ช่วงนี้เห็นมีกระทู้คนอยากไปนิพพานกันเยอะ ถ้านิพพานคือ ที่ๆ ผู้พ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ดับกิเลสแล้วไปอยู่ นิพพานจึงเป็นอมตะ เที่ยงแท้
    แล้วขณะปัจจุบันนี้ ขณะที่มีลมหายใจเข้าออกอยู่นี่ ท่านพ้นทุกข์กันหรือยัง ถ้าขณะจิตปัจจุบันยังไม่พ้นจากทุกข์ ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากทุกข์ จิตทีไม่ไหลไปในอดีต จิตที่ไม่ไหลไปในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อยากทราบว่าแล้วจิตที่เป็นขณะปัจจุบันเป็นอย่างไร แล้วสภาวะผู้ตื่นรู้แล้วเป็นอย่างไร มาแชร์ประสบการณ์กันครับ :cool:
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    สำหรับส่วนตัวนะครับ..
    เอาจิตให้มันคลายตัวได้
    หรือขยายตัวออกได้ คือแบบ
    ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามาจากภายนอก
    ไม่ว่าจากอดีตหรือปัจจุบันหรืออนาคต
    หรือไม่มีการปรุงแต่งใดๆจากภายใน
    แล้วส่งออกไปภายนอกไม่ว่าจะเรื่องอะไร
    และไม่ต้องใช้วิธีการใดๆเข้ามาบังคับ..
    หรือใช้หลักการอะไร..ไม่ว่าจะตบะ ฌาน ญาน
    สมาธิ กำลังจิต สติ ปัญญาทางโลก ปัญญาทางธรรม อะไร..
    ได้ซักไม่วินาที ไม่กี่นาที
    ในแต่ละวันได้ของมันเอง..
    ส่วนมันจะเป็นไปอย่างไร
    ในอนาคตก็ตามวาระ..
    เท่านี้ก็ถือว่านะ...
     
  3. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ถ้ายังมี ขันธ์ 5 อยู่ ก็ยังไม่พ้นทุกข์อยู่ดี

    ต่อให้เป็นพระอรหันต์ จิตไม่เป็นทุกข์ ก็จริง แต่เมื่อยังมีร่างกาย ก็ยังคงต้องทุกข์จากร่างกายนี้อยู่ดี



    ดังนั้นจะบอกว่าเมื่อยังอยู่ในโลก จะเรียกว่าพ้นทุกข์ ก็คงไม่ได้

    พระท่านจึงกล่าวว่า การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เข้าสู่พระนิพพาน นั่นแหละถึงเรียกว่า ความสุขจริง



    ส่วนการทำอย่างไรให้จิตไม่ทุกข์ ท่านก็ต้องเจริญปัญญา พิจารณาตามความเป็นจริง

    ว่าทุกอย่างในโลกมันไม่เที่ยงจริงไหม ทุกอย่างในโลกมันเป็นทุกข์จริงไหม และทุกอย่างในโลกล้วนเป็นอนัตตา คือต้องสลายตัวหมด ไม่ใช่ตัวเราตัวเขา จริงไหม

    ถ้าท่านพิจารณาไปเรื่อยๆ จิตท่านก็จะเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น ความทุกข์ของจิตก็จะน้อยลงครับ
     
  4. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    "จิตทีไม่ไหลไปในอดีต จิตที่ไม่ไหลไปในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง" มันเกี่ยวอะไรกันหรอครับ ไม่เข้าใจ

    พระอรหันต์ที่มีอภิญญาก็จะสามารถรู้อดีตและอนาคตได้(อนาคตระยะสั้นหรือยาว)

    "ช่วงนี้เห็นมีกระทู้คนอยากไปนิพพานกันเยอะ ถ้านิพพานคือ ที่ๆ ผู้พ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ดับกิเลสแล้วไปอยู่ นิพพานจึงเป็นอมตะ เที่ยงแท้ แล้วขณะปัจจุบันนี้ ขณะที่มีลมหายใจเข้าออกอยู่นี่ ท่านพ้นทุกข์กันหรือยัง ถ้าขณะจิตปัจจุบันยังไม่พ้นจากทุกข์ ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากทุกข์ จิตทีไม่ไหลไปในอดีต จิตที่ไม่ไหลไปในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อยากทราบว่าแล้วจิตที่เป็นขณะปัจจุบันเป็นอย่างไร แล้วสภาวะผู้ตื่นรู้แล้วเป็นอย่างไร มาแชร์ประสบการณ์กันครับ"


