ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การอธิบายของผมไม่ได้เป็นเหตุให้ใครบรรลุ
    หรือไม่บรรลุอะไร ผมเองก็เป็นแค่เหตุปัจจัยหนึ่ง

    ที่ทำไปตามหน้าที่ของตนเท่านั้นเอง
     
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    พอเข้าใจครับการวางทำเดิมมันไม่ง่ายยิ่งคนเคยฝึกโน่นนี่นั่นยิ่งเห็นอะไรยิ่งวางยากใหญ่เลย เพราะพอเข้าใจว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งมันต้องไปด้วยใจและความรู้สึก สติปัญญาสมาธิ เป็นแค่ส่วนประกอบในการก้าวเดินเท่านั้นเอง ขนาดจะคุยจะดูอะไรยังใช้แค่ใจเลย พอถึงจุดหนึ่งใจก็ต้องวางอีก
    แต่ที่ไม่ค่อยเข้าใจคือในเมื่อมองทุกอย่างเป็นธรรมแล้ว ทำไมถึงเลือกที่ปฏิเสธมันไม่เรียนรู้มัน ในเมื่อมันเป็นธรรมแล้วไม่เรียนรู้มันจะใช้มันได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นธรรมทุกอย่างอยู่ที่การใช้งาน พอใช้มันไม่เป็นก็บอกว่ามันไม่ดีมันไม่ใช่นี่ครับ ในเมื่อเรายังดีไม่พอที่จะใช้ธรรมนี้ ทำไมไม่ทำตัวให้ดีพอละครับ ในเมื่อมองทุกอย่างเป็นธรรมทุกอย่างก็เป็นเรื่องทำ มะดา
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมบัวบานเป็นธรรมะที่ธรรมดาๆ


    แต่เป็นจริง ณ เวลาปัจจุบัน ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ
    เช่น ทำไมเด็กแว๊นซ์ต้องไปซิ่งรถ, เด็กแนวต้องแหกคอก ฯลฯ
    เมื่อไม่เข้าใจธรรมดาโลก ณ ปัจจุบัน เหล่านั้น พวกเขาก็จะไปแสวงหา
    "ธรรมะ" ซึ่งไม่ใช่ธรรมดาโลก ปัจจุบัน แต่เป็นธรรมะอันสูงส่ง ล้ำลึก อุดมคติ


    ทว่า นั่นแหละ คือ การหนีโลก แบ่งแยกโลกธรรม และก่อเกิดลัทธินิกายต่างๆ นั่นเอง
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตามปกติ.....จิตใจของคนเรา เวลาคิด จะทำอะไร ก็ย่อมต้องดู ..ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของคนส่วนใหญ่ในสังคม ในครอบครัว...นั่นเพราะป้องกันระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก กัน...เรียกว่า..เป็นการรักษาความสงบสุข ในพื้นที่...ที่ตนเองอยู่ นั่นเอง

    แต่ปัจจุบัน เด็กรุ่นใหม่..ถูกระบบการแก่งแย่งแข่งขันทางสังคม ทำให้พ่อแม่ปู่ย่าตายาย..ไม่ได้มีเวลา อยู่ร่วมกัน ....เด็กรุ่นใหม่..ถูกผลักดันให้ ออกจากครอบครัว เข้าสู่สนามรบตั้งแต่เด็ก คือ อนุบาลเลย...จึงเหมือนชีวิตที่ถูก พ่อแม่ทอดทิ้ง..ความรู้สึกที่ยังไม่พร้อมจะออกสู่โลกภายนอก..เมิ่อไม่พร้อม ก็จะเหมือนเป็นการทำลายความรู้สึกดีดี ของเด็กไป...นั่นเอง

    ก็จะเป็น ว่า..โลกคือสิ่งเลวร้าย สังคมคือสิ่งเลวร้าย ผู้ใหญ่คือพวกเลวร้าย....นั่นเอง