    ข้อความในกระทู้ของ จขกท.เหมือนจะเริ่มต้นได้ดี แต่ชักเป๋ออกนอกทางไปในตอนท้ายที่ผมใส่สีแดงตัวหนาเอาไว้
     
  5. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    โฮขอร่วมตอบด้วยนะคะ สำหรับโฮเป็นการพ้นทุกข์ชั่วคราว เพราะจิตสงบจากนิวรณ์ค่ะ ตราบใดที่จิตทรงตัวอยู่ในสมาธิ และปราศจากความเร่าร้อนอยากได้อยากมีอยากเป็น รวมถึงความอยากไปนิพพาน โฮจะมีความสุขมาก สุขเพราะพ้นจากทุกข์ในทุกขณะที่จิตพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะมีขณิกสมาธิและฌานต้นเป็นอารมณ์ โฮต้องปล่อยวางความอยากทุกอย่าง โดยเฉพาะความอยากไปนิพพาน
     
  6. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ถ้าคุณ ปล่อยวาง ความปรารถนาไปนิพพาน

    แล้วจุดหมายปลายทางคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ

    หรือว่า ไม่มีจุดหมาย แล้วเวียนว่ายตายเกิดไปทั่ว



    พระท่านก็บอกว่า พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ อยู่ที่นิพพาน

    แล้วถ้าคุณไม่ปรารถนาไปพระนิพพาน แล้วคุณจะไปไหน

    ความปรารถนาพระนิพพาน ถือเป็นอธิษฐานบารมี ไม่ใช่กิเลสที่คุณควรปล่อยวาง

    อธิษฐานบารมี นั้นเป็นเป้าหมาย ว่าคุณทำไปเพื่ออะไร แล้วจุดหมายอยู่ที่ไหน



    ผู้ที่ปรารถนา พุทธภูมิ ปัจเจกพุทธภูมิ และ สาวกภูมิ ก็ปรารถนาพระนิพพานทั้งนั้น

    ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายคือพระนิพพาน คุณก็ไปไม่ถึงพระนิพพานนะครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ใยมิชั่งใจ ระงับ ฟังความ เจ้าแม่เมืองคาน เสียให้ดีก่อนเล่า

    สิ่งที่ต้องพิจารณา หาใช่ ข้อความ คำพูด

    แต่เป็น สิ่งที่เจ้าแม่เขาสื่อว่า แม่นาง มีการกระทำใดปรากฏ

    ก็ จิตไม่ห่างจากฌาณ ปราศจาก ราคะสัญญา มีขณิกสมาธิ
    และฌานต้น เป็นอารมณ์

    แล้ว ใย เศร้าหยุ๋น จึงไปไล่ตะครุบเอาตรง คำพูด "อยากนิพพาน"
    ประหนึ่ง คนเขาสำรอก กิเลส(อยาก) ออกแล้ว ก็ไป กดเขาโคข่มให้กินหญ้า !! ฉะนั้น
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้างอิง อ้าวววว คลิกสิ รออัลไล
     
  9. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    มรรค-ทาง

    จะพ้นทุกข์ก็ต้องมีทาง
    ทางคือฌาน ฌานคือทาง ฌานคือมรรค
    เมื่อสำเร็จคือฌานเวตยิตนิโรธหรือฌานนิโรธสมาบัติ หรืออัพยาธรรม หรือวิสังขาร หรือนิพพาน ฯลฯ
    ทางนั้นมีทางเดียวเท่านั้น
    ธรรมหลวงปู่สาวกโลกอุดร อรหันต์ยุคกลึ่งพุทธกาลที่แท้จริง
    ผมได้แค่ฌาน8 ไม่บรรลุอะไร
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อุเหม่ ท่าน ได้ถึงฌาณ8

    ถามว่า.........สะดึง สะดึง สะดึง [ ...โดนตี_ ปลากอบ... ]

    ถามว่า ฌาณ8 เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง !? [ เวลา ตอบคำถาม ห้ามเอา หัวตา มาชนกันที่ ดั้งตะหมูก ]




    ปล. ห้ามหลับตาซ่อน ลูกตา และ ห้าม กรอกลูกตากลับไปข้างหลัง จนเห็นแต่ ตาขาว เฮียรับทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2016
  11. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ทีหลังตั้งใจไว้ก่อนว่า ถ้าออกได้จะขอไปพระนิพพาน แล้วไปจะหาแม่ หาปู่ แต่ว่าการตั้งใจไว้ก่อน เวลาภาวนาก็อย่านึกถึงท่านนะ ทิ้งเลย ถ้าออกปั๊บมันจะพุ่งไปเลย ขณะที่ภาวนาเราต้องทิ้งอารมณ์อยากจะไปนิพพาน จะไปหรือไม่ไปไม่สำคัญ แต่ทำใจให้สบายนี่ มันจะไปได้ ซึ่งซ้อมแบบนั้นน่ะดีแล้ว มันจะเคลื่อนได้ดี

    ที่ท่านกล่าวอย่างนี้

    ตอนเริ่มแรกต้องตั้งใจไว้ก่อนว่า จะขอไปพระนิพพาน

    แต่เวลาทำสมาธิ ต้องทำใจให้ว่าง ไม่งั้นจิตจะฟุ้งไม่มีสมาธิ



    และการระลึกถึงพระนิพพานเป็น อารมณ์ ก็คือ อุปสมานุสติกรรมฐาน เป็น 1 ใน กรรมฐาน 40 กอง

    คุณนายโฮ กล่าวถึง การพ้นทุกข์เพียงชั่วคราว เวลาสงบจากนิวรณ์ ก็ไม่อยากอะไร

    แต่ไม่ได้กล่าวถึง การปรารถนาพระนิพพาน



    ผมจึงอยากจะบอกว่า ความปรารถนาพระนิพพาน เป็นอธิษฐานบารมี

    เป็นจุดมุ่งหมายที่คุณจะไป

    คุณจะเอาแค่ สงบระงับจากนิวรณ์ เพียงอย่างเดียวไม่ได้หรอก คุณต้องมีจุดหมายที่จะไปด้วย
     
  12. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    แหม.. การตั้งสัจจะอธิษฐาน มีความหมายต่างจาก ความอยาก ไม่ใช่หรอคะ
     
  13. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    ท่านพูดทุกอย่างดีหมดค่ะ ยกเว้นบอกว่าโฮเป็นเจ้าแม่เมืองคาน คนจีบโฮเยอะนะคะ แต่โฮเลือกค่ะ หุหุ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กลุ้ม ตกลง เคยลงมือ ปฏิบัติ ไหมครับ

    กรุณา เอารสธรรม จากการปฏิบัติ มาคุยกันนะ ไม่ใช่ ตีความตามตัวอักษร

    ก็พระท่าน กล่าวอยู่ว่า " ทิ้งอารมณ์อยากจะไปนิพพาน " ซึ่งก็ ตรงกัน
    กับ การบรรยายการปฏิบัติของ เจ้าแม่เมืองคาน วี๊ดวิ๊ววว !! แล้ว

    และถ้า เอานัยยะ การปฏิบัติมา เสวนา การที่จิตมี ฌาณ เป็นอารมณ์
    อันนี้ มันก็บอกในตัวอยู่แล้วว่า จิตมีปิติ ...เมื่อจิตมี ปิติ จิตย่อมมี
    ธรรมวิจัยยะ ไม่ต้องตรึกอะไรเพิ่ม

    แล้ว เจ้าแม่เมืองคาน ไม่ได้ ติดในฌาณ ...เพราะ มีการกำหนดรู้ กิเลส
    คือ นิวรณ์ว่า รำงับ เห็นอยู่ ก็เข้าสูตร สัลเลขาสูตร ธรรมเครื่องขัดเกลา

    และ ถ้า นิวรณ์รำงับ อวิชชา ก็หมดอาหาร จิตที่ ไม่เกิด อวิชชา ในวิถีจิต
    ปัจจุบัน ย่อม แล่นสู่ มหาสมุทร หรือ มี นิพพาน เป็นที่หยั่งลง ไม่ต้องตรึก
    ไม่ต้องปราถนา เย็นใจได้ ล้าน%


    นะ ถ้า เอาแต่ตีความ ก็ดิ้นอีก เก่งกว่า ครู เก่งกว่า พระ เก่งกว่า คนที่ปฏิบัติจริงรู้จริง


    จบ นะ พุกกะพุง สันติ !!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2016
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุงนาย จะ คลิกอ่าน ธรรมะของหลวงพ่อ ก็ได้นะฮับ

    ขณิกสมาธิ กับ ปฐมฌาณ เนี่ยะ เพียงพอ แก่การ ถึงนิพพาน หยั่งลงสู่นิพพาน ล้าน%

    โดยไม่ต้อง เสียเวลา แหกตาไปเห็น ฮาอะไร .....