    เด็กจึงจำต้องหา...ที่พึ่งทางใจให้กับตัวเอง...ด้วยตัวเอง
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เด็ก หรือ ผู้ใหญ่..ก็ย่อมเข้าหา กลุ่มคนที่...วัยไกล้เคียงกัน ชอบสิ่งที่คล้ายๆกัน สุมหัวกัน เพื่อทำกิจกรรมที่ระบายความในใจออกมา...นั่นเพราะ วัยรุ่นคือวัยที่มีพละกำลัง มากมาย...เมื่อผู้ใหญ่ ไม่สนใจเอาใจไส่ดูแล ควบคุมให้วัยรุ่น มีสติปัญญาและดูแลให้อยู่ในกรอบ..ดังนั้น..วัยรุ่นปัจจุบัน จึงกล้าทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกคอก...โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก นั่นเพราะ..ประชดที่ผู้ใหญ่ ที่ไม่ให้ความไส่ใจ ต่ออารมณ์ความรู้สึก ความคิด ต่อพวกเขา มากมาย เหมือนกัน นั่นเอง

    นี่เป็นเรื่อง..ใหญ่ที่...ลืมกันว่า.....ควายถึกที่คึกพิโรธ...ต่อให้ควายแก่ๆ เก๋าแค่ไหน...ก็เอาไม่อยู่
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผู้ใหญ่ ทุกวันนี้ ขาดมนต์ขลัง ขาดภูมิปัญญาที่แท้จริง...ในการ ควบคุมดูแลสังคม
    นั่นเพราะ...คำว่า ประชาธิปไตย ตัวใครตัวมัน ตัวฉัน ตัวแก

    ผู้หญิง มาเรียกร้อง หาความเท่าเทียม..ไปทำไมกัน..ทั้งที่รู้อยู่ว่า ตนเองคือเพศที่อ่อนแอกว่า ถูกรังแก ข่มเหงได้ง่ายๆ...แต่ยังคิดจะมีปีกกล้าขาแข็ง...ออกมาลงสนามรบในสังคม..ซึ่งมันไม่ไช่วิสัยที่ถูกต้อง ตามธรรมชาติ...มีแต่ถูกหลอกใช้...ด้วยคำหวาน เท่านั้นเอง
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การปฏิบัติตน การวางตน การรู้ตน ของ...ความเป็นผู้หญิง และ ผู้ชาย จึงแตกต่างในบทบาท ของฐานะและหน้าที่กัน....ถ้าหาก..แม้แต่เรื่องที่ควรเป็นไปตามธรรมชาติ นี้...ยังไม่พากันยอมรับ และปฏิบัติตาม..สังคม..ก็ย่อม..ผิดปกติ..อย่างแน่นอน..ดังที่ได้เห็นกันใน ปัจจุบันธรรม
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ซึ่งสิ่งที่ฟ้องว่า มันเป็นธรรม
    สิ่งที่บอกว่ามันเป็นธรรม หรือไม่...ก็คือ ความยุติธรรม ความถูกต้อง..สิ่งที่ถูกต้อง ตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น....ปัญญารู้เหล่านี้....มันต้อง ควรรู้และเข้าใจกันได้ทุกคน นั่นเพราะมันคือสิ่งที่ มนุษย์ทุกคน....ต้องรู้ ต้องเข้าใจ

    ธรรมใดใด...ศาสดาใดใด ลัทธิใดใด....เส้นทางไหน...ก็คงไม่สำคัญเท่า..