    รู้สึกหลวงพ่อจะบรรยายไว้ สุข สุข โก โก อะไรนี่แหละ

    แต่ถ้า จิตเป็นสมาธิ มีกำลัง ถึงไม่อยากเห็น แต่ จิตมันจะเห็น
    ก็เรื่องของ กรรมเวร ห้ามไม่ได้ เนาะ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ถ้าไป เรียน อภิธรรม การถูกกระแซะ ในบางจุด จะไม่เกิดการกระเพื่อม
    เสียเวลาไป โต้ตอบ เลยนะ

    แต่.....

    แต่ คุงนายโฮคร้าบ ท่าน ทิ้งอยากไปนิพพาน แต่ ท่านแอบ
    แย๊บว่า "โฮเลือก" .........

    อันนี้ เก็บหางที่ไหวๆ ขึ้นมา ไม่ดีกว่าหรือฮับ จะ "เก็บอาการเผื่อเลือก"
    เอาไว้เป็น "พิษ" ให้ มารสบช่อง ย้อนแย้ง ทำไม
     
  17. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ถ้าคุณปฏิบัติ ตามที่คุณพูดมานะ คุณจะไม่กล่าวอย่างนี้หรอก

    คุณแน่ะ เคยปฏิบัติ หรือเปล่า หรือเอาแค่อ่านเอา



    หลวงพ่อท่านก็กล่าว อย่างนี้ ผมก็เอาคำหลวงพ่อมา กล่าว

    แล้วคุณก็มาบอกว่า เก่งเกินครู เอาคำครูมากล่าวแล้วเก่งเกินครูตรงไหน

    การปฏิบัติในสมาธิ มีจิตตั้งมั่นแค่นั้น ก็เข้าพระนิพพาน

    อย่างนี้พวกพรหม ก็เข้านิพพานหมดแล้วสิ



    การระงับ นิวรณ์ แต่ไม่พิจารณาใน ไตรลักษณ์ แล้วจะเข้าพระนิพพาน

    รู้สึกว่า คุณจะเก่งเกินครูไปแล้วนะ



    อีกอย่าง คนที่ปฏิบัติจริง เขาจะไม่มากล่าว จาบจ้วง ผู้อื่น แบบคุณหรอก

    การกล่าววาจาแบบคุณ เขาเรียกว่า ไม่มีสัมมาวาจา สัมมาวาจายังไม่มีเลย จะมีสัมมาสมาธิได้อย่างไร
     
  18. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    สุกขวิปัสสโกค่ะ

    บางคนชอบแบบสุกเอาเผากิน เรื่องความละเอียดเรียบร้อย การรู้เล็กรู้น้อยแสดงฤทธิ์ อวดเดช
    เดชาอะไรนั้น ไม่มีความต้องการ หวังอย่างเดียวคือความบรรลุผล ท่านประเภทนี้พระพุทธเจ้ามีแบบ
    ปฏิบัติไว้ให้เรียกว่า สุกขวิปัสสโก คือปฏิบัติแบบสบาย เริ่มด้วยการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เรื่องศีลนี้
    นักปฏิบัติต้องสนใจเป็นพิเศษ ถ้าหวังผลในการปฏิบัติแล้ว อย่าให้ศีลบกพร่องเป็นอันขาด แม้แต่
    ด่างพร้อยก็อย่าให้มี ถ้าท่านเห็นว่าศีลเป็นของเล็กน้อย ปฏิบัติยังขาด ๆ เกิน ๆ แล้ว ท่านไม่มีหวังใน
    มรรคผลแน่นอน เมื่อมีศีลครบถ้วนบริสุทธิ์ผุดผ่องดีแล้ว ท่านก็ให้เจริญสมาธิ ตอนสมาธินี้ ท่านฝ่าย
    สุกขวิปัสสโกท่านไม่เอาดีทางฌานสมาบัติ พอมีสมาธิเล็กน้อยก็เจริญวิปัสสนาญาณควบกันไปเลย
    คุมสมาธิบ้าง เจริญวิปัสสนาบ้าง พอสมาธิที่รวบรวมได้ทีละเล็กละน้อย เมื่อสมาธิเข้าถึงปฐมฌาน
    วิปัสสนาก็มีกำลังตัดกิเลสได้ จะได้มรรคผลก็ตอนที่สมาธิเข้าถึงปฐมฌาน หากสมาธิยังไม่ถึงปฐมฌาน
    เพียงใด จะได้มรรคผลไม่ได้ นี้เป็นกฎตายตัว เพราะมรรคผลต้องมีฌานเป็นเครื่องรู้ ฌานนี้จะบังเกิด
    ขึ้นเมื่อจิตเข้าสู่อุปจารสมาธิ คือเกือบถึงปฐมฌาน ห่างกันระหว่างปฐมฌานกับอุปจารฌานนั้น เพียง
    เส้นผมเดียวเท่านั้น จิตเมื่อตั้งมั่นในอุปจารสมาธิแล้ว ก็จะเกิดทิพยจักษุฌาน คือเห็นสิ่งที่เป็นทิพย์
    และได้ยินเสียงที่เป็นทิพย์ได้ เพราะตามธรรมดาจิตนั้นเป็นทิพย์อยู่แล้ว ที่ต้องมาชำระกันใหม่ด้วยการ
    ฝึกสมาธิ ก็เพราะจิตถูกนิวรณ์ คืออกุศลหุ้มห่อไว้ ได้แก่ความโลภอยากได้ไม่มีขอบเขต ความผูกโกรธ
    คือพยาบาทจองล้างจองผลาญ ความง่วงเมื่อขณะปฏิบัติทำสมาธิ ความฟุ้งซ่านของอารมณ์ในขณะฝึก
    สมาธิ ความสงสัยในผลปฏิบัติโดยคิดว่าจะได้หรือ จะสำเร็จหรือ ทำอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร ความ
    สงสัย ไม่แน่ใจอย่างนี้ เป็นนิวรณ์กั้นฌานไม่ให้เกิด รวมความแล้ว ทั้งห้าอย่างนี้นั่นแหละ แม้เพียง
    อย่างเดียว ถ้าอารมณ์ของจิตยังข้องอยู่ฌานจะไม่เกิด จะคอยกีดกันไม่ให้จิตผ่องใส มีอารมณ์เป็นทิพย์
    ตามสภาพปกติได้ จิตเมื่อถูกอกุศลห้าอย่างนี้หุ้มห่อก็มีอารมณ์มืดมนท์รู้สิ่งที่เป็นทิพย์ไม่ได้เพราะ
    อำนาจอกุศลคือนิวรณ์ห้านี้จะพ้นจากจิตไปได้ก็ต่อเมื่อจิตทรงอารมณ์ของฌานไว้ได้เท่านั้น ถ้าจิตทรง
    อารมณ์ปฐมญานไม่ได้ จิตก็ต้องตกเป็นทาสของ นิวรณ์
    อารมณ์ปฐมฌานนั้นมี ๕ เหมือนกัน คือ
    ๑. วิตก คำนึงถึงองค์กรรมฐานที่ฝึกตลอดเวลา
    ๒. วิจาร ใคร่ครวญกำหนดรู้ตามในองค์กรรมฐานนั้น ๆ ไม่ให้บกพร่องตรวจตราพิจารณาให้
    ครบถ้วนอยู่เสมอๆ
    ๓. ปีติ มีความเอิบอิ่มรื่นเริงหรรษา ไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    ๔. สุข เกิดความ สุขสันต์หรรษาทางกายอย่างไม่เคยปรากฏมาในกาลก่อนมีความสุขสดชื่น
    บอกไม่ถูก
    ๕. เอกัคคตารมณ์ มีอารมณ์มั่นคงในองค์กรรมฐาน จิตกำหนดตั้งมั่นไม่คลาดจากองค์
    กรรมฐานนั้นๆ