    อะไรกันเล่า....คือสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรทำ ที่ควรเป็น....อันนี้ คือ คำถามในใจของคนทุกคน ในปัจจุบันนี้
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เวลา...วัยรุ่น..ทะเลาะกัน สร้างความเดือดร้อน วุ่นวาย.....คนเขาจะด่าเหมือนกันก็คือ...พวกนี้คือพวกที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน......เนี่ย....ลงเอยตรงนี้ เหมือนกัน

    แต่ ทว่า...พ่อแม่เด็ก...จะเดือดร้อน สำนึกตนหรือไม่...ในคำที่เขาด่า..มาว่า..เป็นเพราะ พ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอน ให้ลูกตนเอง..รู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรม
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สังคมขาด ที่พึ่ง
    สังคมขาดเกราะป้องกัน
    สังคมขาด สติปัญญา ขาดภูมิปัญญาที่ถูกต้อง
    สังคมขาด ศูนย์รวม
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ท่านดอกไม้เย็น...ไม่ไปเป็นศาสดาขาแว๊นซ์.....ให้กับพวกเด็กแว้นเหล่านี้ ล่ะครับ
    ก็ไหนว่า เห็นธรรมบัวบานในเด็กแว้นนนนน....แล้ว โยนิโสมาไส่ตน ไง
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ธรรมบัวบาน มีผู้ ทำหน้าที่ด้วยหรือครับ....ท่านทำตามหน้าที่ หรอกหรือครับ

    งั้น..เชิญท่าน ทำหน้าที่..ต่อเลยครับ
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จงมีดวงตาที่เห็น "คุณค่าในทุกสรรพสิ่งอย่างเท่าเทียมกัน" เถิด


    สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีคุณค่า และหน้าที่ที่สำคัญในตัวของมันเอง
    มนุษย์ทุกคนก็มีคุณค่าในตัวเอง เท่าเทียมกัน ไม่ต่างกันเลย

    เมื่อใดที่ดวงตาแห่งความงดงามของเรา เปิดขึ้นแล้ว เราจะเห็นพุทธเกษตร
    โคลนตมก็คือ สิ่งที่งดงาม ไม่ต่างจากเพชรที่เปล่งประกายแวววาวใส

    เด็กที่ทำตัวเกเร คนที่ทำตัวแหกคอก คนที่ได้ชื่อว่าโฉดชั่ว ฯลฯ ล้วนมีคุณค่า
    แลพวกเขาก็มีความงดงามในแบบของตัวเอง เพราะความมีคุณค่าของเขานั้น

    เพราะความงามของมัน มาจากคุณค่าภายในของมันเอง ที่มีอยู่เองแล้ว
    แลไม่มีสิ่งใด หรือมนุษย์คนใดในโลกนี้ที่จะไม่มีคุณค่าและความงามนั้น

    เมื่อครั้งดวงตาแห่งความงดงามของเธอยังไม่ได้เปิดออกมาให้เห็นพุทธเกษตรนั้น
    เธอเห็นคนที่ต่ำต้อยกว่า น่าสงสารกว่า เธอไม่ได้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของพวกเขา

    เมืื่อเธอสงสาร นั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะเธอไม่ได้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของเขาเลย
    แลความรักที่แท้จริง ย่อมไม่ใช่ความสงสาร แต่มันคือการเห็นคุณค่าของเขาอย่างที่เป็นจริงๆ

    ความรักที่แท้จริง จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเธอไม่ได้สงสารเขา ไม่ได้เห็นเขาต่ำต้อยกว่าเธอ
    แต่เห็นเขามีคุณค่า มีความงดงาม อย่างที่เขาเป็น อย่างที่เขามีอยู่จริงๆ ต่างหาก

    แลเมื่อนั้น เธอจะรักในทุกๆ สรรพสิ่ง มนุษย์ทุกๆ คน แลโลกนี้ก็เป็นพุทธเกษตรโดยพลันฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤษภาคม 2016
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บรรยาย ได้ดีเลย....ธรรมเก่า รึธรรมบัวบาน ล่ะเนี่ย
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    แสดงว่าแยกแยะธรรมไม่ออกเลยนะครับเนี่ย