    ทั้งห้าอย่างนี้เป็นอารมณ์ของปฐมฌาน เมื่อเข้าถึงตอนนี้จิตก็เป็นทิพย์มาก สามารถกำหนดจิตรู้
    ในสิ่งที่เป็นทิพย์ได ้ก็ผลของวิปัสสนา คือมรรคผลนั้น การที่จะบรรลุถึงได้ต้องอาศัยทิพยจักษุญาณ
    เป็นเครื่องชี้ ตามที่ท่านกล่าวไว้ว่าเมื่อภิกษุบรรลุแล้วก็มีญาณบอกว่ารู้แล้ว ที่พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้
    ก็ทรงหมายเอาญาณที่เป็นทิพยจักษุญาณนี้ถ้าบรรลุอรหัตตผลแล้ว ท่านเรียกว่า วิมุตติญาณทัสสนวิสุทธิ
    วิมุตติแปลว่า หลุดพ้น ญาณ แปลว่า รู้ ทัสสนะ แปลว่า เห็น วิสุทธิ แปลว่า หมดจดอย่างวิเศษ คือ หมด
    ไม่เหลือ หรือสะอาดที่สุด ไม่มีอะไรสกปรก (บอกไว้เพื่อรู้)

    ฉะนั้น ท่านสุกขวิปัสสโก ถึงแม้ท่านจะรีบปฏิบัติแบบรวบรัดอย่างไรก็ตาม ท่านก็ต้องอาศัยฌาน
    ในสมถะจนได้ แต่ได้เพียงฌานเด็กๆ คือปฐมฌาน เป็นฌานกระจุ๋มกระจิ๋มเอาดีเอาเด่นในเรื่องฌาน
    ไม่แน่นอนนัก กล่าวโดยย่อ ก็คือ
    ๑. ท่านรักษาศีลบริสุทธิ์ ชนิดไม่ทำเอง ไม่ใช้ให้คนอื่นทำ และไม่ยินดีในเมื่อคนอื่นทำบาป
    ๒. ท่านเจริญสมาธิควบกับวิปัสสนา จนสมาธิรวมตัวถึงปฐมฌานแล้ว ท่านจึงจะได้
    สำเร็จมรรคผล
    ท่านสุกขวิปัสสโก มีกฏปฏิบัติเพียงเท่านี้ ท่านจึงเรียกว่า สุกขวิปัสสโก แปลว่า บรรลุแบบ
    ง่ายๆ ท่านไม่มีฌานสูง ท่านไม่มีญาณพิเศษอย่างท่านวิชชาสาม ท่านไม่มีฤทธิ์ ท่านไม่มีความรู้พิเศษ
    อะไรทั้งสิ้น เป็นพระอรหันต์ประเภทรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ไม่มีคุณพิเศษอื่นนอกจากบรรลุมรรคผล

    http://www.palungjit.org/smati/k40/arahan1.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤษภาคม 2016
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กั๊กๆๆๆ คน อวดว่าตนปฏิบัติ แต่ ไล่จับแต่บัญญัติ แปลความเป็น ภาษาปฏิบัติไม่เป็น

    คุณคร้าบ คำว่า " เห็นนิวรณ์รำงับ " เนี่ยะ ไม่มี ไตรลักษณ์ญาณ
    เห็นธรรมฝ่ายดับ หรือฮับ

    นิวรณ์รำงับ บ้านพอ!! ใครครับ ไม่มีไตรลักษณ์ !!! ยังไม่ได้ปรารภเห็น ไตรลักษณ์

    ลองถาม คุงนายโฮ จิฮับ ทำไมเห็น " นิวรณ์รำงับ "

    ถ้าคุงนายโฮ ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่เห็นไตรลักษณ์ ติดสมถะ เดี๋ยว
    ก็แพลมออกมาเองเพราะ ฌาณ ฮา เฮว โน้น นั่น นี่

    แต้ถ้า ปฏิบัติถูกต้อง..........ร้อยละร้อย ไม่รู้จะตอบยังไง....
    เพราะ คนปฏิบัติเท่านั้น ที่จะ รู้ คนไม่รู้ ก็ไล่ตีความไปเรื่อย !!
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เนี่ยะ ถ้า ลองตัดแปะ มาตอบแบบนี้ หากเป็นคนอื่น เขาจะหาว่า คุงนายโฮ ติดตำรา

    แต่ สำหรับคนปฏิบัติ ที่ จนใจจะตอบ จะอธิบาย การตัดแปะ
    นั้น มีแนวโน้ม ชี้ได้ว่า ..............................

    แทงตลอดไปถึง " ยอดของอาหาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...