    ธรรมเก่าสายสุขาวดี เช่น แนวๆ พระกวนอิม, พระถังซัมจั๋ง
    คุณจะเห็นได้ชัดว่า "นิยามของความเมตตา" ต่างกันชัดเจน
    ของเก่าคือ สงสารปวงสัตว์ เวทนา (เวทนาห้าน่ะละ) สัตว์
    แต่ไม่มีสอนเรื่องการเห็นคุณค่าที่เท่าเทียมกันของสัตว์กับเรา
    ดังนั้น ธรรมเก่าจึงสอนให้เราไป "โปรดสัตว์ที่ต่ำกว่าเรา" หรือ
    น่าสงสารกว่าเรา เอาความสงสารมาเป็นกำลังในเมตตาบารมี

    แต่ธรรมใหม่ (ธรรมบัวบาน) ต่างสิ้นเชิง ว่าไม่ใช่ความสงสาร
    เพราะความสงสารไม่ใช่ความรัก (เมตตา) มันเป็นเพียงการ
    มองผู้อื่นด้อยค่า ตีค่าผู้อื่นต่ำกว่าเรา เราจึงไปโปรดไปช่วยเขา
    แต่เรายังไม่ได้เห็น "คุณค่าในตัวของเขาที่แท้จริง ที่ไม่ต่างจาก
    เรา และเท่าเทียมกันทุกคน" เมืืื่อเรามองไม่เห็นได้อย่างนี้ เรา
    จะไม่อาจเกิด "ความรักแท้" (เมตตา) ขึ้นมาได้เลย


    โอเคมั้ยครับ?
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    โอเค ก้อได้...แล้ว ใครจะพา เป็นผู้พาปฏิบัติล่ะ...ปฏิบัติยังไง...รอใครเหรอ
     
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    กล่าวถูกใจครับเพราะทุกอย่างมีคุณค่าในตัวของมันเอง ธรรมทุกอย่างมีคุณค่าเสมอ แต่สิ่งที่ไม่ดีมันก็คือสิ่งที่ไม่ดี แต่สิ่งไม่ดีมันก็มีคุณค่าของสิ่งที่ไม่ดี เพียงแต่เรามักจะมองด้านเดียวว่ามันไม่ดีก็เลยมองข้ามไปซะ ต้นไม่ สัตว์สิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆล้วนมีธรรมให้เรียนรู้ เพียงแค่เรากล้าเปิดใจ อาจจะมีอะไรทีทำให้เราเจริญขึ้นเติบโตขึ้นมานะครับ
    เพียงแค่เราเปิดใจ เราก็จะเข้าใจหลายๆอย่างได้เองมันจะไหลเข้ามาเองเหมือนน้ำที่ค่อยๆซึมเข้ามา
    เพียงแค่คุณเปิดใจคุณอาจจะยิ้มเหมือนคนพี้กัญชา เวลามองหมาซักตัว (k)
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เอาแนวๆก็คนเลวโคตรดีเลยสาด ถ้ามันเข้าใจว่าสิ่งที่มันทำคืออะไร
    แต่ใครละจะทำให้มันเข้าใจ
     
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่อ เพราะธรรมนี้เหมาะสมสำหรับเด็กกลุ่มนี้ คนที่ไม่ใช่ก็จะไม่มีวันเข้าใจธรรมนี้คนที่ไม่เปิดใจก็จะไม่เข้าใจธรรมนี้เช่นกัน เพราะว่าคุณนั้นไม่ใช่ ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าร้อง
    พอเข้าใจละครับว่าคุณดอกไม้ถึงว่าธรรมนี้เป็นธรรมเด็กแนว เพราะคนที่เคยอยู่แต่ในระเบียบในกรอบในกฏในตำราต่างๆจะไม่มีวันเข้าใจเลย เพราะว่ามันเป็นอิสระแทบไม่มีกรอบอะไรเลย เป็นทำมะดา มากๆ
    อยากจะบอกว่ารู้สึกเข้าใจ อธิบายไม่ได้ว่าทำไม ไม่ได้โม้ สุดยอดอธิบายมาเป็นความรู้สึกนี่อะนะ แล้วก็กลับมาธรรมดาเหมือนเดิมขอบคุณมากครับ
    ออกมาจากกรอบซะ แล้วจะเข้าใจมันเองครับ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความคล้ายที่แตกต่างแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร


    กิเลสทั้งหลายล้วนเป็นธรรมะ ธรรมชาติ เป็นกลางๆ เช่นกันเองและมีหน้าที่ของมัน อุปมาดั่งโคลนตม ก็เป็นอาหารหล่อเลี้้ยงดอกบัว ฉันใดก็ฉันนั้น ในวิถีธรรมตามสัทธรรมปุณฑริกสูตรจึงมิได้สอนให้กำจัดกิเลส หรือทำจิตให้ขาวรอบแต่อย่างใด เพราะจิตนั้นบริสุทธิ์ประภัสสรอยู่แล้ว มีเพียงกิเลสมาจรเป็นครั้งคราว เป็นอาคันตุกะเท่านั้นเอง ทว่า เมือจิตยังไม่ตื่นแจ้ง ย่อมจะหลงใหลไปตามกิเลส เป็นธรรมดา การฝึกตนเพื่อพัฒนาอินทรีย์ห้านั้นจึงว่างเปล่าไร้รูปแบบ แต่มิใช่ความว่าง (เพราะความว่างคือรูป) ด้วยอาศัยสมมุติทั้งหลายเป็นดั่งโคลนตมเช่นนั้น บัวจึงเติบโตได้ อินทรีย์ห้าอันได้แก่ ศรัทธา, วิริยะ, สติ, สมาธิ, ปัญญา จึงเจริญได้ โดยมิต้องอาศัยการฝึกที่มีรูปแบบใดๆ อย่างสายโยคะตันตระนั้น ดังนี้ การทำงานตามปกติของชีวิตก็คือการฝึกจิต พัฒนาอินทรีย์ห้าของเราได้ นั่นเอง

    แลดอกบัวจะบานกลางใจได้ บุคคลย่อมต้องเข้าถึงซึ่งความรักแท้ อันมิใช่ความสงสาร เพราะความสงสารมาจากการเห็นผู้อื่นด้อยค่า ไม่เห็นคุณค่าของเขาที่เท่าเทียมกับเรา การเห็นผู้อื่นด้อยค่ากว่าจึงสงสารเขา ย่อมไม่ทำให้เกิด "ความรักแท้" ขึ้นมาได้เลย ตราบใดที่ยังไม่เห็นคุณค่าของทุกสรรพสิ่ง ทุกบุคคลที่เท่าเทียมกัน เหมือนการรักใครสักคนหนึ่ง เราย่อมเห็นคุณค่า เห็นคุณงามความดี หรือความงดงามของเขา ใช่หรือไม่? ความรักแท้ก็เริ่มต้นเช่นนั้น แล้วพัฒนาขึ้นไปเหนือความรักแบบปุถุชน เพราะความรักแท้จะนำทางให้เราพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น ยกระดับจิตวิญญาณของเราให้เหนือปุถุชน อุปมาดั่ง ดอกบัวที่ชูช่ออยู่เหนือน้ำนั้นเอง เมื่อพ้นวังวนแห่งรัก วังวนของปุถุชนได้ ดอกบัวนั้นก็พร้อมที่จะเบ่งบาน ต่อสู้กับแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงได้ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ อย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นจริง ณ ปัจจุบัน ประจักษ์แก่ตัวท่านเองโดยไม่ต้องรอชาติหน้า และไม่ต้องพิสูจน์ด้วยอะไรให้ยุ่งยากเลยครับ

    เมื่อผ่านการถูกบีฑาธรรมแล้ว ดอกบัวนั้นก็จะเบิกบานได้แท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...